ในโอกาสการเปิดตัวสมาคมระบบรางเยอรมัน-ไทย อย่างเป็นทางการ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และพณฯ เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย นายเกออร์ก ชมิดท์ (Georg Schmidt) ร่วมลงนามต่ออายุความตกลงว่าด้วยการแถลงการณ์ร่วมแสดงเจตจำนงว่าด้วยการพัฒนาความร่วมมือด้านรถไฟ (Joint Declaration of Intent: JDI) ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดสัมมนาทางวิชาการ GTRA Workshop ครั้งที่ 6 จัดโดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ สมาคมระบบรางเยอรมัน-ไทย ในหัวข้อ "รถไฟฟ้าความเร็วสูง: โฉมใหม่ของระบบรางของประเทศไทย" ณ ห้องประชุมกระทรวงคมนาคม
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การลงนามต่ออายุความตกลงว่าด้วยแถลงการณ์ร่วมแสดงเจตจำนงการพัฒนาความร่วมมือด้านรถไฟ (Joint Declaration of Intent: JDI) ระหว่างสองประเทศ เป็นพลังสร้างสรรค์ที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐบาลไทย โดยกระทรวงคมนาคมมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม โดยใช้เทคโนโลยีชั้นสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านระบบรางที่เป็นรูปแบบการเดินทางที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน กระทรวงคมนาคมจึงได้เร่งพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน เช่น รถไฟฟ้าสายสีแดง สายสีน้ำเงิน สายสีม่วง สายสีชมพู สายสีเหลือง สายสีส้ม เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล นอกจากนี้ยังได้พัฒนารถไฟทางคู่ทั่วประเทศ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ลดเวลาการเดินทาง และเชื่อมโยงธุรกิจและการค้า รวมถึงพัฒนาโครงข่ายรถไฟความเร็วสูง ซึ่งจะเป็นหัวข้อหลักของการสัมมนาในวันนี้ โดยรถไฟความเร็วสูงนั้น ประเทศไทยอยู่ระหว่างก่อสร้างจำนวน 2 เส้นทาง หากดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถเชื่อมเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางด้านคมนาคมในภูมิภาคต่อไป
ประเทศเยอรมนีเป็นหนึ่งในผู้นำด้านอุตสาหกรรมระบบรางที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยได้วิจัยค้นคว้าและผลิตเทคโนโลยีระบบรางมาอย่างยาวนาน หลายโครงการรถไฟฟ้าก็ได้ใช้เทคโนโลยีจากประเทศเยอรมนี มั่นใจว่าฝ่ายเยอรมนีจะสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบรางของประเทศไทยเพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย สามารถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างเท่าเทียมเช่นเดียวกับในเยอรมนี จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่สมาคมระบบรางเยอรมัน-ไทย ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมและถ่ายทอดองค์ความรู้ รวมถึงประสานความร่วมมือด้านระบบรางระหว่างเยอรมัน-ไทย หวังว่าทั้งสองฝ่ายจะร่วมแบ่งปันประสบการณ์ รวมถึงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และฝึกอบรมในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย และช่างเทคนิคเพื่อสนับสนุนการพัฒนาระบบรถไฟในประเทศไทย ให้ประเทศไทยเป็นแหล่งซ่อมสร้าง แหล่งผลิต และแหล่งรวมวิทยาการระบบรางที่เป็นรูปธรรมภายใต้นโยบาย Thai First เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมระบบรางในประเทศไทยในอนาคตอันใกล้
รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า สมาคมระบบรางเยอรมัน-ไทย (The German-Thai Railway Association) ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ นับเป็นอีกก้าวสำคัญของการถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบรางแก่คนรุ่นใหม่ นักวิจัยและบุคคลากรเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีระบบรางในประเทศไทย โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มีความภูมิใจที่เราเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ร่วมจัดตั้งสมาคมฯ และร่วมช่วยผลักดันให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งทางราง ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยและเยอรมนี ทั้งนี้คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.มหิดล มุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมด้านโลจิสติกส์และการขนส่งทางราง โดยเป็นหนึ่งในภารกิจหลัก
ก่อนหน้านี้ประเทศไทยและประเทศเยอรมนีได้ลงนามร่วมแสดงเจตจำนงว่าด้วยการพัฒนาความร่วมมือด้านรถไฟ (Joint Declaration of Intent: JDI) มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 โดยองค์กรภาครัฐ มหาวิทยาลัย และภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยและสาธารณรัฐเยอรมนี มีการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ประเทศเยอรมนีเป็นประเทศที่มีระบบรางที่เข้มแข็งประเทศหนึ่งของโลก มีประวัติศาสตร์อันยาวนานในเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง และการบูรณาการระบบด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digitization) และความก้าวหน้าเรื่องระบบไฟฟ้า ความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและประเทศเยอรมนีในรูปแบบของสมาคม จะช่วยเสริมความต่อเนื่องในการพัฒนาระบบรางในประเทศไทยให้แข็งแกร่ง เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน และมีศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศและภูมิภาคต่อไป
รศ.ดร.วเรศรา วีระวัฒน์ รองหัวหน้ากลุ่มสาขาวิชาโลจิสติกส์และระบบขนส่งทางราง คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับสมาคมระบบรางเยอรมัน-ไทย ในการจัดงานสัมมนาหัวข้อ "รถไฟฟ้าความเร็วสูง: โฉมใหม่ของระบบรางของประเทศไทย" โดยเน้นเรื่องความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ และการบริหารจัดการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ซึ่งมีวิทยากรพิเศษประกอบด้วย ศาสตราจารย์ อาร์นด สเตฟาน (Arnd Stephan) ประธานสาขารถไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเดรสเดน ประเทศเยอรมนี นายเสกแมนแม๊ก (Sek Man Mak) ผู้อำนวยการโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงจากบริษัทเอเชีย เอรา วัน และรองศาสตราจารย์ ดร.วเรศรา วีระวัฒน์ รองหัวหน้ากลุ่มสาขาวิชาโลจิสติกส์และระบบขนส่งทางราง คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมบรรยาย เพื่อสนับสนุนการพัฒนาระบบรางในประเทศไทย เสริมสร้างความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมระบบรางในอนาคต โดยมีผู้บริหารและบุคคลากรในภาคอุตสาหกรรมขนส่ง ระบบรางและการศึกษา ทั้งหน่วยงานรัฐ หน่วยงานกำหนดนโยบาย และประชาชนทั่วไป พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติ ได้แก่ ศ.ดร. นิสัย เฟื่องเวโรจน์สกุล คณบดีบัณฑิตวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์นานาชาติสิรินธร ไทย-เยอรมัน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือและนายกสมาคมระบบรางเยอรมัน-ไทย และนายโทมัส มาซัว (Tomasz Mazur) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเมนส์โมบิลิตี้ และผู้บริหารจากองค์กรต่างๆเข้าร่วมการเปิดตัวสมาคมระบบรางเยอรมัน-ไทยอย่างเป็นทางการงานด้วย
ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยและภาคอุตสาหกรรม มีการลงทุนจำนวนมหาศาลเพื่อพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการและช่วยสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจไปพร้อมกัน โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเป็นการลงทุนจำนวนมหาศาล เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและโครงข่ายที่มีระยะทางยาว ทำให้การบริหารจัดการโครงการให้ประสบความสำเร็จจึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย ดังนั้นการแบ่งปันความรู้และการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากผู้เชี่ยวชาญและผู้มีประสบการณ์โดยตรงจะช่วยให้โครงการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่ความร่วมมือกันของนักวิชาการ นักวิจัย และภาคอุตสาหกรรมของทั้งสองประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นช่องทางในการแลกเปลี่ยนความรู้ การพัฒนาบุคลากรและการวิจัยต่างๆ รวมทั้งขับเคลื่อนความร่วมมือด้านระบบรางให้มีความมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต
บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ภายใต้การนำทัพ โดยคุณอะกิฮิโตะ อิชิอิ กรรมการผู้จัดการ พร้อมทีมผู้บริหาร ผนึกสมาชิกค็อกพิทแฟรนไชส์ทั่วประเทศ กว่า 200 คน เข้าร่วมประชุมใหญ่ในงาน "ประชุมสมาชิกค็อกพิทแฟรนไชส์ ประจำปี พ.ศ. 2568" ที่โรงแรมเรเนซองส์ พัทยา รีสอร์ต แอนด์ สปา จังหวัดชลบุรี ลุยยกระดับการบริหารจัดการอย่างเข้มข้น เผยพัฒนาแบรนด์ให้แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือ เดินหน้าสร้างประสบการณ์ที่ดีและความมั่นใจให้กับลูกค้าด้วยแนวคิด Customer Centric พร้อมกันนี้ยังพาสมาชิกค็อกพิทแฟรนไชส์
COCKPIT Holds National Meeting 2025, Taking Nationwide Franchisees on a Journey to Experience Tire Performance at BRIDGESTONE TURANZA 6 Launch Event
—
Bridgestone...
"เปาโล โชคชัย 4" มุ่งพัฒนาระบบบริการสุขภาพ ดูแลด้วยใจ ใส่ใจทุกสิทธิ์
—
โรงพยาบาลเปาโล โชคชัย 4 ในเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล ภายใต้กลุ่ม BDMS ยืนยันเจตนารมณ...
finbiz by ttb แนะ 5 กลยุทธ์สร้างความโดดเด่นให้ร้าน SME บนแพลตฟอร์ม Food Delivery
—
แม้ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ตลาดธุรกิจ Food Delivery ของประเทศไทย มีความเติ...
TIDLOR ผลประกอบการ Q1/68 แข็งแกร่ง ธุรกิจนายหน้าประกัน-สินเชื่อ โตต่อเนื่อง
—
โชว์กำไรนิวไฮ 1,218 ล้านบาท เติบโต 10.3% (YoY) พร้อมคุม NPL ต่ำ 1.78% เตรียม...
QTC เดินเกมรุกธุรกิจ Green Energy โชว์รายได้ไตรมาส 1/68 เพิ่มขึ้น 2.8%
—
บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) ระบุ ตั้งแต่ต้นปีประเทศไทยเผชิญความท้าทาย ทั้งเศรษฐ...