7 ต.ค. 68 - ธนาคารทิสโก้ชี้เป้า 4 ปัญหาเรื่องเงินที่คนไทยมักพลาด ใช้โอกาส "วันวางแผนการเงินโลก" ชวนวางแผนการเงินให้ถูกวิธี ทั้งการบริหารจัดการหนี้ให้อยู่ในระดับเหมาะสม เพิ่มความเสี่ยงสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูง รวมทั้งกระจายพอร์ตลงทุนควบคู่ประกันลดความเสี่ยง และวางแผนเกษียณตั้งแต่วันนี้

นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ CFP(R) Head of Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วันที่ 8 ตุลาคม 2568 นี้ ตรงกับ "วันวางแผนการเงินโลก" หรือ World Financial Planning Day 2025 ธนาคารทิสโก้ในฐานะธนาคารที่ให้ความสำคัญด้านการวางแผนการเงินแบบองค์รวม และเป็นหนึ่งในสมาชิกสมาคมนักวางแผนการเงินไทย (TFPA) จึงเดินหน้าจัดกิจกรรมและร่วมให้ความรู้ทางการเงินแก่สังคมตลอดทั้งเดือนตุลาคม และใช้โอกาสนี้เชิญชวนคนไทยวางแผนการเงินอย่างถูกวิธีเพราะปัจจุบันแม้คนไทยจะตระหนักถึงการวางแผนการเงินที่เพิ่มขึ้น แต่ยังพบว่ามีหลายส่วนที่เป็นช่องว่างที่ทำให้การวางแผนการเงินไม่ประสบความสำเร็จในระยะยาว ได้แก่ 1. ออมเงินแต่อาจแพ้เงินเฟ้อ 2. ขาดกันชนทางการเงิน 3. วางแผนเกษียณแต่ทำไม่สำเร็จ 4. เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
จากประเด็นดังกล่าว ธนาคารทิสโก้แนะนำให้วางแผนการเงินให้ถูกวิธี 5 ข้อ ดังนี้
ออม + ลงทุนให้เงินทำงาน
ไม่ใช่แค่เก็บเงินสดหรือฝากออมทรัพย์ธรรมดา แต่ควรจัดสรรเงินไปลงทุนอย่างมีเป้าหมาย เช่น ตั้งเป้าหมายระยะสั้น เช่นเก็บเงินไปเพื่อไว้ท่องเที่ยว เปลี่ยนโทรศัพท์มือถือใหม่ก็ควรออมเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่ผันผวนต่ำอย่างเงินฝากประจำ,กองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี หรือมีเป้าหมายระยะกลาง เช่น ต้องการเก็บเงินเพื่อไปเรียนต่อปริญญาโทใน 5 ปีข้างหน้า ก็ควรจัดสรรเงินลงทุนให้อยู่ในระดับความเสี่ยงปานกลางที่ผสมระหว่างกองทุนตราสารหนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ หุ้นกลุ่มกลุ่มเชิงรับ (Defensive) อย่างกลุ่มสาธารณูปโภค กลุ่มสุขภาพ
แต่หากเป็นเป้าหมายระยะยาวเช่น ต้องการออมเงินเพื่อใช้ในวัยเกษียณอีก 25 ปีข้างหน้า ก็เน้นลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสูงได้อย่างเช่นกองทุนรวมหุ้นที่เน้นการเติบโต อย่างหุ้นกลุ่มเมกะเทรนด์ เพื่อให้ผลตอบแทนโดยรวมทุกเป้าหมายสามารถชนะเงินเฟ้อได้และเงินงอกเงยได้ตามเป้าหมาย นอกจากนี้ควรกันเงินสำรองฉุกเฉินแยกจากเงินลงทุนให้อยู่ได้อย่างน้อย 6 เดือนของค่าใช้จ่ายต่อเดือน ซึ่งส่วนนี้ก็สามารถฝากเงินฝากออมทรัพย์ดิจิตอลที่ได้ดอกเบี้ยสูงและถอนเงินได้ทันทีที่ฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้
ลดหนี้
เริ่มจากจัดการหนี้ให้สมดุลกับรายได้ ดูจากหนี้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงและมีระยะเวลาผ่อนสั้นๆ มารวบรวมเป็นหนี้ที่มีระยะเวลาผ่อนที่ยาวขึ้นและจ่ายดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ภาระการผ่อนหนี้ต่อเดือนดีขึ้น จะได้มีสภาคล่องในการดำรงชีวิต และไม่ก่อหนี้เพิ่มโดยไม่จำเป็น ซึ่งโดยปกติหากรายได้ไม่สูงมากควรมีภาระหนี้ที่ผ่อนต่อเดือนไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ เพื่อให้มีเงินเหลือสำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ
สร้างเกาะป้องกันจากเหตุการณ์ไม่คาดคิด
"การวางแผนประกันภัย" ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคล เป็นการถ่ายโอนความเสี่ยงที่เกิดจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันและส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน แม้ว่าจะขจัดความเสี่ยงได้ไม่ทั้งหมด แต่ก็ยังอุ่นใจว่าจะได้เงินจากบริษัทประกันมาช่วยบรรเทาความเสียหายจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ อย่าลืมเรื่องวางแผนปกป้องความเสี่ยงทั้งก่อนและหลังเกษียณที่สอดรับกับกระแสโลก (Megatrend Protection) เพื่อให้เกษียณอย่างมีความสุขอย่างน้อยถึงอายุ 99 ปี โดยมีคำแนะนำหลักการพื้นฐานของการเลือกประกันดังนี้
- ทำประกันตั้งแต่ยังมีสุขภาพดี - เบี้ยถูกกว่าและมีโอกาสได้รับการคุ้มครองครบโดยไม่มีข้อยกเว้น
- ประเมินความจำเป็นตามสถานการณ์ - พิจารณาว่า เราต้องการคุ้มครองชีวิต? สุขภาพ? ทรัพย์สิน? เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายระยะสั้น-ยาว
- เลือกบริษัทมั่นคง เชื่อถือได้ - ตรวจสอบเงื่อนไขกรมธรรม์ ข้อยกเว้น และประวัติการจ่ายสินไหม
- ปรับสัดส่วนพอร์ตประกันตามช่วงวัย - เพื่อให้สอดรับกับชีวิตของเราในแต่ละช่วงอายุ
เริ่มวางแผนเกษียณตั้งแต่วันนี้
แยก "เงินใช้วันนี้" ออกจาก "เงินเพื่ออนาคต" ที่เป็นเป้าหมายทางการเงินระยะยาว โดยใช้เครื่องมือ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนรวมThai ESG และประกันบำนาญ เพื่อลงทุนสร้างความมั่นคงระยะยาวให้มีเงินเกษียณอย่างเพียงพอ โดยเริ่มแรกอาจจะสำรวจความต้องการหลังเกษียณว่าต้องการจะใช้เงินประมาณเท่าไหร่ต่อเดือนและคาดว่าจะมีอายุขัยกี่ปี โดยอาจจะคำนึงถึงชีวิตที่ยืนยาวจากเทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้ามากขึ้นก็อาจจะตั้งเป้าสิ้นอายุขัยราว 90 ปี เมื่อเริ่มลงทุนแล้วก็หมั่นติดตามผลตอบแทนดูว่าเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ ซึ่งหากไม่เป็นไปตามเป้าหมายก็ควรปรึกษานักวางแผนการเงิน
นายณัฐกฤติกล่าวอีกว่า สำหรับรายละเอียดช่องว่างที่ทำให้การวางแผนการเงินของคนไทยไม่ประสบความสำเร็จในระยะยาว 4 ข้อ ประกอบด้วย
ออมเงินแต่อาจแพ้เงินเฟ้อ
จากรายงานผลการสำรวจทักษะทางการเงินของไทยโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)1 ล่าสุดพบว่าแม้ระดับทักษะทางการเงินของคนไทยดีต่อเนื่อง แต่ธนาคารทิสโก้มองว่าการที่คนส่วนใหญ่เก็บออมเงินในรูปแบบเงินสด (75.4%) และบัญชีเพื่อการออม (53.3%) มีเพียง 2.6% ที่นำเงินไปลงทุนนั้น อาจทำให้เงินออมมีมูลค่าลดลงจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
วางแผนเกษียณแต่ทำไม่สำเร็จ
ข้อมูลจากธปท.ยังระบุอีกว่า ในส่วนของการวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณนั้นแม้ 61.1% ของคนไทยตั้งใจจะวางแผนและออมเงินเพื่อการเกษียณ แต่ความจริงคือมีเพียง 15.7% เท่านั้นที่วางแผนและทำได้ตามแผนที่วางไว้ นอกจากนี้กลุ่มคน Gen Z มากถึง 53.5% ยังไม่เริ่มหรือคิดวางแผนเกษียณแม้บางส่วนจะเข้าสู่วัยทำงานแล้ว สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะสถานการณ์สภาพเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อรายได้ประชาชน ส่งผลให้มีทัศนคติในเรื่องการเก็บออมและวางแผนเพื่ออนาคตลดลง เลือกที่จะมองภาพการเงินในระยะสั้นหรือเลือกมีความสุขกับปัจจุบันมากขึ้น
เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
ข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)2 ระบุว่าหนี้ครัวเรือนไทยไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 87.4% ต่อ GDP แม้จะปรับลดลงมาเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2567 แต่ก็ยังอยู่ในระดับสูงกว่า ระดับ 80% ซึ่งเป็นระดับยั่งยืนตามเกณฑ์ของ Bank for International Settlements (BIS) โดยหนี้ที่เกิดขึ้นเกือบ 30% ถูกใช้ไปกับสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบัตรเครดิต เป็นต้น โดยหนี้เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ มีระยะเวลาการผ่อนสั้นแต่ดอกเบี้ยสูง ทำให้มีภาระหนี้ต่อเดือนสูงและต้องเผชิญกับสภาวะ "เสียแต่ดอก ต้นไม่ลด"