การขับรถในช่วงที่มีฝนตกมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนมากกว่าปกติ การเตรียมสภาพรถ ให้พร้อมจะช่วยให้การใช้รถใช้ถนนในช่วงฤดูฝนมีความปลอดภัยมากขึ้น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอแนะปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุ และการเตรียมสภาพรถให้พร้อมขับขี่ในช่วงฝนตก ดังนี้
ปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนนช่วงฤดูฝน
- รถไม่พร้อม โดยเฉพาะระบบเบรก ระบบปัดน้ำฝน ยางรถยนต์ และสัญญาณไฟ
- ถนนไม่ปลอดภัย ทั้งถนนเปียกลื่น ผิวถนนมีสภาพเป็นทางโคลน และมีน้ำท่วมขัง
- พฤติกรรมเสี่ยงของผู้ขับขี่ ทั้งการขับรถเร็ว การเปลี่ยนช่องทาง การแซงในระยะกระชั้นชิด และการหยุดรถกะทันหัน
เตรียมรถพร้อม - ลดเสี่ยงอุบัติเหตุ
- ใบปัดน้ำฝน ใช้ยางใบปัดน้ำฝนที่มีขนาดตามมาตรฐานที่รถกำหนด กวาดน้ำได้สะอาด และไม่มีรอยขุ่นมัว รวมถึงเนื้อยางไม่แห้งกรอบ และไม่มีเสียงดังขณะใช้งาน
- ระบบเบรก หยุดรถได้ในระยะที่ปลอดภัย ขณะเหยียบเบรกไม่มีเสียงดัง และรถไม่มีอาการปัดหรือไถล รวมถึงตรวจสอบความหนาของผ้าเบรก จานเบรกไม่มีรอยสึกหรอ ไม่มีรอยรั่วซึมของน้ำมันเบรก
- ยางรถยนต์ ดอกยางละเอียด และมีความสูงไม่ต่ำกว่า 2.5 มิลลิเมตร ร่องยางลึก ไม่มีรอยปริ แตก หรือบวม และเติมลมยางให้มากกว่าปกติ 2 – 3 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เพื่อให้หน้ายางแข็ง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรีดน้ำและยึดเกาะถนน
- สัญญาณไฟ แสงไฟส่องสว่างทุกดวง โคมแก้วครอบสัญญาณไฟสะอาด และไม่มีรอยขุ่นมัว ปรับตั้งไฟ ให้ส่องสว่างในระยะเหมาะสมและอยู่ในระดับเดียวกันทั้ง 2 ข้าง
- กระปุกน้ำฉีดกระจก ไม่มีรอยรั่วซึม หัวฉีดน้ำไม่อุดตัน และเติมน้ำไม่ให้พร่อง
- อุปกรณ์ฉุกเฉิน อาทิ ยางอะไหล่ ไฟฉาย อุปกรณ์ลาก พ่วง จูง สายพ่วงแบตเตอรี่ สเปรย์ไล่ความชื้น
เทคนิคเพิ่มความปลอดภัย
- การใช้น้ำยาเช็ดกระจกและน้ำยาเคลือบกระจก จะช่วยขจัดคราบฝังแน่นบนกระจก ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นชัดเจนและและใบปัดน้ำฝนกวาดน้ำได้สะอาด
- การเปลี่ยนถ่ายน้ำเบรกทุกระยะทาง 20,000 – 40,000 กิโลเมตร หรือทุก 1 – 2 ปี จะช่วยให้ระบบเบรกทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
- การเติมลมยางมากกว่าค่ามาตรฐานเล็กน้อย จะช่วยให้ยางยึดเกาะถนนมากขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพในการรีดน้ำออกจากยาง
- การเปลี่ยนไฟหน้าให้มีแสงสว่างมากกว่ามาตรฐาน ทำให้แสงไฟสะท้อนกับละอองฝน ส่งผลให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางลดลง