เมื่อเดือนกันยายน 2563 ที่ผ่านมา กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้ประกาศขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ให้กับ 'ข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์" ซึ่งกระบวนการกว่าจะได้ GI นี้ต้องผ่านใช้เวลาถึง 4 ปี (นับตั้งแต่ปี 2559)
 
                                                                                                                                        เบื้องหลังการได้ GI ชองข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์จึงมีความน่าสนใจ โดยเฉพาะการใช้กระบวนวิจัยเชิงพื้นที่ของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ เพราะหลังจากที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ยื่นคำขอไปเมื่อปี 2559 กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้มีจดหมายตอบกลับมาให้จังหวัดดำเนินการเพิ่มเติมใน 3 ส่วน คือ หนึ่ง มีงานวิชาการเพื่อยืนยันถึงความโดดเด่นหรือเอกลักษณ์ของข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์ สอง มีระบบการผลิตของผู้ปลูกและผู้ประกอบการโรงสีที่ชัดเจนและสามารถยึดเป็นแนวปฏิบัติได้ และสาม มีระบบตรวจสอบจากหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบอย่างชัดเจน
นั่นจึงเป็นที่มาของงานวิจัย การศึกษาข้อมูลและกลไกเพื่อขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์ ที่เป็นหนึ่งในชุดโครงการวิจัย การปรับตัวทางการเกษตรเพื่อการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวรองรับเมืองท่องเที่ยวเชิงกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ ภายใต้ทุนวิจัยท้าทายไทย ของ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ โดยการสนับสนุนของฝ่ายบูรณาการวิจัยและความร่วมมือเพื่อพัฒนาเชิงพื้นที่ (ABC) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว. - สกว.เดิม) โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญคือเพื่อให้ทราบลักษณะเฉพาะทางกายภาพและเคมีของข้าวหอมมะลิภูเขาไฟในเขตภูเขาไฟ จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมทั้งพัฒนาระบบควบคุมตรวจสอบสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟให้เกิดขึ้น
"แม้ข้าวหอมมะลิที่ปลูกในเมืองไทย จะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันหมด แต่การที่ทีมวิจัยของเรามีประสบการณ์เกี่ยวกับการวิเคราะห์แร่ธาตุและองค์ประกอบในชุดดินภูเขาไฟของบุรีรัมย์ (ชุดดินบุรีรัมย์ ชุดดินวัฒนา และชุดดินชัยบาดาล) และในเนื้อเยื่อของพืชที่ปลูกบนดินภูเขาไฟของบุรีรัมย์มาในระดับหนึ่ง เราจึงค่อนข้างมั่นใจว่า จะสามารถใช้งานวิจัยมาสร้างความโดดเด่นให้กับข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์ เพื่อขอจด GI ของจังหวัด" อาจารย์รุ่งเรือง งาหอม จากคณะวิทยาศาสตร์ มรภ.บุรีรัยมย์ หนึ่งในทีมวิจัย กล่าวถึงที่มาของงานวิจัยที่มีการดำเนินการในช่วงปี 2561-2562
ทีมวิจัยได้มีการเปรียบเทียบผลการวิเคราะห์สารสำคัญในข้าวหอมมะลิที่ปลูกในชุดดินภูเขาไฟของบุรีรัมย์ ทั้ง 7 อำเภอ ที่ปลูกในปี 2561 กับสารสำคัญในข้าวหอมมะลิ GI ที่ปลูกในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ เช่น ร้อยเอ็ด และอุบลราชธานี ที่ปลูกในปีเดียวกัน และพบว่าข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์ มีปริมาณสารสำคัญที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างน้อย 2 ชนิด สูงกว่าข้าวหอมมะลิที่ปลูกในพื้นที่อื่นๆ คือ ฟอสฟอรัส2 และแคลเซียม3 (สูงกว่าข้าวหอมมะลิทั่วไปประมาณ 109-226% และ 65-149% ตามลำดับ*4)
นอกการวิเคราะห์ทางเคมีแล้ว งานวิจัยเพื่อพัฒนาพื้นที่เรื่องนี้ ยังได้มีการจัดทำในส่วนของระบบควบคุม ระบบฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ รวมถึงระบบการลงทะเบียนเข้าร่วมในการผลิตหรือแปรรูปข้าวหอมมะลิ GI และที่สำคัญคือมาตรฐานของการผลิตทั้งตัวเกษตกรและโรงสีที่เกิดเป็นความเห็นร่วมกันของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่เข้าร่วมในกระบวนการวิจัยแบบมีส่วนร่วม ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ สำนักงานเกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ เกษตรอำเภอ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวบุรีรัมย์ สถานีพัฒนาที่ดินบุรีรัมย์ รวมไปถึงหน่วยงานภาคเอกชน ได้แก่ ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ และเกษตรกรจาก 7 อำเภอของบุรีรัมย์
"จากความร่วมมือกันอย่างจริงจังนี้ นำไปสู่การประกาศรับรองการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ให้กับข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้นิยามข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์ ไว้ว่า 'เป็นข้าวเปลือก ข้าวกล้อง และข้าวขาว ที่แปรรูปมาจากข้าวหอมมะลิพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 และพันธุ์ กข 15 ปลูกในฤดูนาปี บนพื้นที่ที่มีแร่ธาตุจากดินภูเขาไฟบุรีรัมย์ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะ ทำให้เมล็ดข้าวเรียวยาวเลื่อมมัน มีท้องไข่น้อย เมื่อหุงสุกจะเหนียวนุ่มไม่แข็งกระด้าง…’ " อาจารย์จินดาพร สืบขำเพชร นักวิจัยอีกท่านหนึ่ง กล่าว
ด้าน นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า หลังจากนี้ทางจังหวัดจะมีการเร่งผลักดันให้ควบคุมตรวจสอบคุณภาพสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์ โดยเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลของผู้ผลิต ผู้แปรรูป และผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกผู้ขอใช้สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ผ่านระบบ QR-Code ที่ทีมวิจัยพัฒนาขึ้น เพื่อให้เกิดการคุ้มครองตามกฎหมายที่ชาวนาและผู้เกี่ยวข้องในท้องถิ่นได้รับสิทธิ์ในการผลิตข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์ การเพิ่มมูลค่าของสินค้าและเป็นเครื่องมือด้านการตลาด กระตุ้นให้ผู้ผลิตมีการดูแลรักษามาตรฐานสินค้า ผู้บริโภคมีความมั่นใจในสินค้าที่ตรงตามความต้องการ รวมทั้งสนับสนุนการประชาสัมพันธ์และพัฒนาตลาดช่องทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้ข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง สร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน รักษาภูมิปัญญาท้องถิ่นและส่งเสริมการท่องเที่ยวต่อไป
อาจารย์รุ่งเรือง สรุปว่า งานวิจัยชิ้นนี้นอกจากจะช่วยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์ ที่มีพื้นที่ปลูกในปัจจุบันกว่า 100,000 ไร่แล้ว ยังทำให้เกิดกลไกการทำงานกับสำนักงานส่งเสริมเกษตรจังหวัดบุรีรัมย์เพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงขึ้น รวมถึงกลไกการทำงานร่วมกับจังหวัดเพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับให้กับเกษตรกรและผู้บริโภค ซึ่งจะความร่วมมือนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้มหาวิทยาลัยสามารถเป็นกลไกความรู้ให้กับจังหวัดและพื้นที่ได้ต่อไป
 
                             สานพลังเครือข่ายวิจัย ในมหกรรมงานวิจัยส่วนภูมิภาค ครั้งที่ 13 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ Regional Research Expo 2025
                            สานพลังเครือข่ายวิจัย ในมหกรรมงานวิจัยส่วนภูมิภาค ครั้งที่ 13 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ Regional Research Expo 2025
                         SPU ร่วมงานดนตรีไทยอุดมศึกษา ครั้งที่ 45 "สังคีตศิลป์สุนทรีย์ เทิดพระบารมีจอมราชัน"
                            SPU ร่วมงานดนตรีไทยอุดมศึกษา ครั้งที่ 45 "สังคีตศิลป์สุนทรีย์ เทิดพระบารมีจอมราชัน"
                         สนพ.บุรีรัมย์ จับมือ สมาพันธ์ SME จังหวัดบุรีรัมย์ เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการต้านโควิด
                            สนพ.บุรีรัมย์ จับมือ สมาพันธ์ SME จังหวัดบุรีรัมย์ เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการต้านโควิด
                         สนพ.บุรีรัมย์ ร่วมกับภาคเอกชนหารือความต้องการพัฒนาแรงงานเพื่อสอดคล้องต่อความต้องการของตลาดแรงงาน
                            สนพ.บุรีรัมย์ ร่วมกับภาคเอกชนหารือความต้องการพัฒนาแรงงานเพื่อสอดคล้องต่อความต้องการของตลาดแรงงาน
                         ภาพข่าว: ผนึกความร่วมมือขับเคลื่อนโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน ตามแนวพระราชดำริ
                            ภาพข่าว: ผนึกความร่วมมือขับเคลื่อนโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน ตามแนวพระราชดำริ
                         ภาพข่าว: รับฟังข้อมูลการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน จากโมเดลต้นแบบ จังหวัดบุรีรัมย์
                            ภาพข่าว: รับฟังข้อมูลการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน จากโมเดลต้นแบบ จังหวัดบุรีรัมย์
                         วศ.อว. จัดอบรมมหาวิทยาลัยเครือข่ายในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือสร้างบุคลากรคุณภาพตามมาตรฐานสากล
                            วศ.อว. จัดอบรมมหาวิทยาลัยเครือข่ายในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือสร้างบุคลากรคุณภาพตามมาตรฐานสากล