นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง กล่าวว่า ตามที่ได้มีการส่งต่อข่าวสารในประเด็นเรื่อง รายชื่อยาทั้ง 6 ชนิด ที่ควรซื้อติดบ้านไว้รักษาโควิด-19 ด้วยตัวเอง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
จากกรณีที่มีการส่งต่อข้อมูลเรื่องยารักษาโควิด-19 ที่ต้องเตรียมไว้เพื่อรักษาตนเองที่บ้าน 6 ชนิด คือ ยาพาราเซตามอล แอมบรอกซอล เดกซ์โทรเมทอร์แฟน คลอเฟนิรามีน วิตามินซี และฟ้าทะลายโจรนั้น ทางกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและชี้แจงว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ home isolation ต้องได้รับการอนุญาตจากแพทย์เท่านั้น โดยการจ่ายยารักษาผู้ป่วยที่กักตัวที่บ้านเป็นไปตามที่แพทย์ประเมินอาการรายบุคคล เพราะการรับประทานยาเอง อาจทำให้เกิดอันตราย จากภาวะแทรกซ้อนของยาได้ ซึ่งกรมการแพทย์เผยแพร่แนวทาง Home isolation (การแยกกักตัวที่บ้าน) เป็นแนวทางสำหรับ ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ระหว่างรอ admit โรงพยาบาล แพทย์พิจารณาว่ารักษาที่บ้านได้ และรักษาที่โรงพยาบาลหรือสถานที่รัฐจัดให้อย่างน้อย 10 วันและจำหน่ายกลับบ้านเพื่อรักษาต่อเนื่องที่บ้านโดยวิธี Home isolation
ส่วนผู้ที่เข้าเกณฑ์การทำ Home isolation ประกอบด้วย
1.เป็นผู้ติดเชื้อที่สบายดีหรือ ไม่มีอาการ (asymptomatic cases)
2.มีอายุน้อยกว่า 60 ปี
3.มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
4.อยู่คนเดียว หรือ มีผู้อยู่ร่วมที่พักไม่เกิน 1 คน
5.ไม่มีภาวะอ้วน (ภาวะอ้วน หมายถึง ดัชนีมวลกาย > 3030กก./ม.2 หรือ น้ำหนักตัว > 90 กก.)
6.ไม่มีโรคร่วม ดังต่อไปนี้ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคไตเรื้อรัง (CKD Stage 3,4 ) โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ หรือโรคอื่นๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์ 7.ยินยอมแยกตัวในที่พักของตนเอง
ซึ่งตามแนวทางปฏิบัติสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ในการให้คำแนะนำผู้ป่วยและการจัดบริการผู้ป่วยโควิด - 19 แบบ Home Isolation ฉบับวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 กรณีระหว่างรอเข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยในโรงพยาบาล หรือระหว่างรอครบกำหนด 14 วัน หรือหลังจำหน่ายจากโรงพยาบาลหรือสถานที่รัฐจัดให้ก่อนกำหนด ตามลิงก์ https://covid19.dms.go.th/Content/Select_Landding_page?contentId=136
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมการแพทย์ สามารถติดตามได้ที่ www.dms.go.th หรือโทร 02 5906000 นอกจากนี้ หากพี่น้องประชาชนพบเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งผ่าน 4 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com ,เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter และช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
DE-BDE ปักหมุดอนาคตดิจิทัลไทย เปิดให้บริการศูนย์ดิจิทัลชุมชนแห่งใหม่แล้ว บนพื้นที่อาคารซี ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ พร้อมดัน IT Man เป็นเครือข่ายดิจิทัลให้ชุมชน ครอบคลุม 878 อำเภอทั่วประเทศ
ดีอี - TAGTHAi ร่วม MOU ส่งเสริม "Smart Tourism" ผ่านแพลตฟอร์ม หนุนยกระดับท่องเที่ยวไทย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล
ทส. ประชุม คกก.สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ประกาศกำหนดพื้นที่ กรุงเทพฯ และ 4 จังหวัดภาคเหนือ เป็นเขตควบคุมมลพิษ
การประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ครั้งที่ 4/2568
ข่าวดี! ODOS Summer Camp 2026 พร้อมเปิดรับสมัคร 1 ก.ย.นี้
ปตท.สผ. คว้ารางวัล AIBP ASEAN Enterprise Innovation Award 2025 จากการขับเคลื่อนเทคโนโลยี AI เพื่อยกระดับการดำเนินงาน
รองนายกฯ ประเสริฐ เปิดกิจกรรมปฐมนิเทศโครงการ ODOS Summer Camp พร้อมมอบกำลังใจแก่ 928 เยาวชนไทย ก่อนลัดฟ้าเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในต่างแดน
อว. ผนึก ดีอี โดย สวทช. จุฬาฯ และ สพธอ. เตรียมการจัดตั้ง "AI Thailand Hub" เดินหน้ายุทธศาสตร์ AI นำร่อง COE ประเทศ ลุยสร้างคน สร้างมาตรฐาน บริการ AI ครบวงจร
กระทรวงดีอี อัดงบ 69 พัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ปูพรมภาคการผลิต หนุนพัฒนา AI เพิ่มขีดแข่งขันประเทศไทย