รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ กองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า กองทุนบัวหลวงเตรียมจ่ายปันผลกองทุนหุ้นไทยทั้งหมด 2 กองทุนด้วยกัน ได้แก่ กองทุนเปิดบัวแก้วปันผล (BKD) กำหนดจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 24 สำหรับผลการดำเนินงาน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 - 30 มิถุนายน 2564 ในอัตรา 0.3603 บาทต่อหน่วยลงทุน และกองทุนเปิดบัวหลวงสิริผลบรรษัทภิบาล (BSIRICG) พร้อมที่จะจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 23 สำหรับผลการดำเนินงาน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 - 30 มิถุนายน 2564 ในอัตรา 0.06 บาทต่อหน่วยลงทุน
โดยทั้ง 2 กองทุนนี้ ปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน วันที่ 7 กรกฎาคม 2564 เพื่อจ่ายเงินปันผลให้กับ ผู้ถือหน่วยลงทุนตามกำหนด ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2564 นี้
สำหรับ การลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้น กองทุนบัวหลวงมองว่า ยังมีปัจจัยบวกสนับสนุนจากแนวโน้มการเร่งจัดหาและกระจายวัคซีน ซึ่งหากดำเนินการได้ดี ก็จะมีส่วนสนับสนุนให้ควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงฟื้นตัว ส่งผลเชิงบวกต่อการส่งออก ซึ่งถือเป็นภาคที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย
ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย รวมทั้งหุ้นไทยด้วย ซึ่งหากนักลงทุนมองเห็นภาพเดียวกันนี้ ก็สามารถจัดสรรเงินลงทุนในกองทุนรวมหุ้นไทยได้ โดยในกรณีที่ต้องการผลตอบแทนระหว่างทาง แนะนำให้เลือกลงทุนในกองทุนหุ้นไทยที่มีนโยบายการจ่ายเงินปันผล
จุดเด่นของกองทุนบัวหลวงในการบริหารกองทุน คือ การยึดถือปรัชญาการลงทุน โดยเน้นแสวงหาผลตอบแทนในระยะยาวอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการลงทุนอย่างรอบคอบ ไม่เสี่ยงมากจนเกินควร ขณะที่กระบวนการลงทุน (Process) เน้นให้ได้มาซึ่งผลตอบแทนที่ดี (Good Performance) โดยใช้หลักการการคัดเลือกตราสารลงทุน มุ่งไปที่ปัจจัยพื้นฐานที่ดี มีความชัดเจนของความสามารถในการทำกำไร และสามารถลงทุนได้ในระยะยาว (Good Stock) รวมกับการจับจังหวะการเข้าซื้อขายที่ดี (Good Trade) ตรงกับสิ่งที่เรายึดถือมาตลอด คือ Good Stock + Good Trade = Good Performance
ทั้งนี้ BKD เป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนระยะปานกลางและระยะยาว ในหลักทรัพย์ของบริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจสูงหรือมีปัจจัยพื้นฐานดี โดยจะลงทุนในตราสารทุน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV กองทุนนี้มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ปีละ 2 ครั้ง ตามที่บริษัทจัดการเห็นสมควร ในอัตรา 95% จากกำไรสะสม หรือกำไรสุทธิจากการดำเนินงานในงวดนั้น
ส่วน BSIRICG จะลงทุนในกลุ่มหลักทรัพย์ที่มี CG Scoring คือ ได้รับการจัดอันดับด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยเน้นหุ้นที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูง (Market Capitalization) หรือมีสภาพคล่องสูงอย่างสม่ำเสมอ หรือมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงและต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV กองทุนนี้มีนโยบายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% จากกำไรสะสม หรือกำไรสุทธิจากการดำเนินงานในงวดนั้น
สำหรับผู้ลงทุนที่ยังไม่เคยลงทุนกับกองทุนบัวหลวง สามารถใช้บริการเปิดบัญชีกองทุนรวมผ่านโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ ได้ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป โดยบริการดังกล่าว ใช้ได้สำหรับผู้ลงทุนที่ Update หรือ Download โมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ Version 3.9.1 ขึ้นไปเท่านั้น
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
บลจ. ไทยพาณิชย์ จัดเต็มแคมเปญพิชิตภารกิจลงทุนช่วงปลายปี คัดกองทุนลดหย่อนภาษีเด่นทั้ง RMF และ Thai ESG
BBLAM เสนอขาย IPO 'BP20/25(AI)' วันที่ 31 ต.ค. - 4 พ.ย. 2568
KTAM เพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนกับ 2 กองทุน RMF "KT-Technology RMF และ KT-GESG RMF" IPO 28 ต.ค.-5 พ.ย. นี้
บลจ. ทิสโก้ จัดสัมมนา "ชีวิตดี๊ดี Happy 55+" หนุนสมาชิก PVD มีชีวิตหลังเกษียณมั่นคงและมีความสุข
โค้งสุดท้ายลดหย่อนภาษีปีนี้ BBLAM ชวนคนไทยเลือกลงทุนใน RMF และ Thai ESG ให้เท่าทันสถานการณ์โลก
บลจ.อีสท์สปริง เปิดกองพันธบัตรรัฐมุ่งรักษาเงินต้น "ES-GOVCP3M3 อายุ 3 เดือน มูลค่า 7,000 ล้านบาท ยิลด์ 0.90%ต่อปี IPO 21-27 ต.ค.68
InnovestX จับมือ LH Fund เปิด IPO "LH GLOBAL ENHANCED FUND"
บลจ.เกียรตินาคินภัทร เดินหน้าขับเคลื่อนการลงทุนอย่างรับผิดชอบ ร่วมลงนามรับหลักการ UN-Supported Principles for Responsible Investment (PRI)
บลจ.อีสท์สปริง จับมือ บล.กรุงศรี ขยายธุรกิจผู้แนะนำการลงทุนอิสระ เสริมศักยภาพบริการลูกค้า