พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 3/2563 โดยมี ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองประธานอนุกรรมการฯ ตลอดจนผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์น้ำปัจจุบัน แผนการจัดสรรน้ำในฤดูแล้ง ปี 2563/64 และมาตรการรับรองสถานการณ์ขาดแคลนน้ำก่อนเข้าสู่ฤดูแล้ง ณ ห้องประชุม 301 ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล
รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ถือเป็นช่วงปลายฤดูฝนที่ประเทศยังได้รับอิทธิพลจากพายุและร่องความกดอากาศต่ำ ซึ่งส่งผลให้หลายพื้นที่ยังประสบปัญหาน้ำท่วมในปัจจุบัน จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน และบริหารจัดการน้ำเพื่อลดผลกระทบให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งยังได้สั่งการให้กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ติดตาม เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ พร้อมมาตรการรับมือน้ำหลากในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งจะเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนในช่วงเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคมอย่างใกล้ชิดด้วย ขณะเดียวกัน ก่อนที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ช่วงฤดูแล้ง ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแผนการจัดสรรน้ำและการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ปี 2563/64 (1 พ.ย. 63 - 30 เม.ย. 64) ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุนตามลำดับความสำคัญของกิจกรรมการใช้น้ำ ได้แก่ 1.เพื่ออุปโภค-บริโภค 2.รักษาระบบนิเวศ 3.เพื่อการเกษตรกรรม และ 4.เพื่อการอุตสาหกรรม โดยจากการประเมินปริมาณน้ำต้นทุน (ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563) พบว่า จะมีปริมาณน้ำใช้การทั้งประเทศ จำนวน 41,879 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) สามารถนำมาจัดสรรน้ำในฤดูแล้ง ปี 2563/64 ทั้งประเทศ รวม 22,847 ล้านลบ.ม. ที่เหลือเป็นปริมาณน้ำสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝนระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม 2564 จำนวน 19,032 ล้าน ลบ.ม.
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบ 9 มาตรการหลักรับรองสถานการณ์ขาดแคลนน้ำก่อนเข้าสู่ฤดูแล้ง โดยเน้นจัดการน้ำให้สมดุลระหว่างน้ำต้นทุน และความต้องการใช้น้ำ พร้อมทั้งให้มีการติดตามประเมินผลและสร้างการรับรู้ให้ทุกภาคส่วนต่อเนื่อง โดยมีหน่วยงานเจ้าภาพหลักรับผิดชอบชัดเจน ได้แก่ 1.เร่งเก็บกักน้ำไว้ในแหล่งน้ำต่าง ๆ ก่อนสิ้นสุดฤดูฝน 2.จัดหาแหล่งสำรองน้ำดิบในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ พร้อมวางแผนวางท่อน้ำประปาจากการประปาส่วนภูมิภาคสาขาข้างเคียง และแผนรับน้ำดิบจากอ่างเก็บน้ำโดยตรง 3.ปฏิบัติการเติมน้ำให้กับแหล่งน้ำในพื้นที่เกษตรและพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ 4. กำหนดปริมาณน้ำจัดสรรในฤดูแล้งที่ชัดเจน มีการติดตามกำกับให้เป็นไปตามแผน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบการขาดแคลนน้ำด้านอุปโภคบริโภค พร้อมจัดทำทะเบียนผู้ใช้น้ำ 5.เฝ้าระวังคุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก สายรอง 6.วางแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งที่ชัดเจน รวมถึงมาตรการควบคุมการสูบน้ำ การแย่งน้ำ กรณีไม่อาจสนับสนุนน้ำเพื่อการเกษตรได้ให้มีการกำหนดมาตรการเยียวยาผลกระทบที่รวดเร็วและชัดเจน 7.ส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมใช้ระบบ 3R เพื่อให้เกิดการใช้น้ำอย่างคุ้มค่า 8.ติดตามประเมินผลการใช้น้ำให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ และ 9.สร้างการรับรู้สถานการณ์น้ำและแผนการจัดสรรน้ำอย่างต่อเนื่อง ให้ทุกภาคส่วนเกิดความร่วมมือในการใช้น้ำอย่างประหยัด
"ปริมาณน้ำต้นทุนในภาพรวมปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามีปริมาณมากกว่าเล็กน้อย ดังนั้น จึงต้องใช้น้ำอย่างประหยัดและให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในส่วนของพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 22 จังหวัด ซึ่งใช้น้ำต้นทุนจากเขื่อน 4 แห่ง คือ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนฯ และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ พบว่า มีปริมาณน้ำต้นทุนในเขื่อนใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ดังนั้น จึงสามารถจัดสรรน้ำได้เฉพาะการอุปโภค-บริโภค รักษาระบบนิเวศ และเกษตรต่อเนื่อง (ไม้ผลไม้ยืนต้น) เท่านั้น ส่วนการจัดสรรน้ำจากอ่างเก็บน้ำอื่น ๆ นั้น ให้คณะกรรมการจัดการน้ำชลประทาน (JMC) ในพื้นที่วางแผนจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้งให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุน รวมถึงได้เน้นย้ำทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการให้เป็นไปตามมาตการที่กำหนดอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคในแล้งนี้ต้องไม่มีปัญหา" รองนายกฯ กล่าว
ด้าน ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมยังรับทราบคาดการณ์พื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภคฤดูแล้ง ปี 2563/64 ทั้งในเขตการให้บริการของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ซึ่งมีพื้นที่สาขาที่มีความเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค จำนวน 41 สาขาในพื้นที่ 28 จังหวัด และพื้นที่การให้บริการของประปาท้องถิ่นที่อาจจะประสบปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคมีจำนวน 50 จังหวัด 334 อำเภอ 966 ตำบล ขณะที่ด้านการเกษตร มีพื้นที่เฝ้าระวังขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง จำนวน 45 จังหวัด 176 อำเภอ 489 ตำบล แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ พื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ำมากกว่า 5 ล้าน ลบ.ม. ต่อตำบล และพื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ำปานกลาง ตั้งแต่ 1 – 5 ล้าน ลบ.ม. ต่อตำบล รวมถึงพื้นที่เสี่ยงต่อการรุกล้ำของเค็มที่อาจส่งผลกระทบกับน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตร จำนวน 4 แห่ง คือ แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณสถานีสูบน้ำสำแล (กปน.) แม่น้ำท่าจีน บริเวณสถานีปากคลองจินดา แม่น้ำแม่กลอง บริเวณสถานีปากคลองดำเนินสะดวก และแม่น้ำบางปะกง บริเวณสถานีบ้านสร้าง
"เพื่อให้การขับเคลื่อนมาตรการต่าง ๆ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาช่วงฤดูแล้งต่อเนื่องถึงต้นฤดูฝนหน้าได้ตามแผน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปปฏิบัติในเชิงป้องกันเพื่อลดผลกระทบจากสถานการณ์แล้งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ในพื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ำข้างต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์สถานการณ์ให้ภาคส่วนเกี่ยวข้องและประชาชนได้รับทราบล่วงหน้า สทนช. จะเสนอแผนการจัดสรรน้ำและการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ปี 2563/64 และ 9 มาตรการหลักป้องกันและแก้ไขปัญหาฤดูแล้งที่ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมครั้งนี้ นำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเร็ว ๆ นี้" ดร.สมเกียรติ กล่าว
พลเอก ประวิตร สั่งทุกหน่วยงาน บูรณาการร่วมกำจัดผักตบชวาและวัชพืช เปิดทางน้ำช่วยแล้ง-พร้อมรับฝน
SME D Bank ออกมาตรการด่วนช่วยเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบพายุ "บัวลอย" 'พักชำระหนี้-เติมทุนฉุกเฉิน' ลดภาระทางการเงิน ฟื้นฟูธุรกิจกลับมาเดินหน้าเร็ววัน
NT หนุนพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยแห่งชาติ "T-Alert" ยกระดับความปลอดภัยประชาชนทั่วประเทศ
SAM ห่วงใยลูกหนี้ ออกมาตรการเร่งด่วนครอบคลุมทุกกลุ่ม ทั้งผู้ประสบสาธารณภัยพายุ "วิภา" พักเงินต้นและดอกเบี้ยสูงสุด 3 เดือน ส่วนผู้เป็นหนี้เสียบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล จัดดอกเบี้ยต่ำ 3-5% ผ่อนยาว 10 ปี เพื่อส่งมอบโอกาสเพื่อคนไทยเริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จับมือ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ลงนามบันทึกความเข้าใจ ยกระดับ MOU ร่วมให้ความรู้
NT พร้อมแจ้งเตือนภัยผ่าน Cell Broadcast หลังการทดสอบประสบผลสำเร็จ ได้รับข้อความแจ้งเตือนภัยรวดเร็ว แม่นยำ
ชาวเชียงใหม่ อยุธยา อุดรฯ นครศรีฯ และกรุงเทพฯ เตรียมตัวให้พร้อม!
NT ร่วม ปภ. ทดสอบระบบ Cell Broadcast ในพื้นที่ครั้งแรก แจ้งผลมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ครอบคลุม เสริมความพร้อมระบบเตือนภัยแห่งชาติ