ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการผลักดันให้เกิดการนำผลงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรม มาจัดการความรู้ก่อนการนำไปถ่ายทอดให้แก่กลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มผู้ใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม จึงทำการจัดการความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีจากผลงานวิจัยและนวัตกรรมขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดการความรู้จากผลงานวิจัยที่เสร็จสมบูรณ์แล้วและนำสู่การใช้ประโยชน์ในมิติต่างๆ ตามความต้องการของกลุ่มผู้ใช้ประโยชน์ ภายใต้โครงการจัดการความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีจากผลงานวิจัยและนวัตกรรม วช. จึงได้สนับสนุนทุนวิจัยโครงการ การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตและการใช้ปุ๋ยคอกอัดเม็ดผสมจุลินทรีย์ย่อยสลายตอซังและฟางข้าว เพื่อการใช้ประโยชน์ในชุมชนเกษตรกรรายย่อย เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตให้เกษตรกร และลดการเผาตอซังฟางข้าว ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งของการเกิด PM.2.5
รศ.ดร.ดุสิต อธินุวัฒน์ สาขาเทคโนโลยีการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก วช. วิจัยและพัฒนาการผลิตปุ๋ยคอกอัดเม็ดผสมจุลินทรีย์ย่อยสลายตอซังฟางข้าว เพื่อลดการเผาตอซังฟางข้าวในชุมชนเกษตรกร หลังจากนั้นได้รับทุนต่อเนื่องจาก วช. เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตและการใช้ปุ๋ยคอกให้แก่เกษตรกร และได้ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยดำเนินการในพื้นที่ 10 จังหวัด ภายใต้ความร่วมมือกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ดังนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 6 จังหวัด ได้แก่ อุดรธานี ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ (2 พื้นที่) นครราชสีมา ขอนแก่น อำนาจเจริญ ภาคกลาง ได้แก่ กาญจนบุรี และนครนายก ภาคตะวันออก คือจังหวัดชลบุรี ในทุกพื้นที่จะมีแปลงนานำร่อง 5 ไร่ สำหรับสาธิตวิธีการดำเนินงาน และการอบรมให้ความรู้เกษตรกรในการผลิต การขยาย และรักษาเชื้อจุลินทรีย์ และวิธีการทำปุ๋ยเม็ด จนเกษตรกรสามารถผลิตได้ด้วยตัวเอง พร้อมกันนี้ได้มอบเครื่องอัดเม็ดปุ๋ยขนาดครัวเรือนให้เกษตรกรไปกลุ่มละ 1 เครื่อง เพื่อเป็นต้นแบบในการผลิตปุ๋ยใช้ในชุมชน จนกระทั่งเกิดการขยายผลในทุกๆพื้นที่ ๆ ละ 200 ไร่ ในส่วนของการใช้ปุ๋ยเม็ดมีวิธีดำเนินการคือ หลังจากเกี่ยวข้าวแล้ว จะหว่านปุ๋ยเม็ดผสมจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพในการย่อยสลายตอซังฟางข้าวในอัตรา 100 กิโลกรัม/ไร่ จากนั้นไถกลบฟางข้าว แล้วทิ้งไว้ 14 วัน เพื่อให้จุลินทรีย์ทำงาน เมื่อตอซังฟางข้าวย่อยสลายก็จะได้ปุ๋ยหมักที่มีธาตุอาหารทั้ง ไนโตรเจน (N) โปรตัสเซียม (P) และฟอสฟอรัส (K) ประมาณ 600-700 กิโลกรัม อยู่ในนาข้าว (จากปุ๋ยเม็ด 100 กิโลกรัม และฟางข้าวในนาที่ถูกย่อยสลาย ประมาณ 500 - 600 กิโลกรัมต่อไร่) ซึ่งเพียงพอสำหรับสำหรับใช้เป็นธาตุอาหารในการปลูกข้าวฤดูกาลถัดไป ระหว่างการเพาะปลูกเมื่อข้าวออกรวง จะให้เกษตรกรนำน้ำหมักของโครงการที่มีจุลินทรีย์สายพันธุ์ที่คัดสรรมาฉีดเพื่อเพิ่มน้ำหนักรวงข้าว และที่สำคัญคือ ในช่วงการเตรียมพื้นที่เพาะปลูกจะไม่มีการเผากลบตอซังฟางข้าวเลย เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการเพาะปลูกแบบเดิม เปรียบเทียบการใช้ปุ๋ยเม็ดผสมจุลินทรีย์ย่อยสลายตอซังฟางข้าวจะให้ผลดีดังนี้ 1) ลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและปัญหาฝุ่น PM. 2.5 ที่เกิดจากการเผาตอซังหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 50 เปอร์เซนต์ 2) สภาพพื้นดินร่วนซุยมากขึ้น ทำให้รากข้าวสามารถหาอาหารได้ดีขึ้น ตามปกติหลังจากเกี่ยวข้าวแล้ว เกษตรกรจะทิ้งตอซังฟางข้าวให้แห้งคาแปลงนาประมาณ 4-5 เดือน ดินจึงแห้งและแข็ง จนเมื่อถึงฤดูกาลเพาะปลูกครั้งใหม่จึงเริ่มไถกลบและเผาตอซังฟางข้าวเพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูก แต่วิธีการที่โครงการลงไปให้คำแนะนำ เป็นการไถกลบหลังจากเก็บเกี่ยวไม่นาน ในขณะที่ดินยังมีความชื้นทำให้ดินร่วนซุยได้มากกว่าวิธีที่เกษตรกรเคยทำ 3) ผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 26 / ไร่ จากที่เคยทดลองในแปลงข้าวพันธุ์ปทุมธานี 1 ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สามารถเพิ่มผลผลิตข้าวจาก 600 กิโลกรัม/ไร่ เป็น 760 กิโลกรัม/ไร่ 4) ลดการใช้ปุ๋ยได้ประมาณ 800 -1,200 บาท/ไร่ เพราะตลอดฤดูกาลเพาะปลูกมีปุ๋ยจากตอซังฟางข้าว เกษตรจึงไม่จำเป็นต้องใช้ปุ๋ยเพิ่ม 5) ผลจากการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 18 % 6) เกษตรกรมีรายได้เสริมจากการผลิต-ขายปุ๋ยเม็ดผสมจุลินทรีย์ย่อยสลายตอซังฟางข้าว เท่าที่ทราบในขณะนี้มีกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับการอบรมที่จังหวัดอุดรธานีให้ความสนใจผลิตปุ๋ยเม็ดผสมจุลินทรีย์เพื่อจำหน่ายเป็นรายได้เสริม
สำหรับแนวทางในอนาคตควรจะมีการขยายผล และรณรงค์ให้มีการใช้ปุ๋ยเม็ดผสมจุลินทรีย์ย่อยสลายตอซังฟางข้าวเพื่อลดต้นทุนการผลิต เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร และสนับสนุนให้เกษตรกรผลิตปุ๋ยเพื่อใช้ในชุมชน ในส่วนของโครงการได้มีการอบรมเกษตรกรไปแล้วประมาณ 400 คน และทั้งหมดก็มีขีดความสามารถที่จะเป็นครูต้นแบบเพื่ออบรม ขยายผลความรู้นี้สู่เกษตรกรรายอื่นๆ
สกสว. ขับเคลื่อนเศรษฐกิจนวัตกรรมไทย ยกระดับ Medical & Wellness และ Food & Fruit Innovation เชื่อมเครือข่ายนักวิจัย-ธุรกิจ-นักลงทุนไทยและต่างประเทศ ในงาน VR Thailand 2025
วช. จุฬา ม.เกษตร และกรมอุตุนิยมวิทยา ร่วมแถลงข่าวแนวโน้มสถานการณ์อากาศและน้ำท่วมในภาคกลาง จากชุดข้อมูล เทคโนโลยี จากงานวิจัยและนวัตกรรม เตรียมรับมือและเฝ้าระวังภัยภัยจากพายุ
วช. นำ 3 ผลงานที่ได้รับรางวัลเลิศรัฐ 2568 เปิดเวทีเสวนา NRCT Talk ขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมสู่สังคมยั่งยืน
วว. นำเสนอผลงานวิจัยนวัตกรรมเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์สมุนไพร พร้อมอบรมฟรี ! ในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ
TWPC จับมือ PTT เดินหน้าลดคาร์บอน ลงนาม MOU โครงการ "Decarbonizing Thailand Partnership" ขับเคลื่อนสู่ Net Zero ในปี 2050
มูลนิธิกสิกรไทย จับมือมหาวิทยาลัยศิลปากร และ บริษัท เอส แอนด์ เจ อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน)
บพข.จับมือ เคมีแมน พัฒนา 'รถบรรทุกไร้คนขับ' ต้นแบบคันแรกของไทย
จุฬาฯ จับมือ NIA ปั้น "ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัย" สร้างเวทีบ่มเพาะนวัตกรรมและธุรกิจ Startup จากงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์
ม.ธรรมศาสตร์ จับมือ กทม. และ ม.นวมินทราธิราช เสริมศักยภาพคนเมือง พร้อมขับเคลื่อนงานวิจัยเพื่อสังคม