โรคหลอดเลือดสมอง หรือ Stroke เป็นโรคที่เกิดจากหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง โดยอาจเกิดจาดภาวะขาดเลือดหรือเลือดออกอย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้ป่วยจะมีอาการชาหรืออ่อนแรงบริเวณใบหน้า แขน ขาซีกใดซีกหนึ่ง มีอาการเดินเซ สูญเสียการทรงตัว มีการมองเห็นที่ผิดปกติ เช่น เห็นภาพซ้อน มีการใช้ภาษาผิดปกติ การพูดไม่ชัด การพูดจาสับสน
โดยปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง โรคที่เกี่ยวกับหัวใจบางประเภท เช่น โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Atrial Fibrillation หรือ AF) หรือโรคที่เกี่ยวกับลิ้นหัวใจผิดปกติ นอกจากนี้การสูบบุหรี่ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองอีกด้วย
การตรวจวินิจฉัยโรคนั้น ผู้ป่วยควรเข้าพบแพทย์ผู้ชำนาญการที่โรงพยาบาล โดยแพทย์ต้องทำการซักประวัติและตรวจร่างกายผู้ป่วยอย่างละเอียด รวมถึงการตรวจพิเศษ เช่น การตรวจวินิจฉัยโรคด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan 160 slices) การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MR Scan) เป็นต้น
การรักษาโรคหลอดเลือดสมองขึ้นอยู่กับสาเหตุของการเกิดโรคซึ่งจะมีแนวทางการรักษาที่แตกต่างกัน ในกรณีที่ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่เกิดจากภาวะสมองขาดเลือดที่มาโรงพยาบาลภายใน 4.5 - 6 ชั่วโมง และมีข้อบงชี้อย่างชัดเจนแพทย์จะทำการรักษาด้วยยาละลายลิ่มเลือดทางหลอดเลือดดำเพื่อเปิดหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองหรือใช้สายสวนบริเวณขาหนีบเพื่อไปลากลิ่มเลือดที่ไปอุดตันหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง ส่วนในกรณีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่เกิดจากเลือดออกการรักษาคือการควบคุมความดันให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม โดยใช้ยาลดความดันทางหลอดเลือดดำ รวมพิจารณาการผ่าตัดเพื่อลดความดันในกะโหลกศีรษะหากมีข้อบ่งชี้ ซึ่งการรักษาโรคหลอดเลือดสมองขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการเกิดโรค ดังนั้นหากพบอาการสงสัยโรคหลอดเลือดสมองควรรีบไปพบแพทย์ทันที
หัวใจเต้นผิดจังหวะ AF กับความเสี่ยง หลอดเลือดสมองอุดตัน
ใจสั่น ไม่ใช่เรื่องเล็ก AF เพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง 3 เท่า
"AF หัวใจ เต้นผิดจังหวะ เสี่ยง อัมพฤกษ์อัมพาต"
เตือน! หัวใจไม่เคยหยุดพัก AF Awareness Month 2023 AF ภาวะหัวใจห้องบนเต้นพลิ้ว ภัยเงียบที่อาจถึงชีวิต
เมื่อหัวใจสั่นพลิ้ว ชีวิตไม่ชิลล์แน่นอน
Huami's Next Wearable AI Chip Huangshan-2 Scheduled for Mass Production in Q4, 2020, 50% Energy Saved with Faster Atrial Fibrillation Detection