รู้หรือไม่? แสงไม่จ้าก็ทำร้ายดวงตาได้

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

รายงานการวิจัยขององค์การอนามัยโลก (WHO) คาดการณ์ว่าในปี ค.ศ. 2050 ประชากรกว่าครึ่งโลกหรือคิดเป็น จำนวนกว่า 50 ล้านคนจะมีปัญหาภาวะสายตาสั้น! เอสซีลอร์ ในฐานะผู้นำระดับโลกทางด้านการแก้ไขปัญหาสายตา ตระหนักถึงปัญหาสายตาที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นและเล็งเห็นถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจทำร้ายดวงตาของคุณได้เช่นกัน เราจึงขอเสนอข้อมูลสำคัญเพื่อการดูแลสุขภาพสายตาในเบื้องต้น พร้อมเคล็ดลับการเลือกเลนส์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ปัจจุบันได้ในหนึ่งเดียว เพื่อให้สอดคล้องกับวันสายตาโลก (World Sight Day) ที่ใกล้จะมาถึง ซึ่งกำหนดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 2 ของเดือนตุลาคมของทุกปี

รู้หรือไม่? แสงไม่จ้าก็ทำร้ายดวงตาได้

ดวงตาถูกออกแบบมาเพื่อรับ “แสง” และสร้างการมองเห็นของมนุษย์ ในแต่ละวันเราต้องพบเจอกับสภาพแสงหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแสงธรรมชาติจากดวงอาทิตย์ แสงหลอดไฟในอาคาร หรือแม้แต่ช่วงแสงสีน้ำเงินอมม่วงที่เป็นอันตรายต่อจอประสาทตาเมื่อเราจ้องมองอุปกรณ์ดิจิทัล โดยเฉพาะแสงสีน้ำเงินที่ในปัจจุบันมีการตื่นตัวกันอย่างกว้างขวาง เพราะงานศึกษาหลายชิ้นระบุว่าผู้คนกว่า 68% มีอาการอ่อนล้าทางสายตาเพราะใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเวลานานหลายชั่วโมงต่อวัน และมีความเสี่ยงต่อภาวะจอประสามตาเสื่อมจากแสงสีน้ำเงินอมม่วง อีกทั้งยังทำให้เกิดอาการตาแห้ง ปวดกระบอกตา และบางรายอาจมีอาการมองเห็นภาพเบลอร่วมด้วย

แต่คุณรู้หรือไม่ว่าแท้จริงนั้น แสงธรรมชาติ แสงหลอดไฟ หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์บางชนิดก็สามารถทำร้ายดวงตาเราได้มากเช่นกัน โดยแสงธรรมชาติจะมาพร้อมกับรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่เป็นอันตรายกับดวงตาเราและเป็นหนึ่งปัจจัยเสี่ยงในการเร่งการเสื่อมอายุของเลนส์ตาที่ทำให้เกิดโรคต้อกระจก โดยเฉพาะดวงตาของเด็กเล็กยิ่งมีความไวต่อรังสียูวีมากกว่าผู้ใหญ่ถึง 3 เท่า แม้การออกไปรับแสงธรรมชาติจะส่งผลดีต่อร่างกายในการสังเคราะห์วิตามินดีเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก แต่ดวงตาก็จำเป็นต้องได้รับการปกป้องด้วยเช่นกัน

วิธีการปกป้องดวงตาที่ต้องท้าแสงในกิจกรรมรูปแบบต่าง ๆ

  1. กิจกรรมในพื้นที่ร่ม เมื่ออยู่ในอาคาร สิ่งที่พึงระวังคือแสงสีน้ำเงินอมม่วงจากการทำงานหน้าจอดิจิทัลเป็นเวลานาน คุณจึงควรเลือกเลนส์แว่นตาที่สามารถปกป้องดวงตาจาก “แสงร้าย” เลือกกรองเฉพาะช่วงแสงสีน้ำเงินอมม่วงจากอุปกรณ์ดิจิทัลและหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่เป็นอันตราย ในขณะที่ให้ “แสงดี” สีน้ำเงินอมเขียวที่ช่วยปรับอารมณ์ และทำให้ร่างกายตื่นตัว แอ็กทีฟ ผ่านเข้าสู่ดวงตาได้
  2. กิจกรรมแอคทีฟทั้งในที่ร่มและกลางแจ้ง การใช้เลนส์ที่เปลี่ยนสีตามสภาวะแสงโดยอัตโนมัติคือคำตอบของทุกไลฟ์สไตล์ เพราะเมื่อออกสู่กลางแจ้ง สีของเลนส์จะเข้มขึ้น และเมื่ออยู่ในอาคารเลนส์จะใสแต่ยังคงคุณสมบัติการป้องกันรังสียูวีได้ 100% พร้อมตัดแสงสีน้ำเงินเอาไว้ ทำให้มีความสบายตาตลอดทั้งวัน และใช้งานได้อย่างสะดวกสบายครบจบในเลนส์เดียว ปกป้องดวงตาได้ตลอดเวลาทั้งในที่ร่มและกลางแจ้ง ช่วยให้คุณทำกิจกรรมได้คล่องตัวยิ่งกว่าเพราะไม่ต้องพกแว่นตาหลายอันให้ยุ่งยากและสิ้นเปลือง
  3. กิจกรรมท้าแสงกลางแจ้งหรือแดดจัด ควรสวมแว่นกันแดดหรือใช้เลนส์โพลาไรซ์เพื่อตัดแสงจ้าและแสงสะท้อนจากวัตถุ ไม่ว่าจะเป็นผิวถนน เงากระจก หรือผิวสะท้อนอื่น ๆ เปรียบเสมือนติดเกราะป้องกันดวงตา เสริมการมองเห็นให้คมชัดและสบายตามากยิ่งขึ้น ช่วยให้คุณหมดกังวลกับแสงรอบตัวที่อาจทำร้ายดวงตาขณะทำกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งในขณะขับรถ เล่นกีฬา เดินทางท่องเที่ยว ฯลฯ

สำหรับผู้ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์หรืออ่านหนังสือติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรพักสายตาด้วยกฎ 20-20-20 โดยหยุดพักสายตาเป็นเวลา 20 วินาที ทุก ๆ 20 นาที ด้วยการมองไกลออกไป 20 ฟุต ซึ่งช่วยให้กล้ามเนื้อตาได้ผ่อนคลาย และเป็นการกระตุ้นให้เรากระพริบตาเพื่อเพิ่มน้ำหล่อเลี้ยงในดวงตาของเราอีกด้วย

“วันสายตาโลก” World Sight Day ในปีนี้ กลุ่มบริษัทเอสซีลอร์ ได้จัดโครงการรณรงค์ตามพันธกิจที่ต้องการส่งมอบสุขภาพสายตาที่ดี เป็นการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้คนทั่วโลก ง่ายๆ ด้วยการขอเชิญชวนให้แฟนเพจของเฟสบุ๊ค Essilor Thailand ช่วยกันแชร์โพสต์ของโครงการรณรงค์ ตลอดทั้ง 7 วัน ตั้งแต่ 2-8 ต.ค. นี้ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการดูแลปกป้องดวงตาจากรังสีที่เป็นอันตราย หรือสามารถสอบถามวิธีดูแลสุขภาพสายตาได้ที่เว็บไซต์ www.putvisionfirst.com และ https://www.essilor.co.th

อย่าให้วันสายตาโลกเป็นเพียงหนึ่งวันของการดูแลรักษาดวงตา เพราะสุขภาพดวงตาป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจในทุกวัน และควรพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพดวงตาเป็นประจำทุกปี ด้วยความปราถนาดีจาก เอสซีลอร์ เรามุ่งส่งเสริมให้ทุกคนมีสุขภาพสายตาที่ดีที่จะทำให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่


ข่าวองค์การอนามัยโลก+องค์การอนามัยโลวันนี้

สธ. ดันโครงการ "เด็กฉลาดสร้างได้ตั้งแต่แรกเกิด" ชี้ธาตุเหล็กช่วยพัฒนาสมองลูกน้อย เสริมพัฒนาการให้สมวัย

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดโครงการ "เด็กฉลาดสร้างได้ตั้งแต่แรกเกิด" พร้อมด้วย พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี Mr. Mark Landry เจ้าหน้าที่โครงการขององค์การอนามัยโลก (WHO) ประจำประเทศไทย นางนภัทร พิศาลบุตร ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหารกรมอนามัย ร่วมงาน ณ บริเวณโถงชั้นล่าง อาคาร 3 ชั้น 1 สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข

ปัจจุบันปัญหาการบริโภคโซเดียมเกินความจำเป... ผงปรุงรสจากพืชพื้นบ้าน: นวัตกรรมทางเลือกเพื่อสุขภาพและความยั่งยืนของชุมชน — ปัจจุบันปัญหาการบริโภคโซเดียมเกินความจำเป็นเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ส่งผ...

การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ห่วงใยประชาชนพ... กปภ. ตรวจเข้มคุมคุณภาพน้ำ 24 ชั่วโมงย้ำ ! น้ำประปาเชียงรายสะอาด ปลอดภัย มั่นใจได้ — การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ห่วงใยประชาชนพื้นที่จังหวัดเชียงราย กำชับ ก...

บริษัท โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) ... โนโว นอร์ดิสค์ จัดงานแถลงข่าวมุ่งเน้นประโยชน์สำหรับคนไข้ที่มากกว่าการลดน้ำหนัก — บริษัท โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด หรือ "โนโว นอร์ดิสค์" จัดง...

องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้ทุกวันที่ ... GSK ร่วมรณรงค์ "สัปดาห์การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโลก 2025" ชูการป้องกันโรคสำหรับทุกวัย — องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้ทุกวันที่ 24-30 เมษายนของทุกปีถือเป็...