ศบค. โชว์ผลงาน “ไทยชนะ” เปิดตัว 1 สัปดาห์ มียอดผู้ใช้งานมากกว่า 11.7 ล้านคน ร้านค้าลงทะเบียนทะลุหลัก 1 แสนร้าน ยอดเช็คอิน/เช็คเอาท์ 47 ล้านครั้ง ขณะที่ ร้านเสริมความงาม/ร้านเสริมสวย ได้รับคะแนนประเมินนำโด่งใน 5 อันดับแรกของกิจกรรมที่ได้รับคะแนนดีที่สุดจากประชาชน
ผศ.(พิเศษ) นพ.พลวรรธน์ วิทูรกลชิต ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะรองหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการด้านข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และสื่อสังคมออนไลน์ ศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศบค.) กล่าวว่า ภาพรวมการเข้าใช้งานแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” ในรอบ 1 สัปดาห์หลังการเปิดตัวเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 63 ล่าสุดข้อมูล ณ วันที่ 24 พ.ค. 63 พบว่ามีจำนวนกิจกรรม/กิจการลงทะเบียน 106,235 ร้าน จำนวนผู้ใช้งาน 11,757,624 คน โดยจำนวนการเข้าใช้งาน จำแนกเป็น เช็คอิน 27,101,565 ครั้ง เช็คเอาท์ 19,204,736 ครั้ง และประเมินร้าน 10,867,125 ครั้ง
โดยมีกิจการที่ได้คะแนนการประเมินดีที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ร้านเสริมความงามร้านเสริมสวย, การถ่ายทำรายการโทรทัศน์,ภาพยนต์และวีดิทัศน์, สถานที่บริหารเด็กหรือผู้สูงอายุหรือผู้มีภาระพึ่งพิง, ที่ทำการหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ และพิพิธภัณฑ์และห้องสมุด ตามลำดับ
“จากข้อมูลการใช้งานดังกล่าว ต้องขอขอบคุณผู้ประกอบการและพี่น้องประชาชนทุกคนที่ให้ความร่วมมือในการใช้แฟลตฟอร์มไทยชนะ เนื่องจากจะเป็นประโยชน์กับตัวผู้ใช้งานและสังคมรอบข้าง และยังเป็นสัญญาณชี้ว่าคนไทยมีความพร้อมสำหรับการปรับตัวรับชีวิตปกติวิถีใหม่ (New Normal) เพื่อร่วมแรงร่วมใจผ่านพ้นสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19” นพ.พลวรรธน์กล่าว
ทั้งนี้ ศบค. ขอเน้นย้ำความมั่นใจในการเข้าใช้งาน “ไทยชนะ” ว่าจะเป็นประโยชน์ทั้งกับประชาชน และสถานประกอบการ โดยสำหรับประชาชน หรือผู้ใช้บริการ จะได้ประโยชน์ คือ ไม่ต้องไปยืนรอ และสามารถเช็คได้ทั้งหมดว่า ร้านค้าที่เราจะไปนั้น มีคนเข้าใช้บริการเต็มหรือยัง / ข้อมูลในแพลตฟอร์ม "ไทยชนะ" สามารถตรวจสอบได้ว่า หากพบผู้ติดเชื้อในบริเวณใด ก็จะสามารถบอกได้ว่าใครมีความเสี่ยงบ้าง ทางกรมควบคุมโรคก็จะสามารถนำข้อมูลไปใช้ในการสืบสวนโรคได้ อีกทั้งสามารถนำข้อมูลไปเป็นหลักฐานเพื่อประกอบการรับการตรวจคัดกรองทางห้องปฏิบัติการฟรี
ขณะที่ ประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ คือ ปฏิบัติตามมาตรการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะได้รับการรับรองหรือประเมิน และสามารถนำผลประเมินมาปรับปรุงบริการให้เป็นไปตามมาตรฐาน ซึ่งการให้ผู้มาใช้บริการสแกนคิวอาร์โค้ด “ไทยชนะ” เป็นแพลตฟอร์มสำหรับเก็บข้อมูลผู้มาใช้บริการ ในการเข้า-ออก สถานประกอบการต่าง ๆ เพื่อกำหนดจำนวนผู้เข้ารับบริการให้ไม่แออัดและไม่ต้องยืนรอ พร้อม ทั้งเป็นข้อมูลในการติดตามสอบสวนโรค กรณีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากกิจการร้านค้าต่างๆ นพ.พลวรรธน์ กล่าวว่า ความร่วมมือทั้งในการลงทะเบียน, เช็คอิน-เช็คเอาท์ผ่านไทยชนะ เป็นการแสดงออกถึง “ความรับผิดชอบต่อสังคม” ทั้งจากประชาชนและผู้ประกอบการทุกกลุ่ม และขอเน้นย้ำว่าการลงทะเบียนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อการจัดเก็บข้อมูลสำหรับการควบคุมโรคเท่านั้น สิ่งที่ต้องการเบื้องต้น คือ เบอร์โทรศัพท์ เพื่อความสะดวกในการติดต่อแจ้งเตือนให้เข้า สู่ระบบการคัดกรองได้อย่างรวดเร็ว สำหรับข้อห่วงกังวลแพลตฟอร์มไทยชนะเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล ศบค. ยืนยันว่า ไม่มีข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ อยู่ในชุดข้อมูล ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ดูแลชุดข้อมูลที่ถูกส่งไปกรมควบคุมโรค โดยมีเจตนาเพื่อการควบคุมโรค โดยเฉพาะการติดตามตัวผู้สัมผัสกลุ่มเสี่ยงให้เข้าสู่กระบวนการคัดกรอง และสามารถควบคุมโรคได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ หากไม่พบการติดเชื้อข้อมูลจะถูกลบไปภายใน 60 วัน
พร้อมกันนี้ ได้เตือนประชาชนว่า ปัจจุบันมีเวบไซต์ปลอมไทยชนะ ขอให้อย่าหลงเชื่อ โดยเว็บไซต์ไทยชนะของจริง มีชื่อยูอาร์แอล ดังนี้ www.ไทยชนะ.com และ www.thaichana.com เป็นเว็บไซต์เพื่อใช้ในการควบคุมและป้องกันโรค สามารถเข้าใช้งานผ่านเว็บไซต์ได้ทันที โดยไม่ต้องโหลดแอปใดๆ ทั้งสิ้น ขณะที่ ถ้าเป็นเว็บไซต์ปลอม/หลอกลวง จะให้โหลดผ่านแอปเพื่อขโมยข้อมูลส่วนบุคคล จากข้อมูลที่ตรวจสอบได้ล่าสุด ชื่อเว็บไซต์ปลอม ได้แก่ thaichana.pro, thai-chana.asia และ thaichana.asia หรือชื่อใกล้เคียง
“สำหรับกรณีที่มี SMS ส่งลิงก์ให้ประชาชนเพื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชันไทยชนะ ทาง ศบค. ขอชี้แจงว่าภาครัฐ ไม่ได้เป็นผู้ส่ง SMS นี้ และเราจะมีการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่กระทำการดังกล่าว” นพ.พลวรรธน์กล่าว
ปัจจุบัน ช่องทางการสื่อสารของไทยชนะ ประกอบด้วย เว็บไซต์ www.ไทยชนะ.com และ www.thaichana.com รวมทั้ง ไลน์ทางการ “ไทยชนะ” และโทรสายด่วน 1119 ซึ่งมีไว้สำหรับการติดตามข่าวสารที่ถูกต้อง เที่ยงตรงเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 จากรัฐบาล
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) เปิดตัวโครงการ "หนึ่งตำบล หนึ่งดิจิทัล สมาร์ทลีฟวิ่ง" (One Tambon One Digital Smart Living: OTOD Smart Living) อย่างเป็นทางการ โดยได้รับเกียรติจาก ดร. ปิยนุช วุฒิสอน รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "วาดอนาคตไทยด้วยเกษตรดิจิทัล" ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร ภายในงาน มีผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บริหารจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนตัวแทนจากกลุ่มชุมชนและเกษตรกรทั่วประเทศเข้าร่วม
จาร์ตัน รับใบรับรอง ISO/IEC 29110 มาตรฐานคุณภาพวิศวกรรมซอฟต์แวร์ระดับโลก จากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ (MDES)
—
นายธีธัช จึงกานต์กุล กรรมการผู้จัดก...
"รองนายกฯ ประเสริฐ" ติดตามปัญหาคุณภาพน้ำในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก แม่น้ำโขง พร้อมกำชับหน่วยงานเตรียมรับมือฝนตกหนักภาคเหนือช่วงปลายเดือน มิ.ย. นี้
—
นายประเสริฐ...
อาเซียนตื่นตัวเศรษฐกิจดิจิทัล หวั่นไทยล้าหลังเวียดนาม แนะรัฐบาลเร่งเครื่อง
—
ผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติเผยกลุ่มประเทศในอาเซียน กำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิท...
กระทรวงดีอี ต้อนรับผู้บริหาร Grab ระดับภูมิภาคพร้อมร่วมหารือเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล
—
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทั...
ประเทศไทยแสดงบทบาทผู้นำด้านทรัพยากรน้ำ ในเวทีระดับสูงของยูเนสโก ณ กรุงปารีส
—
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2568 คณะผู้แทนไทย นำโดย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิก...
กรมประมง…คว้ารางวัล GDCC GOV Cloud 2568 พัฒนาระบบ"การออกใบอนุญาตประมงพื้นบ้าน" ยกระดับบริการเศรษฐกิจสู่ยุคดิจิทัล
—
วันพุธที่ 11 มิถุนายน 2568 ณ อาคารสำนั...
กปภ. เฮ! คว้ารางวัลบริการโดดเด่น จาก สดช.
—
การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) คว้ารางวัล GDCC Gov Cloud ประจำปี 2568 ด้านการขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐาน...
สคส. คว้ารางวัล GDCC ตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมยกระดับแพลตฟอร์มภาครัฐสู่มาตรฐานสากล
—
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)...
ดีอี ผนึก สดช. NT จัดงาน GOV CLOUD 2025 พร้อมเปิดตัว "GDCC Open Data" ยกระดับศักยภาพคลาวด์ภาครัฐ
—
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ร่วมกับสำนัก...