ธนาคารทิสโก้สวนกระแส ชี้หุ้นวัฏจักรเศรษฐกิจใกล้จบรอบ - ปลื้มหุ้นไบโอเทคขึ้นแรงตามคาด

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสที่ปรึกษาการลงทุนทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (Mr.Nattakrit Laotaweesap, Head Of Wealth Advisory of TISCO Bank Public Company Limited) เปิดเผยว่า ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาหุ้นวัฏจักรเศรษฐกิจปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และสภาพคล่องในระบบที่มีอยู่มาก ขณะเดียวกันธนาคารทิสโก้ยังคงเดินหน้าแนะนำให้ลูกค้าลงทุนในหุ้นนวัตกรรมการแพทย์ (Innovative Healthcare) โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีทางชีวภาพ (Biotechnology) อย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นหุ้นกลุ่ม Defensives (หุ้นปลอดภัย) ที่ผลประกอบการค่อนข้างเสถียร และไม่แปรผันตามวัฏจักรเศรษฐกิจ เนื่องจากประเมินว่าในอนาคตยังมีความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและสภาพคล่องในระบบรออยู่มาก

ธนาคารทิสโก้สวนกระแส ชี้หุ้นวัฏจักรเศรษฐกิจใกล้จบรอบ - ปลื้มหุ้นไบโอเทคขึ้นแรงตามคาด

นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทางชีวภาพยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น อย่างล่าสุด องค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐฯ ได้อนุมัติยารักษาโรคอัลไซเมอร์ ชื่อว่า Aducanumab ของบริษัท Biogen บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐฯ ซึ่งหลังจากมีข่าวดีออกมา ทำให้เพียงวันเดียวราคาหุ้น Biogen ทยานรับข่าวไปถึง 38.34% ไปอยู่ที่ 395.85 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น นี่ถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นของหุ้น Biotechnology ที่ราคาหุ้นมักจะปรับขึ้นแรงเมื่อมีข่าวดีเรื่องการอนุมัติยา และการควบรวมกิจการเกิดขึ้น

"ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มวัฏจักร (Cyclical Stocks) เช่น กลุ่มสถาบันการเงิน (Financials) กลุ่มพลังงาน (Energy) กลุ่มอุตสาหกรรม (Industrials) ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น ตามการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ และสภาพคล่องในระบบที่ยังคงมีอยู่มาก ทำให้นักวิเคราะห์และนักลงทุนเริ่มให้ความสนใจลงทุนในหุ้นกลุ่มดังกล่าว แต่ในมุมมองของธนาคารทิสโก้ประเมินว่า ในช่วงครึ่งปีหลังหุ้นกลุ่มวัฏจักรอาจจะไม่ใช่ผู้นำในด้านการสร้างผลตอบแทนอีกต่อไป เพราะการเติบโตของเศรษฐกิจน่าจะเข้าใกล้จุดสูงสุดแล้ว ประกอบกับธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะเริ่มส่งสัญญาณลดการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบในเดือนสิงหาคมนี้ " นายณัฐกฤติกล่าว

ทั้งนี้ ธนาคารทิสโก้มองว่า หุ้นกลุ่มวัฏจักรน่าจะใกล้หมดรอบขาขึ้นในเร็วๆ นี้ เพราะปัจจัยหนุนด้านเศรษฐกิจและสภาพคล่องจากธนาคารกลางสำคัญต่างๆ จะเริ่มเปลี่ยนไป โดยเฉพาะประเทศสหรัฐฯ ซึ่งจากการรวบรวมความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดย Bloomberg พบว่า นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า GDP ของสหรัฐฯ จะขยายตัวสูงสุดในไตรมาส 2 ที่ 9.0% และจะชะลอตัวลงในช่วงที่เหลือของปีเป็น 6.5% และ 4.6% ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเพราะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่หมดลง หลังจากกระจายฉีดวัคซีนป้องกัน COVID - 19 จนคาดว่าจะเริ่มสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ในไตรมาส 3 ของปีนี้ ขณะเดียวกันธนาคารกลางสหรัฐฯ น่าจะเริ่มส่งสัญญาณลดการอัดฉีดสภาพคล่องเพื่อแตะเบรกเงินเฟ้อ ในการประชุม Jackson Hole ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ นอกจากนี้ ปัจจัยด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นก็ยังสร้างแรงกดดันต่อกำไรของบางบริษัทในหุ้นกลุ่มวัฏจักรอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนจากความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ธนาคารทิสโก้ยังคงแนะนำให้ลูกค้าปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนในหุ้นกลุ่มวัฏจักรมาเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม Defensives โดยเฉพาะธุรกิจเทคโนโลยีทางชีวภาพ (Biotechnology) ซึ่งในช่วงที่ COVID-19 ระบาด ธุรกิจเทคโนโลยีทางชีวภาพเข้ามามีบทบาทอย่างมากทั้งการคิดค้นวัคซีนและยาที่ใช้ในการรักษา นอกจากนี้ ยังยารักษาโรคอื่นๆ อยู่ในระหว่างการวิจัยกว่า 7,000 รายการ

สำหรับหุ้นกลุ่ม Healthcare จะพบว่า มี 2 ชาติมหาอำนาจ คือ สหรัฐฯ และจีน ที่มีมูลค่าตลาดใหญ่เป็นอันดับ 1 และอันดับ 2 ของโลกตามลำดับ ซึ่งปัจจุบันการลงทุนด้านวิจัยพัฒนายาตัวใหม่ก็นับว่าบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ยังเป็นประเทศที่มีเม็ดเงินลงทุนมากที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าเงินลงทุนมากกว่านอกสหรัฐฯ ถึง 2 เท่า และยังสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง จีนก็เริ่มมีบทบาทอย่างมากในเทคโนโลยีด้านนี้ เห็นได้จากความสามารถในการคิดค้นวิจัยและผลิตวัคซีนสำหรับ COVID-19 ที่เป็นที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินทั้ง Sinopharm และ Sinovac นอกจากนี้ ความก้าวหน้าทางการแพทย์ของจีนกำลังติดอันดับโลกภายใต้ธีม "Healthy China 2030 Plan" ที่รัฐบาลจีนตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำระดับโลกด้านการผลิตยารักษาโรคด้วยนวัตกรรมสมัยใหม่ (Innovative Drugs) โดยมีเป้าหมายให้บริษัทยากว่า 100 บริษัท มีผลิตภัณฑ์ยาที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) รวมถึงสนับสนุนการทำวิจัยพัฒนา (R&D) ยาจีนและยาที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechology)

ทั้งนี้ ในปี 2568 จีนคาดหวังว่าจะส่งออกยารักษาโรคไปยังประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ทำให้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรม Healthcare ของจีนเติบโตเร็วที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลกราว 13% ต่อปีและยังมีแนวโน้มที่ยังเติบโตได้ต่อเนื่องในอนาคต


ข่าวณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์+ธนาคารทิสโก้สวนกระแสวันนี้

ดอกเบี้ยขาลง หนุน 4 สินทรัพย์กำไรติดปีก ธ.ทิสโก้ฟันธง เหมาะลงทุนไตรมาส 4 ฝ่าตลาดผันผวน

ธนาคารทิสโก้เคาะ 4 สินทรัพย์ เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนช่วงอัตราดอกเบี้ยขาลง เหมาะลงทุนในไตรมาส 4/2567 ได้แก่ 1. หุ้นโลกคุณภาพสูง 2. หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ 3. ตราสารหนี้โลกระยะสั้นคุณภาพดี 4. กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โลก พร้อมแนะนำกลยุทธ์ให้นักลงทุนกระจายพอร์ตการลงทุนลดเสี่ยงตลาดผันผวนจากข่าวเลือกตั้งสหรัฐฯ นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ Head of Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วัฏจักรดอกเบี้ยขาลงได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ หลังเดือนกันยายน 2567 ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)

ธนาคารทิสโก้เปิด 3 ธีมลงทุนเอาชนะปัจจัยลบ... ธ.ทิสโก้เปิด 3 ธีมผู้ชนะ ปี 2567 รับมือเศรษฐกิจโลกชะลอ ดอกเบี้ยกลับทิศ กำไรบริษัทถูกปรับลด — ธนาคารทิสโก้เปิด 3 ธีมลงทุนเอาชนะปัจจัยลบปี 2567 ได้แก่ 1. สิ...

ธนาคารทิสโก้แนะวางแผนภาษีควบแผนเกษียณ รับ... ธ.ทิสโก้ เปิดทริก 'ลดหย่อนภาษี' ปิดความเสี่ยง ก่อน - หลัง เกษียณ รับสังคมอายุยืน 100 ปี — ธนาคารทิสโก้แนะวางแผนภาษีควบแผนเกษียณ รับสังคมอายุยืน 100 ปี ผ่า...

ธนาคารทิสโก้แนะขายตราสารหนี้ไทยซื้อตราสาร... ธ.ทิสโก้แนะ ขายบอนด์ไทย ซื้อบอนด์โลก เน้นอันดับเรตติ้ง A+ ขึ้นไป — ธนาคารทิสโก้แนะขายตราสารหนี้ไทยซื้อตราสารหนี้โลก เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนสูงประมาณ 5% ขณะท...

ธนาคารทิสโก้มั่นใจ หุ้นนวัตกรรมการแพทย์ แ... ธ.ทิสโก้มั่นใจ ! หุ้นกลุ่มนวัตกรรมการแพทย์ - เวียดนาม จ่อขึ้นแรงตามหุ้นเทคฯ — ธนาคารทิสโก้มั่นใจ หุ้นนวัตกรรมการแพทย์ และหุ้นเวียดนาม จ่อขึ้นแรงเหมือนหุ้น...