ฟิทช์ เรทติ้งส์
ประกาศปรับลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Foreign
Currency IDR) ของธนาคารไทยพาณิชย์
จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ลงเป็น 'BBB’ จาก 'BBB+’ และลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้น
(Short-Term
Foreign Currency IDR) พร้อมกันนนี้ฟิทช์คงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ SCB ที่ 'AA+(tha)’ และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ
บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBS ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ
SCB
ที่
'AA(tha)’ โดยทั้ง SCB และ SCBS มีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
การปรับลดอันดับเครดิตของ
SCB
สะท้อนถึงความท้าทายของสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจและผลกระทบที่รุนแรงต่อเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสที่กระจายไปในวงกว้าง
โดยผลกระทบดังกล่าวได้เพิ่มแรงกดดันต่อสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานของธนาคารที่อ่อนแอมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและทั่วโลกที่ซบเซา
แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีมาตรการผ่อนปรนเพื่อช่วยสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้
แต่มาตรการเหล่านี้ไม่น่าจะหักล้างความเสี่ยงที่เกิดจากผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำต่อลูกหนี้ที่มีฐานะทางการงินที่อ่อนแอหรือเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางได้
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานของธาคารไทยสามารถดูได้จาก
“Coronavirus
Outbreak Increases Challenges for Thai Banks’ Operating Environment” ลงวันที่ 2 เมษายน 2563
เนื่องจากระยะเวลาและแนวโน้มความรุนแรงของสถานการณ์การระบาดของโคโรน่าไวรัสยังมีความไม่แน่นอน
ซึ่งตามสมมติฐานกรณีฐานของฟิทช์นั้นคุณภาพของสินทรัพย์รวมถึงผลการดำเนินงานของ SCB อาจได้รับผลกระทบอย่างมากในช่วงระยะเวลา
2
ปีข้างหน้าเมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานในปี 2562
โดยนอกจากระดับค่าใช้จ่ายการสำรองหนี้สูญ (credit cost) ที่อาจเพิ่มขึ้นแล้ว
รายได้ของธนาคารก็อาจจะปรับตัวลดลงจากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำรวมถึงรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ชะลอตัว
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
–
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ
อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ
อันดับเครดิตของ SCB พิจารณาจากโครงสร้างเครดิตของตัวธนาคารเอง
ซึ่งสะท้อนในอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating หรือ VR)
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิมีสถานะเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของธนาคาร
และมีอันดับเครดิตในระดับเดียวกันกับอันดับเคดริของธนาคาร
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้น สอดคล้องกับเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตของฟิทช์และสะท้อนถึงการประเมินโครงสร้างการระดมเงินและสภาพคล่องอขงธนาคารที่ระดับ
'bbb’
การคงอันดับเครดิตภายในประเทศและอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิสกุลเงินบาทสะท้อนถึงมุมมองของฟิทช์ว่าโครงสร้างเคดริตโดยรวมของ
SCB
ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนักเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศในไทย
แม้ว่าโครงสร้างเครดิตอาจจะปรับตัวด้อยลงบ้าง
ซึ่งบ่งชี้ได้จากการปรับลดอันดับเครดิตสากล
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
–
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ
SCB
สะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันในฐานะที่เป็นธนาคารชั้นนำในประเทศไทย
โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้ารายย่อย ซึ่งรวมถึงสินเชื่อที่อาศัย ธนาคารยังมีเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่ง
โดยธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงเป็น 1 ใน 3
อันดับในด้านขนาดสินทรัพย์และเงินฝากที่ประมาณ 14%-15% ในปี 2562 ฟิทช์มองว่า ณ
ระดับความแข็งแกร่งทางการเงินปัจจุบัน
ธนาคารน่าจะสามารถหลีกเลี่ยงการถูกปรับลดอันดับลงเพิ่มเติมได้
เนื่องจากฟิทช์เชื่อว่า SCB มีความสามารถในการรองรับผลกระทบเชิงลบที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นที่มีอันดับเครดิตที่ต่ำกว่า
เช่น ในด้านอัตราส่วนเงินกองทุนที่เป็นส่วนของเจ้าของ (Core Equity Tier 1) ที่ 17% ณ สิ้นปี 2562
และอัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (2562: 134%)
และฐานะสภาพคล่องและความสามารถในการระดมเงิน
นอกจากนี้ปัจจัยดังกล่าวจะมีความสำคัญต่อการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานของธนาคาร
อีกทั้งฟิทช์ยังเชื่อว่ามาตรการผ่อนปรนของธนาคารแห่งประเทศไทยในด้านคุณภาพสินทรัพย์และการปรับโครงสร้างหนี้น่าจะช่วยให้ธนาคารไทย
รวมทั้ง SCB
ให้สามารถรับมือกับสภาวะแวดล้อมที่ปรับตัวแย่ลงอย่างรุนแรงได้บ้าง
แต่คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบได้ทั้งหมด
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
–
อันดับเครดิตสนับสนุน
(Support
Rating) และ
อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ
อันดับเครดิตสนับสนุนและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำของ
SCB
สะท้อนถึงความสำคัญของธนาคารต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศไทย
ในฐานะที่ธนาคารมีฐานลูกค้าเงินฝากใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ในระบบธนาคารพาณิชย์
ฟิทช์ยังเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนช่วยเหลือ (extraordinary
support) แก่ธนาคารหากมีความจำเป็น
เนื่องจากธนาคารเป็นหนึ่งในธนาคารที่มีนัยต่อระบบเศรษฐกิจ (D-SIB) ของประเทศไทย
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
–
อันดับเครดิตบริษัทลูก
การคงอันดับเครดิตภายในประเทศของ
SCBS
สอดคล้องกับการคงอันดับเครดิตของธนาคารแม่
(SCB)
SCBS ได้รับการจัดอันดับเครดิตให้อยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตของธนาคารแม่
1 อันดับ
ซึ่งพิจารณาจากการที่ฟิทช์คาดว่า SCBS จะได้รับการสนับสนุนพิเศษที่นอกเหนือจากการดำเนินงานตามปรกติ
(extraordinary
support) จาก
SCB
โดยฟิทช์มองว่า
SCBS
มีสถานะเป็นบริษัทลูกที่สำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อ
SCB
ซึ่งสะท้อนได้จากการใช้ชื่อและเครื่องหมายทางการค้าร่วมกัน
การถือหุ้นทั้งหมดในบริษัทลูกของธนาคารแม่ และการผสานการดำเนินงานและบริหารงานกันอย่างใกล้ชิดมากกับธนาคารแม่
อีกทั้ง SCBS
ยังมีบทบาทที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจรูปแบบธนาคารครบวงจร
(universal
banking strategy) ของธนาคารแม่
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
–
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ
อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้กิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต
(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศและอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ
SCB
จะได้รับผลกระทบในทิศทางเดียวกันกับการเปลี่ยนแปลงของอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคาร
การปรับเพิ่มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินน่าจะส่งผลให้อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศและอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิในทิศทางเดียวกัน
ในขณะที่อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นอาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับ
หากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวได้รับการปรับเพิ่มอันดับหรือหากฟิทช์ประเมินว่าโครงสร้างการระดมเงินและสภาพคล่องของธนาคารปรับตัวดีขึ้น
นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงในมุมมองของฟิทช์ต่อระดับโครงสร้างเครดิตของ
SCB
เทียบกับโครงสร้างเครดิตของธนาคาร
(หรือบริษัท)
อื่นในประเทศไทยที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศจะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตภายในประเทศของ
SCB
เช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตามโอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้น
ด้วยโครงสร้างเครดิตของ SCB ในปัจจุบันเมื่อเทียบกันธนาคารอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้กิดการปรับลดอันดับเครดิต
(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
การปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินจะส่งผลให้อันดับเครดิตสากลถูกปรับลดลงเช่นกัน
อย่างไรก็ตามความเสี่ยงดังกล่าวจะถูกจำกัดโดยอันดับเครดิตสนับสนุนและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ
(ซึ่งอันหลังอยู่ที่ระดับ 'BBB-’)
การปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศลงอาจเกิดได้จากโครงสร้างเครดิตของธนาคารที่ด้อยลงเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
–
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้กิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต
(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารอาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับเป็น
'bbb+’
หาก
SCB
มีแนวโน้มอัตรากำไรและคุณภาพสินทรัพย์จัดอยู่ในระดับสอดคล้องกับธนาคารอื่นที่มีอันดับเครดิตสูงกว่าและอยู่ในสภาวะแวดล้อมการดำเนินงานที่ระดับเดียวกัน
(ที่ bbb)
เช่น
อัตราส่วนสินเชื่อคุณภาพต่อสินเชื่อรวมต่ำกว่า 3%
อีกทั้งยังมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงที่แข็งแกร่งในด้านของอัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื้อคุณภาพและเงินกองทุน
เช่น CET1 อยู่ที่ระดับ 16%
อย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้กิดการปรับลดอันดับเครดิต
(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับความแข็งแกร่งของธนาคารอาจได้รับการปรับลดอันดับเป็น
'bbb-'
หากฐานะเงินกองทุนของ
SCB
ปรับตัวด้อยลงอย่างต่อเนื่องจนไม่เพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ด้อยลง
เช่น การที่อัตราส่วน CET1 ของธนาคารปรับตัวลดลงต่ำกว่า 13%
โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นสูงกว่า 6% และอัตราส่วนสำรองหนี้เสียต่อสินเชื้อด้อยคุณภาพต่ำกว่า
120% ใน 2 ปีข้างหน้า
ในมุมมองของฟิทช์ เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้จากผลประกอบการและกำไรของ SCB ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากการลดลงของอัตรากำไรและคุณภาพสินทรัพย์ที่ด้อยลง
ที่อาจเกิดจากทั้งความท้าทายของสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของธนาคาร
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
–
อันดับเครดิตสนับสนุนและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้กิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต
(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำอาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากฟิทช์เชื่อว่ามีโอกาสมากขึ้นที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ธนาคารที่มีนัยต่อระบบ
(D-SIB)
ซึ่งรวมถึง
SCB
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะปานกลาง
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทยที่ 'BBB+’/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
ก็อาจบ่งชี้ได้ว่ารัฐบาลมีความสามารถเพิ่มขึ้นในการสนับสนุนธนาคาร (รวมถึง SCB) แต่การพิจารณาอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำต้องคำนึงถึงการที่โอกาสในการให้การสนับสนุนธนาคารไม่มีการปรับตัวลดลง
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้กิดการปรับลดอันดับเครดิต
(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตสนับสนุนและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำอาจถูกปรับลดอันดับหากฟิทช์เชื่อว่าความสามารถที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ธนาคารนั้นลดลง
เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นหากอันอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทยถูกปรับลดอันดับ
นอกจากนี้การปรับลดอันดับเครดิตยังอาจเกิดได้หากฟิทช์เชื่อว่ามีโอกาสลดลงที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ธนาคารที่มีนัยต่อระบบ
(รวมถึง SCB)
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะปานกลาง
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
–
อันดับเครดิตบริษัทลูกและบริษัทย่อย
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้กิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต
(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตภายในประเทศของ SCBS จะได้รับผลกระทบในทิศทางเดียวกันกับการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารแม่ อีกทั้งยังอาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงมุมมองของฟิทช์เกี่ยวกับโอกาสในการที่ธนาคารแม่ (ซึ่งคือ SCB) จะให้การสนับสนุนแก่บริษัท เช่น หาก SCBS มีขนาดธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและมีสัดส่วนการสร้างรายได้ให้กับธนาคารแม่เพิ่มขึ้น
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้กิดการปรับลดอันดับเครดิต
(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตอาจได้รับกระทบเชิงลบ
ในกรณีที่โอกาสที่ธนาคารแม่จะให้การสนับสนุนแก่ SCBS ปรับตัวลดลง เช่นในกรณีที่ธนาคารแม่ลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทลูกลงอย่างมากหรือการลดระดับความใกล้ชิดหรือความเชื่อมโยงในด้านการดำเนินงานและการบริหารงาน
อย่างไรก็ตามฟิทช์มองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะปานกลาง
การพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม
สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
หากไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนนี้
แสดงว่าธนาคารมีระดับคะแนนความสัมพันธ์ของ ESG ต่ออันดับเครดิต
ไม่เกินระดับ 3
ซึ่งหมายความว่าปัจจัยด้าน ESG จะไม่ส่งผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบในระดับที่น้อยมากต่ออันดับเครดิตของธนาคาร
ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยจากลักษณะของธุรกิจหรือจากการบริหารจัดการของธนาคารก็ตาม
รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดมีดังนี้
SCB:
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว ลดอันดับเป็น 'BBB’ จาก 'BBB+’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้น ลดอันดับเป็น 'F3’ จาก 'F2’
- อันดับความเข็งแกร่งทางการเงิน ลดอันดับเป็น 'bbb’ จาก 'bbb+’
- อันดับเครดิตสนับสนุน คงอันดับที่ '2’
- อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ คงอันดับที่ 'BBB-’
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับที่ 'AA+(tha)’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ 'F1+(tha)’
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ลดอันดับเป็น 'BBB’ จาก 'BBB+’
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ 'AA+(tha)’
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ 'F1+(tha)’
SCBS:
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับที่ 'AA(tha)’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ 'F1+(tha)’
ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ คว้า 2 รางวัลยอดเยี่ยมจากสถาบันการเงินระดับโลก ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านบริหารความมั่งคั่งระดับสากลของเมืองไทย
ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ แต่งตั้ง เอเดรียน เมซซินาวเออร์ ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่
ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ เปิดมุมมองเศรษฐกิจโลกครึ่งแรกของปี 2568 "Winds of Change" ชี้เศรษฐกิจโลกเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง แนะเน้นกระจายการลงทุน
"ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์" จัดเวิร์คชอปสุดเอ็กซ์คลูซีฟต่อยอดความรู้ด้าน Passion Investment ให้แก่ผู้เข้าร่วมหลักสูตร "The 45 Academia"
จูเลียส แบร์ เปิดบ้านต้อนรับกลุ่มทายาทรุ่นใหม่จากหลักสูตร "The 45 Academia" ของไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
"ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์" สานต่อกลยุทธ์ธุรกิจ เจาะกลุ่มทายาทคนรุ่นใหม่ จัดทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟพาผู้เข้าร่วมหลักสูตร "The 45 Academia" บินลัดฟ้าสู่ IMD
"ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์" มองตลาดโลกครึ่งปีหลัง แนะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพ เน้นลงทุนหุ้นกลุ่ม Defensive และ Quality growth
"ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์" สานต่อกลยุทธ์ธุรกิจ เปิด "The 45 Academia" หลักสูตรสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ปั้นกลุ่มทายาทคนรุ่นใหม่สู่ "Leader of Tomorrow"