โอสถสภาจับมือภาคีเครือข่ายต่อยอดโมเดลศูนย์เกษตรอินทรีย์คนพิการ ให้ความรู้ สร้างอาชีพเกษตรกรรมผสมผสาน เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนแก่คนพิการ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

จากความมุ่งมั่นในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนแก่คนพิการ ภายใต้แนวคิด "ให้เบ็ดดีกว่าให้ปลา" โอสถสภาจึงให้การสนับสนุนและช่วยเหลือคนพิการด้วยการมอบอาชีพที่มั่นคง เพื่อให้คนพิการสามารถลุกขึ้นสู้และก้าวต่อได้อีกครั้ง ภายใต้โครงการ "พลังเพื่อก้าวต่อไป" (Life must go on)

โอสถสภาจับมือภาคีเครือข่ายต่อยอดโมเดลศูนย์เกษตรอินทรีย์คนพิการ  ให้ความรู้ สร้างอาชีพเกษตรกรรมผสมผสาน เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนแก่คนพิการ

"ด้วยวิสัยทัศน์ในการเป็นพลังเพื่อเสริมสร้างชีวิต โอสถสภาจึงมุ่งมั่นเสริมสร้างพลังให้คนพิการได้ลุกขึ้นสู้อีกครั้ง ด้วยการสนับสนุนช่วยเหลือคนพิการในมิติต่างๆ โดยเน้นการช่วยเหลือด้านการสร้างอาชีพ สร้างพลังให้คนพิการสามารถยืนหยัดและก้าวต่อไปด้วยตนเองอย่างแท้จริงและยั่งยืน ตลอดจนสร้างเป็นโมเดลที่หน่วยงานอื่นๆ สามารถนำไปปฏิบัติเพื่อขยายการช่วยเหลือไปยังส่วนต่างๆ ของประเทศให้เป็นวงกว้างต่อไป" นางวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) กล่าว โอสถสภาจับมือภาคีเครือข่ายต่อยอดโมเดลศูนย์เกษตรอินทรีย์คนพิการ  ให้ความรู้ สร้างอาชีพเกษตรกรรมผสมผสาน เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนแก่คนพิการ

โอสถสภาได้ให้การช่วยเหลือคนพิการมาตั้งแต่ปี 2555 ผ่านโครงการ "โอสถสภา เพื่อชีวิตที่ดีกว่า" และต่อมาได้ริเริ่มโครงการ "ส่งเสริมอาชีพคนพิการตามมาตรา 35" ที่มุ่งเน้นให้คนพิการมีความพร้อมและพัฒนาจนสามารถช่วยเหลือและเลี้ยงดูตัวเองได้ มีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในการช่วยเหลือคนพิการตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ปัจจุบัน ได้สร้างอาชีพให้แก่คนพิการในหลายจังหวัด อาทิ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดสระบุรี จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้มีความพิการมาแต่กำเนิด แต่ประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยจนพิการและไม่สามารถทำงานหาเลี้ยงครอบครัวได้เหมือนเดิม

ต่อมา โอสถสภาได้ริเริ่มโครงการ "พลังเพื่อก้าวต่อไป" ขึ้น โดยร่วมมือกับภาคีเครือข่าย อาทิ ภาคส่วนท้องถิ่น หน่วยงานสาธารณสุขท้องถิ่น เครือข่ายนักกายภาพ เสริมสร้างพลังให้แก่คนพิการใน 3 ด้าน ได้แก่ 1) การเสริมสร้างพลังกาย โดยร่วมกับเครือข่ายนักกายภาพบำบัดในพื้นที่เข้าฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพของคนพิการ 2) การเสริมสร้างพลังใจ โดยการปรับสภาพแวดล้อมในบ้านให้มีความเหมาะสมกับคนพิการ ช่วยให้พวกเขาสามารถช่วยเหลือและพึ่งพาตนเองได้มากที่สุด เพื่อให้คนพิการมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้น มีความมั่นใจในตนเองมากขึ้นจนสามารถเข้าสังคมได้ดีขึ้น และ 3) การสร้างพลังชีวิต ด้วยการค้นหาและส่งเสริมอาชีพที่เหมาะสม ให้ความรู้ พร้อมจัดสรรอุปกรณ์และเครื่องมือในการประกอบอาชีพ ซึ่งช่วยให้คนพิการมีรายได้ที่มั่นคง โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นราว 4,000-6,000 บาทต่อเดือน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น และมีกำลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อไป

การจัดตั้งศูนย์ต้นแบบเกษตรอินทรีย์คนพิการนั้นนับเป็นหนึ่งในการสร้างพลังชีวิตให้แก่คนพิการ มีการจัดตั้งศูนย์ต้นแบบเกษตรอินทรีย์คนพิการแห่งแรกขึ้นในอำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น เพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรผู้พิการในพื้นที่ ที่ไม่มีที่ดินทำกิน ได้ร่วมกันทำการเกษตรอินทรีย์ คนพิการในโครงการได้ร่วมกันเปลี่ยนพื้นที่รกร้างเป็นแปลงเกษตรกรรมที่อุดมสมบูรณ์ ให้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ปลอดสารพิษ มีหน่วยงานและผู้สนใจแวะเวียนมาเรียนรู้เป็นจำนวนมาก และได้กลายเป็นต้นแบบในการพัฒนาต่อยอดสู่ศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์คนพิการ โรงพยาบาลแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ซึ่งได้รับเกียรติจาก นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และนายพลวรรธน์ เทียนชัยมงคล ปลัดจังหวัดสระบุรี ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ฯ เมื่อเร็วๆ นี้

นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กล่าวว่า "ศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์คนพิการ โรงพยาบาลแก่งคอย เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างในการบูรณาการการทำงานของภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาสังคม ที่สมบูรณ์ โดยนำจุดแข็งและความถนัดของเอกชนมาบูรณาการเป็นความช่วยเหลือคนพิการในหลายมิติ นอกเหนือจากการส่งเสริมอาชีพแล้ว ยังมีส่วนช่วยพัฒนาร่างกาย จิตใจ สังคม ของคนพิการได้อย่างน่าสนใจ ถือเป็นความร่วมมือที่เอกชนได้ร่วมกับภาครัฐและพัฒนาขึ้นมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

ศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์คนพิการ โรงพยาบาลแก่งคอย เกิดจากความร่วมมือระหว่างโอสถสภาและโรงพยาบาลแก่งคอย ตั้งอยู่บนพื้นที่ด้านหลังโรงพยาบาลแก่งคอย มีทีมโอบอุ้ม กลุ่มทำงานช่วยเหลือคนพิการของโรงพยาบาลซึ่งมีนายแพทย์ประสิทธิ์ชัย มั่งจิตร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแก่งคอย เป็นประธานที่ปรึกษาโครงการ คอยให้คำแนะนำและเป็นแรงสนับสนุนที่สำคัญ

"ที่ผ่านมา เราเห็นพัฒนาการของคนพิการหลายคนที่เปลี่ยนจากคนป่วย มาเป็นแรงงานคุณภาพ สามารถทำอาชีพร่วมกัน สร้างผลผลิตที่มีคุณภาพ มีตลาดรองรับ จึงอยากให้ศูนย์ฯ แห่งนี้ เป็นจุดเรียนรู้ เป็นโมเดลการบูรณาการ เพื่อให้เกิดการต่อยอดในการศึกษาและขยายรูปแบบการสนับสนุนอาชีพเพื่อพัฒนาคนพิการนี้ ไปยังผู้ด้อยโอกาสอื่นๆ" นายแพทย์ประสิทธิ์ชัย มั่งจิตร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแก่งคอย กล่าว

แรกเริ่มนั้นศูนย์ฯ แห่งนี้ เป็นพื้นที่ให้คนพิการได้มารวมตัวกันเพาะปลูกพืชตามแนวทางเกษตรอินทรีย์ จากนั้นได้เริ่มทำงานเกษตรอื่นๆ เพิ่มเติม โดยใช้ความรู้จากการส่งเสริมอาชีพต่างๆ ที่ได้ทำมาตลอด 5 ปี ปัจจุบัน ศูนย์ฯ มีการทำการเกษตรผสมผสานหลากหลายรูปแบบ และครอบคลุมทั้งขั้นตอนการผลิตวัตถุดิบอุปกรณ์ การปลูก การเลี้ยงดู ไปจนถึงการแปรรูป โดยภายในพื้นที่ขนาด 5 ไร่แห่งนี้ ประกอบด้วยแปลงผัก โรงเรือนปลูกผัก โรงเพาะเห็ด บ่อเลี้ยงปลา โรงเรือนเลี้ยงเป็ดไก่ โรงผลิตปุ๋ยธรรมชาติ โรงแปรรูปอาหาร และตลาดกินดีอยู่ดีที่จำหน่ายผลผลิตของศูนย์ฯ ซึ่งผู้ที่มาอุดหนุนสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้ผลิตภัณฑ์ที่สด ปลอดสารพิษ และยังได้ปันโอกาสให้แก่คนพิการอีกด้วย

นางบัวเลียน พางาม หัวหน้าศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์คนพิการ โรงพยาบาลแก่งคอย เล่าถึงการทำงานในศูนย์ฯ ว่า "ความไม่สมบูรณ์อันเนื่องจากความพิการทางร่างกาย ทำให้ต้องอาศัยการช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาเติมเต็ม ทั้งการช่วยเหลือในกลุ่มสมาชิกเอง ที่ต้องแบ่งงาน ช่วยเหลือ เรียนรู้ผิดถูกร่วมกัน และการช่วยเหลือสนับสนุนจากคุณหมอและโอสถสภา เพื่อให้งานกลุ่มที่เราช่วยกันมันสมบูรณ์และไปได้ ตอนนี้ ร่างกายจิตใจแข็งแรง มีการดูแลจากคุณหมอที่โรงพยาบาล อาจเหนื่อยบ้าง แต่ก็ภูมิใจที่คนพิการอย่างเราสามารถดูแลและช่วยให้สมาชิกคนอื่นๆ มีงานทำ มีรายได้ ดูแลตัวเองและครอบครัวไปด้วยกัน"

นอกจากนี้ โอสถสภายังภาคภูมิใจที่ได้เป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญให้กับแบรนด์สินค้าของคนพิการในโครงการพลังเพื่อก้าวต่อไป ได้แก่ สินค้าเกษตรปลอดภัยแบรนด์ 'กินดี' งานจักสานแบรนด์ 'แฮนดี้' และเฟอร์นิเจอร์งานไม้แบรนด์ 'อยู่ดี' พร้อมเปิดโอกาสให้สามารถช่วยสนับสนุนสินค้าคุณภาพเหล่านี้ได้ผ่านเพจ กินดี อยู่ดี แฮนดี้ เพื่อร่วมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ปันโอกาสและปันความสุข เป็นพลังให้คนพิการอีกมากมายได้ลุกขึ้นสู้อีกครั้งและก้าวต่อไปด้วยกัน


ข่าวพลังเพื่อเสริมสร้างชีวิต+เกษตรอินทรีย์วันนี้

UBE ปลุกกระแสนวัตกรรมเกษตรอินทรีย์ยุคใหม่ในงาน THAIFEX 2025

โชว์ความสำเร็จ Tasuko คนแห่ชม-ชิม-ช้อปแน่นบูธ สร้างแรงบันดาลใจสายเฮลท์ตี้ พร้อมต่อยอดนวัตกรรมคุณค่าเกษตรกรรมไทยเติบโตเวทีโลก 'บมจ. อุบล ไบโอ เอทานอล' หรือ UBE ผู้ผลิตและแปรรูปมันสำปะหลังแบบครบวงจร โชว์ความสำเร็จนวัตกรรมเกษตรอินทรีย์มิติใหม่ จัดทัพ Tasuko ผลิตภัณฑ์ฟลาวมันสำปะหลังออร์แกนิก ร่วมงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย ThaiFex Anuga Asia 2025 โดยมีผู้สนใจร่วมชมบูธ และเจรจาผู้ประกอบการจากหลายประเทศทั่วโลก พร้อมนำประสบการณ์และความรู้ที่ได้จากการเจรจาและการตอบรับในงาน

ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กลุ่มธุรกิจประกันและกา... ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จัดงาน A ROOT by Thai Group ชวนคนไทยใส่ใจสุขภาพ ด้วยอาหารดี ชีวิตดี — ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กลุ่มธุรกิจประกันและการเงินในเครือทีซีซี ตอกย้...

ควงกลยุทธ์พร้อมรับความท้าทายทุกมิติ ตอกย้... 'UBE' เปิดฉากไตรมาส 1/68 ผลงานโดดเด่นทำกำไรสุทธิ 57.2 ล้านบาท พุ่งทะยาน 1,328.0% — ควงกลยุทธ์พร้อมรับความท้าทายทุกมิติ ตอกย้ำผู้นำด้านพลังงานทดแทนและผลิตภ...

กว่า 130 ปี ที่ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหา... โอสถสภา ส่งนวัตกรรมเครื่องดื่มลดน้ำตาลยกพอร์ต ตอบโจทย์ทุกการดับกระหาย ต้องได้คุณประโยชน์ — กว่า 130 ปี ที่ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) ได้เริ่มต้นธุรกิจด...

มีข่าวดีมาช่วยเสริมความเชื่อมั่นให้กับนัก... Gossip News: OSP ติดดัชนีหุ้นยั่งยืน FTSE4Good — มีข่าวดีมาช่วยเสริมความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับ OSP หรือ บมจ.โอสถสภา...

นายประกิจ ธนาเลิศสมบูรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์... ภาพข่าว: โอสถสภาร่วมเป็นพลังเพื่อเสริมสร้างชีวิตเด็กและเยาวชนไทย — นายประกิจ ธนาเลิศสมบูรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักเลขาธิการ...