การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ถือเป็นวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ของโลก ที่ส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจ สังคม และระบบสาธารณสุขของทุกประเทศทั่วโลก การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความต้องการอุปกรณ์ ชิ้นส่วนที่จำเป็นในอุตสาหกรรมการแพทย์อย่างมหาศาล เช่น หน้ากากอนามัย อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนในหลายประเทศ
บีโอไอตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น จึงปรับนโยบายส่งเสริมการลงทุนหลายด้านเพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมการแพทย์อย่างเร่งด่วน โดยที่ประชุมบอร์ดบีโอไอเมื่อเดือนเมษายน 2563 มีมติออกมาตรการเพื่อสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมการแพทย์ ได้แก่ มาตรการเร่งรัดการลงทุนในอุตสาหกรรมการแพทย์เพื่อรับมือกับโควิด-19 เช่น การผลิตหน้ากากอนามัยหรืออุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล มาตรการสนับสนุนการปรับเปลี่ยนสายการผลิตเดิมเพื่อผลิตเครื่องมือแพทย์หรือชิ้นส่วน รวมทั้งอุปกรณ์ที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ และการปรับสิทธิประโยชน์สำหรับกิจการผลิตวัตถุดิบที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ เช่น แอลกอฮอล์ทางการแพทย์ และ Non - Woven Fabric เป็นต้น
มาตรการดังกล่าวกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมการแพทย์เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดทั้งจำนวนโครงการและเงินลงทุน โดยในช่วง 9 เดือน (มกราคม - กันยายน 2563) ของปีนี้ มีคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมการแพทย์ จำนวน 65 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 132 เงินลงทุนรวม 14,710 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 75 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายประเทศ จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตพุ่งสูงขึ้น แม้จะมีความชัดเจนเรื่องการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 และเริ่มมีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในบางประเทศ แต่ด้วยจำนวนประชากรที่มีกว่า 7,000 ล้านคนทั่วโลก การเข้าถึงวัคซีนอาจมีปัญหาและข้อจำกัดต่างๆ มากมาย ซึ่งแต่ละประเทศต้องเตรียมแผนรับมือ รวมทั้งประเทศไทย
บีโอไอเล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าวเช่นเดียวกัน จึงมีนโยบายที่ให้ความสำคัญในการที่จะทำให้ประเทศไทยพึ่งพาตัวเองได้ในภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้น โดยเสนอมาตรการที่จำเป็นในการสร้างสภาพแวดล้อม (Ecosystem) ที่เอื้อต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมการแพทย์อย่างครบวงจร เพื่อสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) อย่างแท้จริง บอร์ดบีโอไอจึงมีมติเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 ให้เปิดส่งเสริมการลงทุนในกิจการวิจัยทางคลินิค (Clinical Research) ซึ่งมี 2 กิจการย่อย ได้แก่ กิจการสนับสนุนและบริหารจัดการวิจัยทางคลินิค (Contract Research Organization: CRO) และศูนย์การวิจัยทางคลินิก (Clinical Research Center: CRC) โดยทั้ง 2 กิจการจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี ไม่จำกัดวงเงินยกเว้นภาษี
นอกจากนี้ บอร์ดบีโอไอยังเห็นชอบให้การส่งเสริมการลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในกิจการดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร รองรับการเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ในปี 2564 โดยอนุมัติเปิด 2 ประเภทกิจการใหม่ ได้แก่ 1) กิจการโรงพยาบาลผู้สูงอายุ โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 5 ปี และ 2) กิจการศูนย์ดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 3 ปี
ปัจจุบัน บีโอไอมีประเภทกิจการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการแพทย์และบริการทางการแพทย์กว่า 20 ประเภทกิจการ ทั้งกิจการผลิต (Manufacturing) และบริการ (Services) แบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ยา กลุ่มเครื่องมือแพทย์ กลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพ กลุ่มบริการทางการแพทย์ และกลุ่มวิจัยและพัฒนา ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีชีวภาพทางการแพทย์ด้วย
ทั้งนี้ จากการที่บีโอไอได้มีการประชุมหารือกับบุคลากรในวิชาชีพอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เกิดการปรับปรุงนโยบายและมาตรการส่งเสริมการลงทุนให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งในอนาคตอาจมีการพิจารณาเพิ่มประเภทกิจการใหม่ที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาให้เกิดการต่อยอดในอุตสาหกรรมการแพทย์ และหากเป็นกิจการเฉพาะ (นิช มาร์เก็ต) ที่ประเทศไทยมีศักยภาพ จะช่วยสนับสนุนการสร้าง Ecosystem ที่จำเป็นต่อการเป็น Medical Hub ของประเทศไทย เช่น กิจการบริการเดลิเวอรี่ทางการแพทย์ การผลิตไบโอพอลิเมอร์สำหรับการแพทย์ เป็นต้น
สำหรับตัวอย่างกิจการที่บีโอไอให้การส่งเสริมฯ และมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมการแพทย์ไทย เช่น บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด และบริษัท แนบโซลูท จำกัด ซึ่งก่อตั้งโดยคณาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถือเป็นบริษัทสตาร์ทอัพของไทยที่ได้รับการบ่มเพาะจากศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CU Innovation Hub)
บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอในกิจการเทคโนโลยีชีวภาพ โดยทำการวิจัยและพัฒนาการผลิตโปรตีนจากใบพืชเพื่อนำมาต่อยอดผลิตเป็นยาและวัคซีน กิจการของบริษัทใบยาใช้เงินลงทุนไม่สูง แต่สิ่งที่ได้รับคือองค์ความรู้ ที่มีค่าและเป็นประโยชน์ต่อประเทศอย่างมาก ทั้งนี้ บริษัทใบยาต้องการเป็นผู้พัฒนาวัคซีนโควิด-19 ตั้งแต่ต้นน้ำ โดยตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ได้มีการพัฒนาต้นแบบวัคซีนโควิด-19 ปัจจุบันมี 6 ชนิด ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการทดสอบในสัตว์ทดลอง และมีแผนทดลองในมนุษย์ช่วงกลางปี 2564 ถ้าได้ผลสำเร็จคาดว่าจะสามารถผลิตเป็นวัคซีนให้คนไทยได้ใช้ในช่วงต้นปี 2565
บริษัท แนบโซลูท จำกัด ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอในกิจการบริการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ ใน 2 เรื่อง คือ 1) การทดสอบประสิทธิภาพของชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ในการป้องกันเชื้อไวรัส โดยวิธีการทดสอบการทะลุผ่านของเชื้อไวรัส ซึ่งสามารถทำการทดสอบได้ทั้งในรูปแบบตัวอย่างผ้าของชุด PPE หรือทดสอบทั้งชุด PPE 2) การทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยของสารตั้งต้นและผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง ยา สารสกัด และสารออกฤทธิ์ เป็นต้น โดยใช้เทคนิคเซลล์เพาะเลี้ยง ซึ่งในอนาคต ตลาดมีความต้องการการทดสอบด้วยเทคนิคเซลล์เพาะเลี้ยงมากขึ้น ด้วยเหตุผลด้านกฎหมาย และด้านธุรกิจ ที่บริการทดสอบด้วยเทคนิคเซลล์เพาะเลี้ยงมีค่าบริการที่ต่ำกว่าการทดสอบในสัตว์ทดลอง
ทั้งสองบริษัทถือเป็นตัวอย่างกิจการที่บีโอไอให้การส่งเสริมและสนับสนุนกิจการเริ่มต้นของคนไทยที่แม้จะใช้เงินลงทุนไม่สูง แต่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศอย่างมหาศาล โดยเฉพาะในด้านการสร้างองค์ความรู้ การสร้างบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ทางการแพทย์ ที่จะนำประเทศไปสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติอย่างแท้จริง
กรม สบส.จัดประชุมทบทวนยุทธศาสตร์ การประพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางนานาชาติ
"ไทย" ย้ำยุทธศาสตร์ "Medical Hub" เตรียมจัดประชุม "FNM 2024" ด้านระบบทางเดินอาหาร ครั้งแรก ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ศูนย์ฯ สิริกิติ์
เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ ดึง 800 บริษัทการแพทย์ จาก 30 ประเทศชั้นนำ ลุยจัดเมกะอีเว้นท์ "เมดิคอล แฟร์ ไทยแลนด์ 2023" ตอกย้ำไทย "ฮับการแพทย์โลก"
เอ็ม บี เค มอบที่ดินเอ็ม บี เค รีสอร์ท 36 ไร่ให้กับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สร้างร.พ.สงขลานครินทร์ ภูเก็ต ส่งเสริมคุณภาพชีวิตชุมชนอันดามัน สู่ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ
บริษัท นารีฟาร์มา กรุ๊ป ขานรับนโยบายภาครัฐ จับมือ มหาวิทยาลัยรังสิต เดินหน้าขับเคลื่อน Thailand Medical Hub
วิศวะมหิดล ร่วมขับเคลื่อนเมดิคัลฮับและอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ เปิดบริการห้องปฏิบัติการทดสอบความเข้ากันได้ทางชีวภาพของเครื่องมือทางการแพทย์ ที่ได้รับมาตรฐานโลก ISO/IEC 17025:2017
สมาคมคลินิกไทย เชิญ สบส., อย., สคบ., บก.ปคบ. ร่วมเสวนาขจัด หมอเถื่อน ให้หมดจากสังคมไทย
เครือโรงพยาบาลพญาไท - เปาโล นำจุดแข็งด้านการแพทย์มาตรฐานสากล จับมือ พันธมิตร "สายการบิน ไทยเวียตเจ็ท" ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขภาพ พร้อมรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ