ฟิทช์คงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารยูโอบี (ไทย)ที่ 'A-' และอันดับเครดิตภายในประเทศที่ 'AAA(tha)'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Foreign-Currency Issuer Default Rating) ของ ธนาคารยูโอบี (ไทย) จากัด (มหาชน) หรือ UOBT ที่ 'A-' และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ที่ 'AAA(tha)' โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ นอกจากนี้ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นของ UOBT ที่ 'F1' อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating) ที่ 'bbb-'

พร้อมกันนี้ฟิทช์ได้ยกเลิกอันดับเครดิตสนับสนุน (Support Rating) เนื่องจากอันดับเครดิตดังกล่าวมิได้มีนัยสำคัญเพียงพอในการติดตามวิเคราะห์อีกต่อไป หลังจากที่ มีการปรับเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 และเพื่อให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ใหม่นี้ ฟิทช์ให้อันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น (Shareholder Support Rating: SSR) ที่ 'a-'

สำหรับรายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดแสดงไว้ในส่วนท้าย

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตสากล อันดับเครดิตภายในประเทศ
อันดับเครดิตสากล และอันดับเครดิตภายในประเทศของ UOBT พิจารณาจากอันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น (SSR) ซึ่งสะท้อนถึงการคาดการณ์ของฟิทช์ว่าธนาคารจะได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษ (extraordinary support) จากธนาคารแม่ในสิงคโปร์ ซึ่งก็คือ United Overseas Bank Limited ("UOB"; อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ 'AA-' /แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ/ 'aa-') อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของ UOBT ที่ 'F1' เป็นตัวเลือกที่สูงกว่า (เมื่อเทียบกับ 'F2') สำหรับอันดับเครดิตสากลระยะยาวของ UOB ซึ่งสะท้อนถึงการพิจารณาอันดับเครดิตจากปัจจัยสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นและฟิทช์มองว่ายังไม่น่าจะมีเหตุการณ์ที่มีนัยสำคัญเกิดขึ้นที่ธนาคารแม่จะต้องให้การสนับสนุนช่วยเหลือด้านเงินทุนแก่ UOBT

อันดับเครดิตภายในประเทศของ UOBT (ซึ่งมีปัจจัยการสนับสนุนจากธนาคารแม่เป็นปัจจัยหลักในการพิจารณาอันดับเครดิต) สะท้อนถึงการพิจารณาเปรียบเทียบกับอันดับเครดิตของสถาบันการเงินอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตเครดิตภายในประเทศจากฟิทช์ โดยอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ UOB นั้นอยู่ในระดับที่สูงกว่าอันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศระยะยาวของประเทศไทยที่ 'BBB+ อยู่หลายอันดับ โครงสร้างอันดับเครดิตของ UOBT ที่ 'AAA(tha)' สะท้อนถึงระดับของโอกาสในการผิดนัดชำระหนี้ที่ต่ำที่สุดสำหรับประเทศไทย

อันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น
อันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นของ UOBT พิจารณาจากความเชื่อมโยงในการดำเนินงานอย่างใกล้ชิดระหว่างธนาคารแม่และธนาคารลูก ฟิทช์เชื่อว่า UOB จะมีความเสี่ยงในด้านชื่อเสียงอย่างมากหากธนาคารลูกมีการผิดนัดชาระหนี้ UOBT มีบทบาทสำคัญในเชิงกลยุทธ์ในด้านการสนับสนุนการขยายธุรกิจในต่างประเทศของกลุ่มในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการใช้สัญลักษณ์ทางการค้าที่มีความเชื่อมโยงกันอย่างชัดเจน รวมทั้งความร่วมมือในการดำเนินงานและการตลาดที่มีมาอย่างยาวนานกับธนาคารแม่ อีกทั้ง UOB ยังมีสัดส่วนการถือหุ้นที่ 99.7% ใน UOBT และมีการควบคุมการดำเนินงานอย่างใกล้ชิดจากธนาคารแม่

UOB มีความสามารถสูงในการให้การสนับสนุนแก่ UOBT ซึ่งสะท้อนได้จากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินที่ 'aa-' แต่อย่างไรก็ตามความสามารถของ UOB นั้นอาจมีข้อจำกัดจากความเสี่ยงในการโอนและแลกเปลี่ยนสกุลเงินตราต่างประเทศ ซึ่งบ่งชี้จากเพดานอันดับเครดิตของประเทศไทย (country ceiling) ที่ 'A-' ซึ่งเป็นปัจจัยที่จำกัดอันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นของ UOBT

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
เครือข่ายทางธุรกิจในระดับปานกลางเป็นปัจจัยจำกัดอันดับแข็งแกร่งทางการเงิน: อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ UOBT สะท้อนถึงเครือข่ายทางธุรกิจที่มีขนาดค่อนข้างจำกัดในประเทศไทย โดยธนาคารมีส่วนแบ่งตลาดสำหรับเงินฝากที่ประมาณ 3% ซึ่งทำให้ธนาคารมีการกระจายรายได้และเครือข่ายทางธุรกิจที่เล็กกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารขนาดใหญ่อื่นในประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ธนาคารได้สร้างความแข็งแกร่งในตลาดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยมาอย่างต่อเนื่อง และกลุ่มลูกค้าบริษัทขนาดใหญ่ที่มีการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศ

ส่วนแบ่งทางการตลาดของธนาคารยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องในปี 2565 จากการเข้าซื้อธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อยจาก ธนาคารซิตี้แบงก์ (Citibank) โดย Citibank มีขนาดการของการดำเนินงานที่ใหญ่ในกลุ่มสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคในประเทศ ซึ่งน่าจะช่วยให้สินเชื่อของ UOBT ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 20% ความสำเร็จในการควบรวมกิจการจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในด้านการตลาดและความสามารถในการทำกำไรของ UOBT ในอนาคต

อันดับคะแนนสำหรับปัจจัยการพิจารณาอันดับเครดิตด้านภาวะอุตสาหกรรมธนาคารไทยตามหลักเกณฑ์มาตรฐานของฟิทช์(implied operating environment score) นั้นอยู่ที่ระดับ 'bb' แต่ฟิทช์ได้มีการปรับเพิ่มอันดับคะแนนโดยจากปัจจัยด้านอันดับเครดิตของประเทศที่ 'BBB+/ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ' ภาครัฐมีความสามารถในการสนับสนุนกิจกรรมทางธุรกิจและเสถียรภาพทางการเงิน ซึ่งเห็นได้จากมาตรการต่างๆ เช่น นโยบายทางการคลัง หรือการสนับสนุนจากธนาคารรัฐที่เกิดขึ้นในช่วงโรคระบาดโควิด-19 โดยรวมแล้วระดับหนี้สินของรัฐบาลไทยยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่มีอันดับเคตรดิตในกลุ่มเดียวกัน

แรงกดดันด้านคุณภาพสินทรัพย์มีแนวโน้มลดลง: UOBT มีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมปรับตัวสูงขึ้นเป็น 3.8% ณ สิ้นเดือน มิถุนายน 2564 เนื่องจากผลกระทบของโรคระบาด แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพน่าจะปรับตัวลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากแนวโน้มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นและนโยบายการจัดชั้นสินเชื่ออย่างระมัดระวังตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของโรคระบาด ฟิทช์คาดว่าการควบรวมธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อยของ Citibank ไม่น่าจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อแนวโน้มของคุณภาพสินเชื่อของ UOBT เนื่องจากสินทรัพย์ที่เข้ามาจะมีคุณภาพโดยรวมคล้ายกับพอร์ตสินเชื่อเดิมของธนาคาร

ผลประกอบการปรับตัวดีขึ้นหลังจากช่วงโรคระบาด: อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงของ UOBT (เฉลี่ย 4 ปีย้อนหลังอยู่ที่1.4%) ปรับลดลงอย่างมากในปี 2564 เนื่องจากการตั้งสำรอง โดยต้นทุนด้านเครดิตเพิ่มขึ้นเป็น 75% ของกำไรจากการดำเนินงานก่อนการตั้งสำรอง ฟิทช์คาดว่าแรงกดดันจากปัจจัยดังกล่าวจะค่อยๆลดลงในปี 2565 แต่ผลการดำเนินงานจะยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับ ช่วงก่อนการเกิดโรคระบาด ทั้งนี้พอร์ทสินเชื่อรายย่อยของ Citibank อาจช่วยเพิ่มอัตราส่วนในการทำกำไรของธนาคารได้ในระยะปานกลาง แต่อาจจะยังไม่เห็นผลกระทบในปี 2565 เนื่องจากการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวยังน่าจะไม่เกิดขึ้นจนกระทั่งกลางปี 2565 อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องอีก

เงินกองทุนยังคงอยู่ในระดับที่เพียงพอ: UOBT ยังคงมีระดับเงินกองทุนที่อยู่ในเกณฑ์ดี โดยธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของอยู่ที่ 17% ณ สิ้น เดือนมิถุนายน 2564 (ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมอยู่ที่ 15.8% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564) แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบของอันดับคะแนนของฐานะเงินกองทุนของ UOBT สะท้อนถึงโอกาสที่อัตราส่วนเงินกองทุนจะปรับตัวลดลงอย่างไรก็ตามฟิทช์ยังคงคาดว่าอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 จะยังคงอยู่ในระดับ 'bbb' (ยังคงมากกว่า 13%) หลังการควบรวมกิจการ และน่าจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากกำไรสะสม (internal capital generation) ทั้งนี้หากมีการปรับลดอันดับคะแนนของฐานะเงินกองทุนเพียงปัจจัยเดียวกรณีดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลกระทบต่ออันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตสากล อันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น อันดับเครดิตภายในประเทศ
การปรับตัวลดลงอย่างมากของโอกาสและความสามารถของ UOB ที่จะให้การสนับสนุนแก่ UOBT อาจส่งผลให้อันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นถูกปรับลดอันดับ และจะส่งผลให้อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวและอันดับเครดิตภายในประเทศถูกปรับอันดับเครดิตลงด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น การปรับลดลงหลายอันดับของอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ UOB ลงมาในระดับเดียวกันหรือต่ำกว่าเพดานอันดับเครดิตของประเทศไทย อาจส่งผลให้เกิดการทบทวนความสามารถในการให้การสนับสนุนของผู้ถือหุ้น

นอกจากนี้อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น และอันดับเครดิตภายในประเทศยังอาจถุกปรับลดอันดับได้ หากการเชื่อมโยงกันระหว่าง UOB และ UOBT มีการปรับด้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งหมายถึงโอกาสในการให้การสนับสนุนที่ปรับตัวลดลง โดยเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้จากตัวอย่างเช่น การลดลงของสัดส่วนการถือหุ้นของธนาคารแม่ลงต่ำกว่า 75% รวมถึงการลดระดับการควบคุมการบริหารงานและการเชื่อมโยงในด้านกลยุทธ์ อย่างไรก็ตามฟิทช์ไม่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในด้านโอกาสที่ธนาคารแม่จะให้การสนับสนุนในระยะปานกลาง

อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้น อาจถูกปรับลดอันดับได้ หากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารถูกปรับลดลงเป็น 'BBB'

ทั้งนี้การปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศยังจะต้องพิจารณาเทียบเคียงกับโครงสร้างอันดับเครดิตของธนาคารอื่นๆในประเทศไทยด้วยเช่นกัน

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ UOBT อาจถูกปรับลดอันดับ หากปัจจัยการพิจารณาอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารถูกปรับลดอันดับคะแนนลงในหลายด้าน ซึ่งน่าจะเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่แย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ ตัวอย่างเช่น อาจมีการปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน หากอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมอยู่ในระดับที่สูงกว่า 4% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง (ณ สิ้นเดือน มิถุนายน ปี 2564 อยู่ที่ 3.8%) ควบคู่ไปกับการปรับลดลงของความสามารถในการรองรับความเสี่ยง เช่น อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ประมาณ 1% เป็นระยะเวลาต่อเนื่องและมีอัตราส่วนเงินกองทุน CET1 ที่ปรับตัวลดลงกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างมีนัยสำคัญ ต่ำกว่า 13% (ณ สิ้นเดือน มิถุนายน ปี 2564 อยู่ที่ 17%) โดยไม่มีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นในช่วง 2 ปีข้างหน้า การปรับตัวแย่ลงของโครงสร้างทางการเงินดังกล่าว แม้ไม่ใช่สมมุติฐานพื้นฐานของฟิทช์ แต่อาจบ่งชี้ได้ว่าโครงสร้างธุรกิจของธนาคารอาจอ่อนแอกว่าที่ฟิทช์มองไว้ ณ ปัจจุบัน

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตสากล อันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น อันดับเครดิตภายในประเทศ
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวและอันดับเครดิตสนับสนุนผู้ถือหุ้น ไม่มีโอกาสได้รับการปรับเพิ่มอันดับ เว้นแต่จะมีการปรับเพิ่มเพดานอันดับเครดิตของประเทศไทย อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นก็ไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้อีก ถ้าอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวไม่ได้มีการปรับขึ้นเป็น 'A'

ไม่มีโอกาสที่อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวจะได้รับการปรับเพิ่มอันดับขึ้นอีก เนื่องจากเป็นอันดับที่สูงที่สุดสำหรับอันดับเครดิตภายในประเทศแล้ว

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินอาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับจากการพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของเครือข่ายธุรกิจซึ่งจะนำไปสู่ความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้นควบคู่ไปกับการมีฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งในการรองรับความเสี่ยง ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นจากอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมที่ลดลงต่ำกว่า 3% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นสูงกว่า 1.5% และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของที่มากกว่า 17%

อันดับเครดิตหุ้นกู้
อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ UOBT อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคาร เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของธนาคาร

หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามเกณฑ์บาเซล 3 (Basel III-compliant Tier 2 subordinated notes) ได้รับการจัดอันดับต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารอยู่ 2 อันดับ ตามเกณฑ์พื้นฐานในการพิจารณาของฟิทช์
โดยฟิทช์ใช้อันดับเครดิตภายในประเทศจากการพิจารณาปัจจัยสนับสนุนเป็นอันดับเครดิตอ้างอิงสำหรับตราสารดังกล่าวเนื่องจากฟิทช์เชื่อว่าธนาคารแม่จะให้การสนับสนุนก่อนที่ธนาคารจะถึงจุดที่ไม่สามารถดำเนินกิจการได้ อันดับเครดิตที่ต่ำกว่าอยู่ 2 อันดับสะท้อนความเสี่ยงของการขาดทุนจากการชำระคืนเงินกู้ (loss severity risk) ของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ทั้งนี้ไม่ได้มีการปรับลดอันดับเครดิตเพิ่มเติมสาหรับความเสี่ยงที่ผู้ถือหุ้นกู้จะไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดการณ์

การปรับลดอันดับเครดิตของอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวจะส่งผลในทางเดียวกันกับอันดับเครดิตของหุ้นกู้ทั้งหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน และหุ้นกู้ด้อยสิทธิ

อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน และหุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีโอกาสปรับขึ้นอีกแล้ว เนื่องจากอันดับเครดิตอ้างอิง ซึ่งก็คือ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวนั้นอยู่ในอันดับสูงสุดของอันดับเครดิตภายในประเทศแล้ว

การปรับอันดับคะแนนของปัจจัยที่ใช้ในการพิจารณาอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
อันดับคะแนนด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่ 'bbb' สูงกว่าคะแนนตามเกณฑ์มาตรฐานที่ 'bb' เนื่องจากการปรับเพิ่มคะแนนจากปัจจัยด้านอันดับเครดิตของประเทศ

อันดับเครดิตที่เชื่อมโยงกับอันดับเครดิตอื่น
อันดับเครดิตสากล อันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น และอันดับเครดิตภายในประเทศของ UOBT มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตของ ธนาคารแม่ซึ่งคือ UOB ในประเทศสิงคโปร์

การพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
ระดับคะแนนที่สูงที่สุดสาหรับความสัมพันธ์ของ ESG ต่ออันดับเครดิต (หากมีการเปิดเผย) แสดงว่าระดับคะแนนจะอยู่ที่ระดับ 3 ซึ่งหมายความว่าปัจจัยด้าน ESG จะไม่ส่งผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบในระดับที่น้อยมากต่ออันดับเครดิตของธนาคาร ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยจากลักษณะของธุรกิจหรือจากการบริหารจัดการของธนาคารก็ตามสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมหาได้จาก www.fitchratings.com/esg


ข่าวฟิทช์ เรทติ้งส์+ฟิทช์ เรทติ้งวันนี้

BAFS เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ ชูดอกเบี้ย 4.75 - 5.10% ต่อปี คาดเปิดจองซื้อแก่ "สถาบัน-รายใหญ่" วันที่ 9 - 14 พ.ค. นี้ รองรับการขยายตัวธุรกิจในอนาคต

BAFS เตรียมออกหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 3 ปี 9 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [ 4.75 5.10 ] % ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือ "BBB (tha)" จาก ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) เตรียมเสนอขายผู้ลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายใหญ่ คาดจองซื้อระหว่างวันที่ 9 และ 13 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย), บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส และ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี ม.ล. ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล

ฟิทช์คงอันดับเครดิตของ บล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่ 'AA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LHS ที่ 'AA(tha)' และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น ...

ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตของ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส และ บจก.แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค ในเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ (Rating Watch Negative; RWN) ของอันดับเครดิต บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (AIS) และบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ท...