ตอนเด็กๆ เรามักจะได้ยินว่าการไปเคลือบฟลูออไรด์จะช่วยป้องกันฟันผุได้แต่พอโตขึ้นมาหน่อยก็ดันได้ยินเค้าพูดกันบ่อยๆอีกว่าการแปรงฟันที่ใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ผสมจะช่วยป้องกันฟันผุได้เช่นกัน
คำถามคือ แล้วแบบไหนมันดีกว่ากันกันแน่ ?
ถ้าเอาแบบวัดผลกันตรงๆ นะ ทั้ง 2 วิธีนี้ดีแทบไม่ต่างกัน เพราะสามารถป้องกันฟันผุได้ดีทั้งคู่เลยหล่ะ ซึ่งทั้งการเคลือบฟัน การแปรงฟัน หรือแม้กระทั่งการกินเม็ดฟลูออไรด์ ต่างก็ทำให้ฟันของเราได้รับฟลูออไรด์ไปเคลือบไว้ทั้งสิ้น
ส่วนสาเหตุที่ต้องเติมฟลูออไรด์เข้าร่างกายนั้น เนื่องจากฟันของเราจะมีการสูญเสียสารเคลือบฟันระหว่างวันตลอดเวลา ซึ่งทั้ง 3 วิธีที่ว่ามาก็เป็นการเติมฟลูออไรด์เข้าไปในฟันใหม่นั่นเอง
และหากเราปล่อยให้ฟันผุเรื้อรัง นอกจากจะเสียวฟันแล้ว อาจเกิดการลุกลามของเชื้อไปยังขากรรไกร ลามไปใบหน้า ลำคอ ปอดอักเสบ โพรงจมูก หรืออาจขึ้นสมองจนเสียชีวิตได้เลย ฉะนั้นการป้องกันไม่ให้เกิดฟันผุเลยดีที่สุด มี 3 วิธีหลักๆ ด้วยกันคือ
ทีนี้หลายคนอาจสงสัยว่า ถ้าเรายิ่งใช้ยาสีฟันที่มีปริมาณฟลูออไรด์สูงๆ ก็แปลว่าจะยิ่งช่วยป้องกันฟันผุตามไปด้วยจริงไหม? คำตอบคือ "จริง" แต่ต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ปริมาณฟลูออไรด์ Max Level ที่ใช้แปรงฟันควรอยู่ในช่วง 1,300 - 1,500 PPM ซึ่งปริมาณนี้เหมาะสำหรับใช้ในผู้ใหญ่เท่านั้นนะ
*** ถ้าจะใช้ในเด็กต่ำกว่า 6 ขวบ ควรใช้ในปริมาณเท่าเม็ดถั่วเขียวและมีผู้ใหญ่ดูแลขณะแปรงฟัน เพราะเด็กอาจเผลอกลืนยาสีฟันได้นั่นเอง
ถ้าเข้าใจหลักการเรื่องการป้องกันฟันผุ ใน 3 วิธีที่ว่ามาแล้ว ใครชอบวิธีไหนก็ตัดสินใจกันเองและเพื่อสุขภาพฟันที่ดีอย่าลืมไปพบทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือน หรืออย่างน้อยปีละ 1 ครั้งกันด้วยนะ เพราะถ้าพบว่ามีฟันผุหรือมีปัญหาสุขภาพฟันอื่นๆ จะได้รีบรักษาทันที ก่อนที่ฟันจะเสียหายเยอะ ที่นี้ก็จะทำให้การรักษายากขึ้น เสียค่าใช้จ่ายแพง และแถมเจ็บตัวนานอีกด้วย...
สายด่วนสุขภาพโทร 0 2743 9999 ต่อ 2999แอดไลน์โรงพยาบาลรามคำแหง ID Line : @ramhospital หรือ คลิก https://lin.ee/dED0pj2
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit