Yves Rocher (อีฟ โรเช่) แบรนด์ความงามอันดับ 1 จากประเทศฝรั่งเศส โตสวนกระแส ยอดพุ่งทะลุพันสามร้อยล้านบาท พร้อมเปิดตัว Anti-Age Global (แอนตี้ เอจ โกลบอล) สกินแคร์ตัวใหม่ล่าสุดอย่าง "Super Serum Bud Nectar" (ซุปเปอร์ เซรั่ม บัด เนคต้าร์) ตั้งเป้าปีนี้โต15%
วิลาสินี ภาณุรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท อีฟ โรเช่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ก่อนปี 2563 ตลาดความงามในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตที่ 6% - 7% ทุกปี ด้วยมูลค่าตลาดรวมกว่า 2.2 แสนล้าน โดยเฉพาะในกลุ่มสกินแคร์ดูแลผิวหน้า ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มสกินแคร์อยู่ที่ 80% จากมูลค่าภาพรวมอยู่ที่กว่า 9 หมื่นล้านบาท ในช่วงโควิดระลอกแรก ตลาด Face Skincare (เฟส สกินแคร์) ได้รับผลกระทบทันทีเนื่องจากคนมองว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ยอดขายร่วงลงอย่างรวดเร็ว ประจวบกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มใหญ่ของสินค้าหมวดนี้คือนักท่องเที่ยว เลยทำให้ตลาด Face Care (เฟส แคร์) ติดลบเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี จนกระทั่งเมื่อผู้บริโภคเริ่มปรับตัวเข้าสู่ยุคนิวนอร์มัล Face Care กลายเป็นกลุ่มที่ฟื้นตัวเร็วขึ้นมา เพราะคนแต่งหน้าน้อยลงแต่เน้นบำรุงผิวมากขึ้นโดยเฉพาะเมื่อต้องใส่ Mask (มาส์ก) และใช้ Skin Care Routine (สกินแคร์ รูทีน) มาเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวเองผ่อนคลายเมื่ออยู่ที่บ้านอย่าง DIY Beauty Care (ดีไอวาย บิวตี้ แคร์) เป็นเทรนด์ที่เราเห็นอย่างชัดเจน แม้ลูกค้าจะระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้นหรืออาจมีการเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้อที่ถูกลง แต่จำนวนชิ้นหรือขั้นตอนในการดูแลผิวไม่ลดลงเลย
สำหรับ อีฟ โรเช่ ปีที่แล้ว ในส่วนยอดขายจากการที่เราปรับตัวและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทุกอย่าง ทำให้ยังเติบโตขึ้น 7% สวนทางกับตลาดที่ติดลบ โดยเติบโตมากที่สุดในส่วนของ Hair Care (แฮร์ แคร์) ที่ +60% ในส่วนของ Face Care ถึงแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 แต่เราก็ยังสามารถโตกว่าตลาด Face Care โดยรวมได้ การเติบโตในปีที่แล้วของแบรนด์มาจากลูกค้าใหม่ที่เกิดจากการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ถึง 40% (>200,000 คน) ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่นิยมซื้อของจากหลากหลายช่องทางทั้ง Offline (ออฟไลน์) และ Online (ออนไลน์) ในขณะที่เรายังมีกลุ่มลูกค้า Loyalty (ลอยัลตี้) กลุ่มเดิมที่ยังกลับมาซื้อที่หน้าร้านหลังคลายล็อกดาวน์ โดยมีอัตราที่เพิ่มขึ้นถึง 8% ถ้าเทียบกับจำนวนลูกค้ากลุ่มนี้ในปีก่อนนี้ทั้งปี ทั้งที่ปีนี้หน้าร้านทั้ง 88 สาขาต้องปิดเกือบ 3 เดือน
ในปี 2564 ที่เรายังมียอดขายโตขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ 11% แม้จะมีโควิดรอบ 3 ในปีนี้ นอกจาก Hair Care และกลุ่ม Bath & Body Care (บาธ แอนด์ บอดี้ แคร์) ที่เป็นกลุ่มหลักในการผลักดันยอดขายแล้ว เราจะหันมาดันตลาด Face Care ให้มากขึ้น เนื่องจากเรามีนวัตกรรมสินค้าในกลุ่มนี้ที่จะเปิดตัวครั้งใหญ่ถึง 2 ตัว โดยกลุ่มแรกจะเปิดตัวในเดือนพฤษภาคม คือ กลุ่มสินค้าที่ขายดีที่สุดมาตลอด 20 ปี Anti-Age Global นำทัพด้วยสินค้าออกใหม่ "AAG Super Serum Bud Nectar" (เอเอจี ซุปเปอร์ เซรั่ม บัด เนคต้าร์) ที่จะช่วยขยายตลาดเราไปที่กลุ่มอายุ 20 ปลาย ที่เริ่มอยากจะปกป้องผิวจากริ้วรอยแห่งวัย การเปิดตัวครั้งนี้เราคาดหวังว่าจะทำให้เราช่วยกระตุ้นตลาดสกินแคร์ให้เพิ่มขึ้น และคาดว่ายอดขายเราเองจะโตเร็วกว่าตลาดประมาณ 2 เท่าตัว เรามั่นใจในสินค้าตัวใหม่นี้เป็นอย่างมาก เพราะ Bud Nectar (บัด เนคต้าร์) ที่เป็นส่วนประกอบหลักและเป็นส่วนประกอบสำคัญที่มีเฉพาะ อีฟ โรเช่ เท่านั้น โดยคุณสมบัติอันโดดเด่นของ Bud Nectar คือสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่อย่างไม่สิ้นสุด เพราะเป็นสิ่งที่รวบรวมสารอาหารเข้มข้นที่จำเป็นต่อชีวิตและการเจริญเติบโตของพืช ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารสำคัญอื่นๆ เมื่อนำมาอยู่ใน AAG Super Serum Bud Nectar ทำให้มีคุณสมัติกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่แข็งแรงขึ้น และยังมีเทคโนโลยีพิเศษนั่นก็คือ ออยล์บูสเตอร์ ซึ่งดีกว่าออยล์ทั่วไป เพราะเป็นออยล์โมเลกุลเล็ก บางเบา และที่สำคัญคือการเลียนแบบน้ำมันตามธรรมชาติบนผิว จึงสามารถนำพา "บัด เนคต้าร์" ตรงเข้าฟื้นฟูได้ลึกถึงระดับเซลล์ สร้างผิวเกิดใหม่ แน่นอิ่มฟู ภายในระยะเวลาแค่ 3 วัน
ไม่เพียงแต่ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น อีฟ โรเช่ ยังคงไว้ซึ่ง #สวยโลกไม่เสีย ที่สอดประสานอยู่ในทุก DNA (ดีเอ็นเอ) ของแบรนด์ และผลิตภัณฑ์ตัวใหม่นี้ก็เช่นกัน เพราะบัด เนคต้าร์ ของ อีฟ โรเช่ นำมาจากกระบวนการปลูกและเก็บเกี่ยวอย่างยั่งยืน โดยสกัดจากหน่อยอดอ่อนของดอกไวท์ไลแลคอย่างเข้มข้นเพียง 1 ดอกเท่านั้น เพื่อที่จะได้รบกวนธรรมชาติน้อยที่สุด เป็นการรักษาซึ่งแหล่งกำเนิดของ บัด เนคต้าร์ แต่สามารถเก็บรักษาประสิทธิภาพไว้ได้สูงสุดด้วยนวัตกรรมเฉพาะของ อีฟ โรเช่ ที่ส่งตรงจาก เมือง ลากาซิลี่ ประเทศฝรั่งเศส ในส่วนของบรรจุภัณฑ์ก็เช่นกัน เราใช้ขวดแก้วที่สามารถรีไซเคิลได้ 100% และกล่องที่ผลิตจากกระดาษรีไซเคิลที่มาจากป่าที่ได้รับการปลูกแบบยั่งยืน
ทั้งนี้ เรายังเลือกที่จะไม่ใช้พรีเซ็นเตอร์ในการเปิดตัวครั้งนี้ เพราะเราอยากให้ผู้บริโภคได้ลองใช้และเห็นผลจริงด้วยตัวเอง โดยการแจก Sample (แซมเปิ้ล) ไปให้มากที่สุดกับกลุ่มเป้าหมาย และใช้วิธีการแสดงผลผ่าน Testimonial Campaign (เทสติโมเนียล แคมเปญ) จากผู้ใช้จริงทั่วไป และจาก Expert Panel (เอ็กซ์เปิร์ท พาแนล) ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องผิวจริงๆ เนื่องจาก AAG เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีแฟนอยู่เหนียวแน่น เราจึงเชื่อว่าลูกค้าเก่าจะกลับมาซื้อสินค้าในช่วงเปิดตัวนี้เป็นสัดส่วน 70% ของลูกค้าทั้งหมด และอีก 30% จะเป็นลูกค้าใหม่ที่เราจะรีครูทเข้ามาที่แบรนด์อย่างที่กล่าวไปเบื้องต้น
สามารถติดตามข่าวสารของแบรนด์ Yves Rocher ได้ตามช่องทางต่างๆ ดังนี้
เฟสบุค: Yves Rocher(Thailand)
อินสตาแกรม: @yvesrocher_thailand
ทวิตเตอร์: @YvesRocherTH
ยูทูป: YvesRocher Thailand
AEROFLEX ชวนสัมผัส "ความเย็นที่รู้สึกได้ ผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้จริง" ฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา AERO-ROOF งานบ้านและสวนแฟร์ LIVING FESTIVAL 2025
อีวี ไพรมัส ดึงบริษัทแม่และดีลเลอร์รายใหญ่จากจีนร่วมทุนจัดตั้ง วู่หลิง ไทยแลนด์
Omise จับมืออีซี่บายเปิดตัวการชำระเงินแบบ QR พร้อมเพย์บน DREAMwallet ก้าวสำคัญของธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ชำระง่าย ครอบคลุมทั่วประเทศ
Omise จับมืออีซี่บายเปิดตัวการชำระเงินแบบ QR พร้อมเพย์บน DREAMwallet ก้าวสำคัญของธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ชำระง่าย ครอบคลุมทั่วประเทศ
MCC ร่วมมือ IBM และ eLife Systems จัดงาน "Intelligent Data, Smarter AI: IBM Storage & IBM watsonx" ยกระดับข้อมูลและ AI สำหรับธุรกิจยุคใหม่
MCC ร่วมมือ IBM และ eLife Systems จัดงาน "Intelligent Data, Smarter AI: IBM Storage & IBM watsonx" ยกระดับข้อมูลและ AI สำหรับธุรกิจยุคใหม่
สิ้นสุดการรอคอย EP ประกาศเดินเครื่อง HL4 วินด์ฟาร์มเวียดนาม หลังการไฟฟ้าเวียดนาม อนุมัติวัน COD 22 ก.ย. ที่ผ่านมา พร้อมบุ๊กรายได้ทันที
อีมิแน้นท์แอร์ คว้า 2 มาตรฐานใหญ่ด้านสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำผู้นำแอร์ไทยรักษ์โลก
Esri Thailand จัด TUC 2025 โชว์ล้ำเทคโนโลยี GIS ช่วยภารกิจ "ตึกถล่ม" ตอกย้ำพลังบูรณาการข้อมูล รับมือทุกความท้าทาย เร่งเครื่องพัฒนาประเทศทุกมิติ