กระทรวงการคลัง มอบนโยบายกรุงไทย วางแนวคิดทำงานเชิงรุก สนับสนุนการลงทุนในโครงการพัฒนา EEC โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายอุตสาหกรรม 4.0 ชี้กรุงไทยมีศักยภาพสูง ช่วยสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน จากการเป็นธนาคารขนาดใหญ่ของประเทศมีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังประชุมมอบนโยบายแก่ผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ว่า ธนาคารกรุงไทย เป็นสถาบันการเงินที่มีศักยภาพสูงในการสนับสนุนนโยบายของภาครัฐ จากการเป็นธนาคารขนาดใหญ่ของประเทศ มีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยเฉพาะการสนับสนุนการลงทุนในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC หรือนโยบายอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยการเป็นผู้นำสนับสนุนสินเชื่อในการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ทั้งอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ระบบดิจิทัล และยานยนต์สมัยใหม่ต่างๆ หรือ การลงทุนในอุตสาหกรรมที่มองว่าเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เป็นต้น
“ด้วยศักยภาพของกรุงไทย ที่ควรวางแนวทางการทำงานเชิงรุก สร้างมาตรการจูงใจผู้ประกอบการและนักลงทุนในการทำโครงการนำร่องสนับสนุนโครงการลงทุนใน EEC โดยกำหนดเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อให้นักลงทุนเกิดการตื่นตัวและมั่นใจว่า กรุงไทยพร้อมสนับสนุนเงินทุน ซึ่งคุณสมบัติของกรุงไทยอยู่ในแนวทางที่รัฐวางไว้ ที่อยากให้เข้ามามีส่วนสนับสนุน เพื่อให้มาเป็นแกนหลักในการช่วยสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
จึงอยากฝากกรุงไทยไปพิจารณาแนวทางการปล่อยสินเชื่อ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับภาคธุรกิจ โดยอาจจะมีโครงการนำร่องอะไรได้บ้าง” นายสันติ กล่าว
“ด้วยศักยภาพของกรุงไทย ที่ควรวางแนวทางการทำงานเชิงรุก สร้างมาตรการจูงใจผู้ประกอบการและนักลงทุนในการทำโครงการนำร่องสนับสนุนโครงการลงทุนใน EEC โดยกำหนดเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อให้นักลงทุนเกิดการตื่นตัวและมั่นใจว่า กรุงไทยพร้อมสนับสนุนเงินทุน ซึ่งคุณสมบัติของกรุงไทยอยู่ในแนวทางที่รัฐวางไว้ ที่อยากให้เข้ามามีส่วนสนับสนุน เพื่อให้มาเป็นแกนหลักในการช่วยสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ จึงอยากฝากกรุงไทยไปพิจารณาแนวทางการปล่อยสินเชื่อ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับภาคธุรกิจ โดยอาจจะมีโครงการนำร่องอะไรได้บ้าง” นายสันติ กล่าว
“ขณะนี้พัฒนาการของการสินเชื่อไปไกลมากในหลายประเทศในโลก มองว่าการให้โอกาสเป็นประโยชน์ แต่ในหลายกรณี ถ้าลูกค้าไม่สามารถประกอบการได้ดี เนื่องจากเทคโนโลยี หรือนวัตกรรมเปลี่ยน เทรนด์โลกเปลี่ยนไป แต่ธนาคารยังพยายามให้โอกาส สิ่งเหล่านี้ผมไม่อยากชี้ว่ามันถูกหรือไม่ถูก แต่มองว่า ในหลายธุรกิจที่เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ถ้าไปไม่ได้ ก็คือไปไม่ได้ ซึ่งอาจจะต้องเปลี่ยน หรือปรับปรุงผู้ประกอบการ ไม่เช่นนั้นนอกจากทรัพย์สินของธนาคารที่ใช้ไป จะไม่สามารถสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจแล้วยังจะทำให้เศรษฐกิจเสียหาย จึงอยากฝากธนาคารดูแลเรื่องพวกนี้ด้วย” นายสันติ กล่าว
“สคร. จัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดิน7เดือนปีงบประมาณ2563 รวมจำนวน144,922ล้านบาทสูงกว่าเป้าหมายสะสมร้อยละ 16 หรือคิดเป็นร้อยละ77ของเป้าหมายทั้งปี”
“สคร. จัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดิน 6 เดือน ปีงบประมาณ 2563 รวมจำนวน 101,173 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 54 ของเป้าหมายทั้งปี”
“สคร. จัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินสะสม ณ สิ้นไตรมาสแรก ปีงบประมาณ 2563 จำนวน 72,387 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 38 ของเป้าหมายทั้งปี”
“สคร. จัดเก็บเงินนำส่งรายได้ 8 เดือนของปีงบประมาณ 2562 เกินเป้าหมาย 8%”
“สคร. จัดเก็บเงินนำส่งรายได้ครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2562 เกินเป้าหมาย 22%”
รัฐวิสาหกิจนำส่งรายได้ 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2562 สูงกว่าประมาณการ 25%
สคร. จัดเก็บเงินนำส่งรายได้ ปีงบประมาณ 2561 จำนวน 157,041 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 15% ทำให้รายได้ของรัฐบาลเป็นไปตามเป้าหมาย