จากสถานการณ์การกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโคโรนา 19 (โควิด 19) ส่งผลให้การแพร่ระบาดมีความไม่แน่นอนสูง และมีแนวโน้มยืดเยื้อและผันผวนกว่าที่คาด กระทบต่อเศรษฐกิจไทยรุนแรงขึ้น แต่ละภาคเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวช้าออกไปและไม่เท่าเทียมกัน ดังนั้น การแก้ไขปัญหาหนี้ระยะสั้นแบบเดิม เช่น การพักชำระหนี้เป็นครั้งคราว หรือปรับโครงสร้างหนี้แบบระยะสั้น จึงไม่ตอบโจทย์ที่จะทำให้ทุกฝ่ายผ่านวิกฤตนี้ไปได้
ในการนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทย เห็นร่วมกันในการผลักดันมาตรการในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยให้สอดคล้องกับคาดการณ์รายได้ของลูกหนี้ เช่น ในช่วงที่รายได้ของลูกหนี้ยังไม่กลับมาและอาจต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัว ภาระการชำระหนี้ของลูกหนี้ก็ควรอยู่ในระยะต่ำ แล้วค่อย ๆ ทยอยปรับเพิ่มขึ้นในระยะถัดไป แต่ไม่ใช่การเลื่อนหรือพักชำระหนี้เป็นการชั่วคราว ซึ่งแนวทางการช่วยเหลือเป็นไปตามแถลงข่าว ธปท. เรื่อง มาตรการเพิ่มเติมเพื่อส่งเสริมการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 ได้อย่างยั่งยืน เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา
สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวเรื่องการสั่งปรับลดเงินต้นและดอกเบี้ย (แฮร์คัท) นั้น ธปท. และสมาคมธนาคารไทยขอเรียนว่า ที่ผ่านมา ทั้งสองหน่วยงานได้หารืออย่างใกล้ชิด และเห็นตรงกันว่าควรเร่งผลักดันให้มาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ในช่วงสถานการณ์โควิดนี้สัมฤทธิ์ผล ให้สามารถประคับประคองลูกหนี้ที่ประสบปัญหาได้จริง ภายใต้หลักการสำคัญ คือ ลูกหนี้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาโควิด 19 สมควรได้รับความช่วยเหลือมากที่สุดและสอดคล้องกับปัญหา อีกทั้งจะต้องไม่สร้างแรงจูงใจให้กับลูกหนี้ที่ไม่ได้รับผลกระทบให้หยุดชำระหนี้ (moral hazard) ทั้งนี้ เพื่อให้สถาบันการเงินยังเป็นกลไกสำคัญและมีกำลังไปช่วยลูกหนี้ที่ได้รับความเดือดร้อนและเป็นเป้าหมายได้อย่างเพียงพอและทั่วถึง
นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพระบบสถาบันการเงิน ธปท. ชี้แจงว่า "เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์การส่งผ่านความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้แก่ลูกหนี้ในภาวะวิกฤต ธปท. ได้พิจารณาปรับกฎเกณฑ์การกำกับดูแลให้เอื้อต่อการให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงปรับลดข้อจำกัดในการเข้าถึงมาตรการ อาทิ การให้ความยืดหยุ่นในการบังคับใช้หลักเกณฑ์การจัดชั้นและการกันเงินสำรอง เพื่อลดภาระต้นทุนของสถาบันการเงินที่ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้มากไปกว่าการขยายเวลาชำระหนี้เพียงอย่างเดียว และการขยายระยะเวลาปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF เหลือร้อยละ 0.23 ออกไปจนถึงสิ้นปี 2565 เพื่อให้สถาบันการเงินส่งผ่านต้นทุนที่ลดลงไปในการบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจและประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง"
ขณะเดียวกัน นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า "ธนาคารจะเร่งนำมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมนี้ เป็นแนวทางในการช่วยเหลือลูกหนี้ โดยแต่ละธนาคารจะไปออกมาตรการเพื่อเป็นทางเลือกในการช่วยเหลือลูกหนี้ (Product program) โดยเฉพาะการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับปัญหาของลูกหนี้แต่ละกลุ่มได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ลูกหนี้ทุกกลุ่มสามารถประคับประคองธุรกิจให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ ทั้งนี้ การออก Product program เพื่อปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของแต่ละธนาคารนั้น จะมีความหลากหลายและสอดคล้องกับปัญหาของลูกหนี้แต่ละราย แต่ละกลุ่ม และเป็นธรรมทั้งกับลูกหนี้และเจ้าหนี้ เพื่อให้การช่วยเหลือไปสู่กลุ่มลูกหนี้ที่เป็นเป้าหมายได้ผลอย่างแท้จริง"
ธปท. และสมาคมธนาคารไทย มุ่งหวังให้มาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่สอดคล้องกับปัญหาของลูกหนี้
แต่ละกลุ่มในครั้งนี้ จะช่วยให้ลูกหนี้ทุกกลุ่มสามารถประคับประคองธุรกิจให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน
ไทยพาณิชย์สนับสนุน โครงการ "คุณสู้ เราช่วย" ช่วยลูกค้ากลุ่มเปราะบาง สร้างวินัย แก้หนี้ครัวเรือนยั่งยืน
สมาคมธนาคารไทย ร่วมมือกับภาครัฐเตรียมออกมาตรการลดภาระชำระหนี้ ช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยและธุรกิจขนาดเล็ก
ทรู ผนึก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ห่วงใยคนไทย เร่งมาตรการป้องกัน "ยุทธการปราบซิมผี ล่าบัญชีม้า" ตัดวงจรแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ หยุด! อาชญากรรมทางเทคโนโลยี
กรุงไทยปลื้มลูกค้า SME คว้ารางวัลธรรมาภิบาลดีเด่นปี 2566
ธปท. สมาคมธนาคารไทย และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ จับมือยกระดับการจัดการภัยทุจริตทางการเงิน
สมาคมธนาคารไทย แจ้งสิ้นสุดมาตรการลดเงินนำส่งเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ กลับเข้าสู่อัตรา 0.46% ต่อปี ตั้งแต่ 1 ม.ค.66
NITMX แอนท์ อินเตอร์เนชันแนล และธนาคารกรุงไทย ขยายการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินระหว่างไทย-จีน ผ่านพร้อมเพย์
กสิกรไทย ผนึกกำลัง มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ อบก. Kubix และ Orbix Technology เปิดตัวโครงการนำร่องทดสอบการแปลงคาร์บอนเครดิตเป็นโทเคนดิจิทัล ครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้กรอบ Regulatory Sandbox ของธนาคารแห่งประเทศไทย
"กอช." ผนึกกำลังหน่วยงานพันธมิตร ขยายช่องทางการจำหน่าย และชำระเงิน "สลาก กอช."ครอบคลุมทุกช่องทาง