เลขาธิการสภาพัฒน์ เผย GDP ปีหน้าอาจพลิกบวก 4% ย้ำ! วิชาชีพสถาปนิกมีบทบาทสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

ACT FORUM '20 Design + Built หรือ งานสภาสถาปนิก ถือเป็นงานด้านสถาปัตยกรรมงานเดียวแห่งปีที่รวบรวมทุกเรื่องราวด้านสถาปัตยกรรม ออกแบบ และก่อสร้างไว้อย่างครบครัน เริ่มต้นขึ้นแล้ววันนี้ โดยมีกำหนดจัด ระหว่างวันที่ 18-22 พฤศจิกายน 2563 ตั้งแต่เวลา 10.00 - 20.00 น. ที่ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งในพิธีเปิดมีหนึ่งไฮไลต์สำคัญ นั่นคือการกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ "สถาปนิกกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปี 2564" โดย คุณดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เผยให้เห็นทิศทางของเศรษฐกิจในปี พ.ศ. 2564 ในหลายประเด็นที่น่าสนใจ

เลขาธิการสภาพัฒน์ เผย GDP ปีหน้าอาจพลิกบวก 4% ย้ำ! วิชาชีพสถาปนิกมีบทบาทสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจสู่ความหลากหลาย เลขาธิการสภาพัฒน์ เผย GDP ปีหน้าอาจพลิกบวก 4% ย้ำ! วิชาชีพสถาปนิกมีบทบาทสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

สืบเนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้อย่างมาก ส่งผลให้ตัวเลข GDP ในไตรมาส 2 ติดลบอยู่ที่ 12.2% เรียกได้ว่าต่ำสุดนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ก่อนหน้านี้ประเมินว่าตัวเลขในไตรมาส 3 จะดีขึ้น อยู่ที่ติดลบ 7.5% แต่จากการคลายล็อกดาวน์ ซึ่งทำให้สามารถกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้และสถานการณ์โดยรวมของประเทศดีขึ้น ปรากฏว่าในไตรมาส 3 นี้ GDP ติดลบอยู่ที่ 6.4% ซึ่งดีขึ้นกว่าในไตรมาสก่อนหน้า และดีกว่าตัวเลขที่ประเมินไว้

จากเดิมที่เคยประเมินว่าตลอดทั้งปี พ.ศ. 2563 GDP จะติดลบที่ประมาณ 7.5% จึงปรับตัวเลขเหลือ ติดลบ 6% หากสถานการณ์ยังดีขึ้นเรื่อยๆ มีการร่วมแรงร่วมใจกัน หรืออาจมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ก็มีความเป็นไปได้ว่าในปี พ.ศ. 2564 เราอาจจะพลิกการเติบโตของ GDP กลับมาเป็นบวกได้ประมาณ 4% อย่างไรก็ตามจากปัญหาทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้น ทำให้เห็นว่าประเทศของเรายังขาดความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจที่มากพอจะรองรับวิกฤตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ในระยะถัดไปเราจึงจำเป็นต้องมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ โดยเฉพาะที่ผ่านมาเราเน้นพึ่งพาการท่องเที่ยวกับการส่งออกเป็นส่วนใหญ่ในโครงสร้าง ในระยะถัดไปเราจึงต้อง Diversify หรือสร้างความหลากหลายในโครงสร้างเศรษฐกิจ ไปสู่ Sectors ใหม่ๆ เช่น กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสุขภาพและการป้องกัน รวมทั้ง Medical Care หรือการรักษา ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่จะต้องลงทุนกันต่อไปในอนาคต

สถาปนิกกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

เมื่อเราต้องสร้างความหลากหลายในโครงสร้างเศรษฐกิจเช่นนี้ บทบาทของสถาปนิกจะมีผลอย่างไรบ้าง? สถาปนิกจะมีบทบาทสำคัญมาก ในประการแรก ทิศทางเศรษฐกิจของไทย จะเน้นการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นเมืองหลักเมืองรองต่างๆ โดยการพัฒนาเมืองหลักนั้นจะเน้นให้เป็น Growth Pole หรือศูนย์กลางการเติบโต แล้วกระจายไปสู่เมืองรองต่างๆ สร้างโอกาส สร้างแหล่งงาน สร้างรายได้ สร้างอาชีพให้กับประชาชน ให้เขาไม่ต้องเดินทางเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือความเป็นเมืองจะขยายมากขึ้น ชนบทกับเมืองจะใกล้ชิดเข้าหากันมากขึ้น ดังนั้นในอนาคตการวางผังเมืองในเมืองหลักและเมืองรองจะกลายมาเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากขึ้น ซึ่งจุดนี้เป็นบทบาทสำคัญของสถาปนิก ในการที่จะใช้ความเชี่ยวชาญในการวางผังเมืองที่มีความเหมาะสม รองรับการเติบโต

ดึงอัตลักษณ์ท้องถิ่นผสานการพัฒนาเมือง

ประการที่สอง เมื่อเราต้องพัฒนาเมืองให้กระจายการเติบโตออกไป อีกสิ่งที่สำคัญคือการดึงเอาอัตลักษณ์ของท้องถิ่นมาผสมผสานให้แต่ละเมืองเกิดความแตกต่างที่น่าดึงดูดใจ เพราะหากขาดอัตลักษณ์แล้ว การพัฒนาเมืองแต่ละเมืองก็จะดูเหมือนๆ กันหมด ขาดความน่าดึงดูดใจ สำหรับเมืองหลักที่มีการพัฒนาไปแล้วอย่างเช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น ในอนาคตก็จะต้องมีการเติมเต็มเรื่องอัตลักษณ์ให้มีความชัดเจน ในอนาคตจะได้เห็นความร่วมมือจากภาครัฐและท้องถิ่นมากขึ้นในการพัฒนาภูมิทัศน์ของเมืองให้มีความน่าอยู่ มีการวางผังเมืองที่มีประสิทธิภาพผสานการชูอัตลักษณ์ของแต่ละท้องที่ ซึ่งนี่เป็นจุดสำคัญที่ต้องอาศัยคนในวิชาชีพสถาปนิกเข้ามามีบทบาทสำคัญ

ดันประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

ประการที่สามที่สถาปนิกจะมีบทบาทช่วยได้อย่างมาก คือ ทิศทางการพัฒนาประเทศต่อจากนี้ จะมุ่งขับเคลื่อนสังคมไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) อันจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Development ซึ่งประเทศของเราได้ลงนามใน The Paris Agreement ว่าจะมีการลดปริมาณการปลดปล่อยคาร์บอนลดราว 20% ในอีก 20 ปีข้างหน้า จากปริมาณที่เราปล่อยอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นทางสังคมที่ส่งผลต่อภาคเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน เพราะไม่เพียงแต่การลดคาร์บอนในภาคอุตสาหกรรม หรือการคมนาคม แต่ยังรวมถึงการออกแบบอาคารประหยัดพลังงาน อันจะส่งผลช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งบทบาทของสถาปนิกก็ช่วยขับเคลื่อนประเด็นนี้ได้เป็นสำคัญ เพราะสถาปนิกเป็นวิชาชีพที่มี Creative Mind มีความคิดสร้างสรรค์ในการคิดค้นนวัตกรรม ทั้งการออกแบบก่อสร้าง นวัตกรรมวัสดุ ที่จะมาเติมเต็มดีมานด์การก่อสร้างอาคารประหยัดพลังงานเหล่านี้ แน่นอนว่าจะส่งผลต่อไปยังภาคการผลิตวัสดุก่อสร้างด้วย เพราะจะเกิดดีมานด์ของสถาปนิก ที่ทำให้ฝั่งผู้ผลิตจะต้องไปคิดค้น วิจัย และผลิตขึ้นมาให้ตอบโจทย์ความต้องการ ซึ่งก็จะส่งผลดีต่อมาคือผลิตภัณฑ์วัสดุนวัตกรรมเหล่านี้สามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้

สถาปนิกปันสุข….สู่ผลิตภัณฑ์ชุมชน

ประการสุดท้าย เมื่อเมืองกับชนบทมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น ชุมชมต่างๆ ก็จะขึ้นมามีความสำคัญมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันการผลิตสินค้าของชุมชนยังมีปัญหาอยู่มาก มีผลทำให้สินค้าไม่ได้รับความสนใจหรือไม่ดึงดูดใจผู้ซื้อ ซึ่งจากการได้พูดคุยกับอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ก็มีเคสที่ชุมชนผลิตสินค้าพื้นบ้านออกมาแล้วขายไม่ดี ขายไม่ได้ จนวันหนึ่งมีสถาปนิกที่เป็นลูกหลานของชุมชน เข้าไปช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีรูปแบบที่มีดีไซน์ทันสมัยสวยงามเหมาะสม มีบรรจุภัณฑ์ที่น่าซื้อ ก็ช่วยเพิ่มมูลค่าของสินค้าได้และทำให้สินค้าขายดีขึ้น จากเดิมที่ทำขายกันตามมีตามเกิด ซึ่งในส่วนของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนนี้ ก็เชื่อว่าคนในวิชาชีพสถาปนิกจะมีบทบาทที่สำคัญมากที่จะช่วยเหลือให้เศรษฐกิจในระดับชุมชนนั้นดีขึ้น กลายเป็นรากฐานที่มั่นคงของการขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจระดับประเทศ

จากการกล่าวปาฐกถาครั้งนี้ทำให้เห็นว่าสถาปนิกนั้นมีบทบาทอย่างมากในการร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ดังนั้น ACT FORUM '20 Design + Built หรือ งานสภาสถาปนิก จึงได้จัดเวทีสัมมนาจากวิทยากรชั้นนำระดับประเทศและระดับโลก กว่า 40 ชีวิต ครอบคลุมเนื้อหาองค์ความรู้ด้านสถาปัตยกรรมทั้ง 4 สาขา ได้แก่ สถาปัตยกรรมหลัก สถาปัตยกรรมภายในและมัณฑนศิลป์ ภูมิสถาปัตยกรรม และสถาปัตยกรรมผังเมือง รวมถึงเทรนด์ด้านการออกแบบ ให้เหล่าสถาปนิกและผู้ที่สนใจได้อัพเดทความรู้กันอย่างเต็มอิ่ม พร้อมรับกับโอกาสใหม่ๆ ที่จะเข้ามาในอนาคต รวมถึงมีการจัดแสดงนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ก่อสร้างจากแบรนด์ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศไว้อย่างครบครันจากกว่า 350 บริษัท ระหว่างวันที่ 18-22 พฤศจิกายน 2563 ตั้งแต่เวลา 10.00 - 20.00 น. ที่ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.ActForumExpo.com

รับฟังปาฐกถาแบบเต็มๆ ได้ที่ https://fb.watch/1RX6cguLyO/


ข่าวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ+ดนุชา พิชยนันท์วันนี้

โฮมโปร มุ่งสู่ผู้นำ "Home Solution & Living Experience" อย่างยั่งยืน

ตอกย้ำการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนแห่งอนาคต บนเวที "KTC FIT Talk 19" โฮมโปร (HomePro) ตอกย้ำวิสัยทัศน์องค์กรแห่งความยั่งยืน ร่วมเวทีเสวนา "KTC FIT Talk ครั้งที่ 19" ภายใต้หัวข้อ "Power from Home, Power for the Future" จัดโดยความร่วมมือระหว่างเคทีซี กระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยพันธมิตรชั้นนำอย่าง SCG และ GULF เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางการใช้พลังงานสะอาดในครัวเรือนและการบริหารทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กร สังคม และสิ่งแวดล้อม

"เคทีซี" หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (ม... KTC สร้างสะพานพันธมิตร ขับเคลื่อน K-Food Soft Power จากเกาหลีสู่การเดินทางที่มีความหมาย — "เคทีซี" หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับองค์การส่ง...

ธนาคารกรุงไทยร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย... ธนาคารกรุงไทยจับมือจุฬาฯ ยกระดับศักยภาพบุคลากร-นิสิต สร้างกำลังสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย — ธนาคารกรุงไทยร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเดินหน้าขับเคลื่อนโคร...