หากอายุ 50 ปีขึ้นไป พบปัญหาการมองไม่ชัด มัวเหมือนมีฝ้าหรือหมอกบัง มองเห็นสีต่างๆ ผิดเพี้ยนไปจากเดิม ต้องการแสงสว่างมากขึ้นในการมอง ต้อกระจกอาจเข้ามาเยี่ยมเยือน การตรวจเช็กเพื่อดูความผิดปกติของดวงตาเป็นสิ่งสำคัญ
พญ.ธารินี เสงี่ยมพรพาณิชย์ จักษุแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการผ่าตัดต้อกระจก กระจกตา และการผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า โรคต้อกระจก (Cataract) คือ ภาวะที่เลนส์ตาเกิดความขุ่นมัว ส่งผลให้แสงเข้าไปในดวงตาน้อยลง จอประสาทตารับภาพได้ไม่ชัดเจน การมองเห็นลดลงเรื่อยๆแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่หากปล่อยทิ้งไว้จนเกิดความรุนแรงอาจทำให้มองไม่เห็นได้ในที่สุด โดยต้อกระจกเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อาทิ 1)การเสื่อมสภาพของเลนส์ตาตามวัยเป็นสาเหตุที่พบมากที่สุด โดยจะพบตั้งแต่อายุ 50 ปีขึ้นไป 2)ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีระดับน้ำตาลสูงและควบคุมได้ไม่ดีพอ จะกระตุ้นเลนส์ตาให้ขุ่นขึ้นได้เร็วกว่าคนที่อยู่ในช่วงอายุเดียวกันแต่ไม่เป็นโรคเบาหวาน 3)การใช้ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ ทำให้เกิดต้อกระจกบางชนิดได้ 4) เคยมีอุบัติเหตุกระทบกระแทกบริเวณดวงตา เคยมีการอักเสบ หรือมีการติดเชื้อบริเวณตามาก่อน 5)การเผชิญกับแสงแดดติดต่อกันเป็นเวลานานโดยขาดการป้องกัน หรือ 7)มีประวัติครอบครัวเป็นต้อกระจกแต่กำเนิดหรือเป็นตั้งแต่อายุน้อยๆ
การผ่าตัดรักษาต้อกระจกเริ่มต้นจากการตรวจวินิจฉัย และประเมินสภาพตาอย่างละเอียดก่อนการทำผ่าตัดโดยจักษุแพทย์ การผ่าตัดต้อกระจกมี 2 วิธี คือ 1) วิธีสลายต้อกระจกด้วยเครื่องสลายต้อ (Phacoemulsification with Intraocular Lens) เป็นวิธีที่ได้รับความนิยม ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ไม่ต้องดมยาสลบ ทำภายใต้การหยอดหรือฉีดยาชาเฉพาะที่ โดยจักษุแพทย์จะเปิดช่องเล็กๆ ที่ขอบตาดำประมาณ 2.4 -2.75 มิลลิเมตร แล้วสอดเครื่องมือสลายต้อเข้าไปที่ตัวต้อกระจก โดยเปิดถุงหุ้มเลนส์เป็นวงกลม และปล่อยพลังงานความถี่สูงเท่าระดับอัลตราซาวนด์เข้าสลายต้อกระจกนำเลนส์ตาที่ขุ่นออกมา จากนั้นจึงใส่เลนส์ตาเทียมเข้าไปแทนที่เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถมองเห็นภาพได้ชัดเจน โดยการเลือกเลนส์เทียมขึ้นกับความต้องการการใช้สายตาของผู้ป่วย เช่น เลนส์ชัดระยะเดียวหรือชัดหลายระยะ รวมถึงลักษณะตาของผู้ป่วย เช่น ถ้ามีสายตาเอียงร่วมด้วยอาจใช้เลนส์เทียมชนิดแก้เอียง เป็นต้น ซึ่งวิธีนี้ใช้เวลาผ่าตัดเพียงไม่นาน ประมาณ15- 30 นาทีหลังผ่าตัดการมองเห็นดีขึ้นและกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดแบบดั้งเดิม2) ผ่าตัดต้อกระจกแบบเปิดแผลกว้าง (Extracapsular Cataract Extraction with Intraocular Lens) เป็นวิธีผ่าตัดดั้งเดิมใช้ในกรณีที่ต้อกระจกสุกและแข็งมากๆ จนไม่เหมาะกับการสลายด้วยเครื่อง จักษุแพทย์จะเปิดแผลบริเวณครึ่งบนของลูกตายาวประมาณ 10 มม.เพื่อเอาตัวเลนส์แก้วตาที่เป็นต้อกระจกออก แล้วใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทนที่แล้วจึงเย็บปิดแผลด้วยไหมเย็บแผล
ภายหลังผ่าตัดต้อกระจกการดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ ต้องระมัดระวังไม่ให้ติดเชื้อและปฏิบัติตามคำแนะนำของจักษุแพทย์อย่างเคร่งครัด ซึ่งจักษุแพทย์จะทำการนัดผู้ป่วยเพื่อติดตามผลเป็นระยะ คนไข้ควรสวมที่ครอบตาจนกว่าแพทย์จะให้เอาออก ใช้ยาหยอดตาตามที่แพทย์สั่ง ระวังการโดนลม ฝุ่น และแสงจ้า อย่าให้ดวงตาโดนน้ำ ห้ามขยี้ตา หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่กระทบกระเทือนดวงตาตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับดวงตา เช่น ปวดตา ตาแดง มีขี้ตามากผิดปกติ ตามัวลง สู้แสงไม่ได้ ควรกลับมาพบแพทย์ทันทีก่อนนัด
ทั้งนี้ โรคต้อกระจกส่วนหนึ่งไม่สามารถป้องกันได้เนื่องจากความเสื่อมตามวัย แต่สามารถดูแลดวงตาเพื่อยืดอายุความแข็งแรงและชะลอการเกิดโรคต้อกระจกได้เช่น การสวมแว่นกันแดด ทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ควรซื้อยาหยอดตามาใช้เอง โดยเฉพาะที่มีส่วนประกอบของสเตียรอยด์ และควรตรวจสุขภาพดวงตาเป็นประจำทุกปี โรคต้อกระจกเป็นโรคที่พบได้บ่อยในทุกคน "หากอายุครบ 40 ปี ควรมาตรวจตาปีละ 1 ครั้ง และหมั่นสังเกตความผิดปกติของดวงตา หากตามัวลงหรือสายตาเปลี่ยนจนผิดสังเกตควรต้องรีบมาพบแพทย์ทันที และสำหรับคนที่พบว่าตนเองเป็นต้อกระจกควรรีบเข้ารับการผ่าตัดรักษาโดยเร็ว อย่าปล่อยไว้จนรุนแรง ที่สำคัญอย่าลืมใส่ใจดูแลสุขภาพดวงตาและสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงทุกช่วงวัย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์จักษุ ชั้น 5 อาคารโรงพยาบาลกรุงเทพ โทร. 02-310-3007 และ 02-755-1007 หรือ www.bangkokhospital.com
ตาแดงหรือเยื่อบุตาอักเสบ เป็นอีกอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อติดเชื้อ COVID-19 เกิดจากการสัมผัสกับสารคัดหลั่งต่าง ๆ จากทางเดินหายใจ เช่น ไอ จาม ทำให้มีเชื้อโรคกระจายมายังเยื่อบุตา ซึ่งการรักษาทำได้โดยการประคับประคองตามอาการ การดูแลดวงตาในช่วงที่มีการระบาดของ COVID-19 จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรละเลย พญ.ธารินี เสงี่ยมพรพาณิชย์ จักษุแพทย์ผู้ชำนาญการด้านกระจกตาและการผ่าตัดแก้ไขสายตาโรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า COVID-19 ทำให้เกิดอาการทางตาได้ จากข้อมูลล่าสุดราวกลางปี 2021 พบว่ามีรายงานอาการทางตาตั้ง
ระวัง 4 โรคต้อทำร้ายดวงตา
—
โรคต้อทางตามีหลากหลายชนิด 4 โรคต้อที่พบบ่อยๆที่เรารู้จักคุ้นเคย คือต้อลม ต้อเนื้อ ต้อกระจก และต้อหิน ซึ่งมีอาการแตกต่างกันใน...
โรคตาในผู้สูงอายุ ความเสื่อมที่ต้องเตรียมรับมือ
—
อวัยวะต่างๆ ในร่างกายจะเกิดการเสื่อมเมื่ออายุมากขึ้น รวมทั้งดวงตาของเรา ดวงตามักเริ่มเสื่อมตามอายุ ...
โรงพยาบาลกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ คว้ารางวัลชั้นนำระดับภูมิภาค ตอกย้ำความเป็น "Specialty Hospital" อย่างแท้จริง
—
โรงพยาบาลกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ ภาคภูมิใจอีกคร...
แบรนด์ซุปไก่สกัด ผนึกกำลัง รพ. กรุงเทพอินเตอร์เนชั่นแนล จุดประกายภารกิจครั้งใหญ่ ยกระดับความรู้ ปกป้องคนไทยจากโรคหลอดเลือดสมอง ภัยเงียบที่ต้องรู้ทัน!
—
แบรนด์ซุปไก...
โรงพยาบาลกรุงเทพติดอันดับ Top 5 ของไทย ในรางวัล The World's Best Hospitals 2025 - Thailand
—
โรงพยาบาลกรุงเทพภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็...
รพ.กรุงเทพอินเตอร์เนชั่นแนลคว้า 3 รางวัลคุณภาพระดับเอเชีย Asia's Top Private Hospital 2025 ด้วยผลการรักษาที่เป็นเลิศสำหรับผู้ป่วยสมองและกระดูก
—
โรงพยาบาลกร...
ภาพข่าว: คืนความชัดใสให้ดวงตาด้วยการทำเลสิกไร้ใบมีด แบบแผลเล็ก ReLEx
—
นพ.นิวัฒน์ อินทรวิเชียร ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพ พร้อมด้วย พญ.โสมสราญ วัฒ...