'บมจ.ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่' หรือ TGE เปิดกลยุทธ์สู่ผู้นำอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน รับเมกะเทรนด์ Green Energy มุ่งขยายการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ พร้อมแสวงหาโอกาสต่อยอดสู่ธุรกิจพลังงานทางเลือกใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2565 ทำรายได้และกำไรเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดราคาเสนอขาย IPO ที่ 2.00 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อวันที่ 9 - 11 สิงหาคมนี้
นายพงศ์นรินทร์ วนสุวรรณกุล ประธานกรรมการบริหารและกรรมการ บริษัท ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TGE ผู้นำด้านอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมเข้าสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ด้วยความมุ่งมั่นสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำมาสู่ผลตอบแทนที่ดีและยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วน ภายใต้วิสัยทัศน์องค์กรที่ให้คุณค่าในเรื่อง 1) Technology พัฒนาและปรับปรุงเทคโนโลยีการผลิตด้วยนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง 2) Governance ดำเนินธุรกิจด้วยธรรมาภิบาล เป็นมิตรต่อชุมชมและสิ่งแวดล้อม 3) Excellence มุ่งมั่นผลลัพธ์ที่เป็นเลิศ โดยเน้นการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีความมั่นคงและแนวโน้มการเติบโตสูง
ปัจจุบัน TGE เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวมทั้งหมด 51.7 MW ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าชีวมวลที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 3 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้า TGE, TPG และ TBP จังหวัดสุราษฎร์ธานี กำลังการผลิตติดตั้งรวม 29.7 MW มีสัญญาซื้อขายไฟให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 20.3 MW ภายใต้ระบบ Feed-in Tariff (FiT) ตลอดอายุสัญญา และมีปริมาณไฟฟ้าขายให้แก่กลุ่มท่าฉางอุตสาหกรรม ภายใต้สัญญาแบบ Non Firm อีก 7.0 MW นอกจากนี้ ยังมีโรงไฟฟ้าขยะชุมชนที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 3 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้า TES SKW จังหวัดสระแก้ว, โรงไฟฟ้า TES RBR จังหวัดราชบุรี และโรงไฟฟ้า TES CPN จังหวัดชุมพร กำลังการผลิตติดตั้งรวม 22 MW ซึ่งได้รับคัดเลือกจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว โดยเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2565 คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าโครงการผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชนแล้ว ขั้นตอนต่อไปการไฟฟ้าจะเปิดรับยื่นคำเสนอขายไฟฟ้าและทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า คาดว่าจะเริ่ม COD ภายในปี 2567
ดร.ศักดิ์ดา ศิริภัทรโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TGE กล่าวว่า บริษัทฯ มีจุดเด่นและข้อได้เปรียบผู้ประกอบการโรงไฟฟ้ารายอื่นๆ ดังนี้ 1) การเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้า โดยในระยะสั้นจะมุ่งลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะชุมชนที่มีศักยภาพและให้ผลตอบแทนสูง 2) การนำเทคโนโลยีผลิตไฟฟ้าที่ทันสมัยมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขัน 3) การมีความมั่นคงด้านวัตถุดิบจากทำเลที่ตั้งโรงไฟฟ้าชีวมวลตั้งอยู่ในแหล่งเพาะปลูกปาล์มที่สำคัญของประเทศ และการเป็นบริษัทในกลุ่มท่าฉางอุตสาหกรรมที่ดำเนินธุรกิจโรงสกัดน้ำมันปาล์ม จึงนำผลพลอยได้มาใช้ผลิตไฟฟ้า รวมถึงการรับซื้อวัตถุดิบชีวมวลหลากหลายประเภทจากเกษตรกรรอบพื้นที่โรงงาน 4) การผลิตไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงในต้นทุนต่ำ โดยออกแบบโรงไฟฟ้าชีวมวลให้รองรับเชื้อเพลิงได้หลากหลายชนิด ทั้งเชื้อเพลิงที่มีความชื้นสูงมากและเผาวัตถุดิบชีวมวลประเภททะลายปาล์มเปล่าได้ 100% ส่วนโรงไฟฟ้าขยะชุมชนจะใช้เทคโนโลยีที่เผาขยะมูลฝอยที่มีความชื้นสูงและใช้กระบวนการผลิตไฟฟ้าจากขยะแบบเผาตรงโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการคัดแยก 5) ดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาล รับผิดชอบต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมให้ความสำคัญกับแนวทางพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน (ESG) ทั้งหมดนี้ทำให้ TGE เป็นบริษัทพลังงานที่มีคุณภาพ สามารถสร้างความเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน
โดยมีเป้าหมายขยายกำลังการผลิตติดตั้งโรงไฟฟ้าเป็นไม่น้อยกว่า 200 MW ภายในปี 2575 เน้นลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่มีศักยภาพทั้งในและต่างประเทศ รับโอกาสเติบโตไปกับเมกะเทรนด์ Green Energy และนโยบายของภาครัฐที่จะเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนประเภทต่างๆ อาทิ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังน้ำ พลังงานชีวมวล ก๊าซชีวภาพ และพลังงานจากขยะ พร้อมหาโอกาสขยายธุรกิจและการลงทุนที่เกี่ยวกับพลังงานทางเลือกใหม่ๆ รวมทั้งแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจที่สามารถต่อยอดการเติบโตในอนาคต
นางสาวพัชรา ทองประไพ ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชี และการเงิน TGE กล่าวว่า ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนในช่วงที่ผ่านมา แต่บริษัทฯ ยังรักษาการเติบโตแข็งแกร่ง โดยผลการดำเนินงานช่วงปี 2562 - 2564 มีรายได้รวม 347.5 ล้านบาท 713.5 ล้านบาท และ 807.5 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 52.4% ต่อปี ปัจจัยมาจากการเปิด COD โรงไฟฟ้าชีวมวลอย่างต่อเนื่อง ทำให้รับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจากการขายไฟฟ้า รวมถึงรายได้จากการขายน้ำและไอน้ำ อีกทั้งในปี 2563 เริ่มมีรายได้จากการให้บริการกำจัดขยะจากโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน จังหวัดสระแก้ว ในส่วนของกำไรสุทธิปี 2562 - 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 94.3 ล้านบาท 166.9 ล้านบาท และ 202.1 ล้านบาท ตามลำดับ เป็นผลจากการรับรู้รายได้ของโรงไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น การควบคุมบริหารจัดการต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการบริหารที่มีประสิทธิภาพ และอัตราการใช้กำลังการผลิตไฟฟ้าที่สูงขึ้น
ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2565 มีรายได้รวม 233.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 51.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ตามการเปิด COD ของโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล TBP จังหวัดสุราษฎร์ธานี และมีรายได้จากการจำหน่ายน้ำและไอน้ำ ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการผลิตกระแสไฟฟ้า อย่างไรก็ดี บริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิที่ 23.3% ลดลงเล็กน้อยจาก 27.4% ในช่วงไตรมาส 1/2564 จากผลกระทบการปิดระบบสายส่งเป็นครั้งคราวจากการปรับปรุงถนนของกรมทางหลวง ทำให้ไม่สามารถขายไฟฟ้าได้เต็มประสิทธิภาพ
นางรัชดา เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ2 บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ 2.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสมและสะท้อนปัจจัยพื้นฐานของ TGE โดยจุดเด่นของหุ้นตัวนี้อยู่ที่รายได้และกระแสเงินสดที่มั่นคง มีอัตรากำไรที่แข็งแกร่ง โดย TGE มี EBITDA Margin เฉลี่ยที่สูงถึง 47% สูงกว่าผู้ประกอบการอื่นในธุรกิจเดียวกันเนื่องจากมีข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันจากการมีวัตถุดิบที่เพียงพอและมั่นคง สามารถผลิตไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพสูงและมีต้นทุนต่ำ อีกทั้ง TGE ยังมีแผนขยายสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะที่มีอัตรากำไรที่สูงขึ้น ดังนั้น จึงมีศักยภาพที่จะขยายกำลังการผลิตให้เติบโตและสร้างกำไรที่ดีได้ในอนาคต
สำหรับราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 2.00 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) เท่ากับ 15.3 เท่า เทียบกำไรสุทธิที่ 0.13 บาทต่อหุ้น คำนวณจากกำไรสุทธิของบริษัทในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (1 เม.ย. 64 - 31 มี.ค. 65) ที่ 208.9 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทก่อนเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ที่ 1,600 ล้านหุ้น (Pre-IPO Dilution) และคิดเป็น P/E Ratio เท่ากับ 21.0 เท่า เทียบกับกำไรสุทธิที่ 0.095 บาทต่อหุ้น คำนวณจากจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ที่ 2,200 ล้านหุ้น (Pre-IPO Dilution)
ส่วน P/E Ratio ของบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจคล้ายคลึงกันที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 4 บริษัท ได้แก่ ACE, CV, ETC, TPCH มีค่าเฉลี่ยอยู่ประมาณ 28.2 เท่า โดยอ้างอิงข้อมูลช่วงระยะเวลา 12 เดือนย้อนหลังระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม 2564 ถึงวันที่ 25 กรกฎาคม 2565 โดยราคาเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ ยังไม่รวมมูลค่าโครงการใหม่ๆ ที่บริษัทจะเข้าร่วมประมูลเพิ่มเติมอีก 4 โครงการในช่วงปลายปีนี้ สำหรับหุ้น TGE จะเปิดให้จองซื้อในวันที่ 9 - 11 สิงหาคม 2565 คาดว่าจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในเดือนสิงหาคมนี้
TGE มีทุนจดทะเบียน 1,100 ล้านบาท คิดเป็นหุ้นสามัญจำนวน 2,200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีทุนเรียกชำระแล้ว 800 ล้านบาท คิดเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,600 ล้านหุ้น และจะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 600 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 27.3% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ลงทุนก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน ชำระเงินกู้ยืมและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
TGE เดินหน้านำโรงไฟฟ้าชีวมวล TBP อีกแห่ง คว้าใบรับรองลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก ตอกย้ำพันธกิจด้าน ESG และขยายฐานธุรกิจจำหน่าย 'คาร์บอนเครดิต' เสริมรายได้อนาคต
TGE คว้าสัญญา PPA โรงไฟฟ้าขยะชุมชน "ชุมพร - สระแก้ว - ราชบุรี" เสริมความแข็งแกร่ง คาดเริ่ม COD ปลายปี 67 หนุนรายได้พุ่งทะยาน
TGE ผลงานโค้งแรกโดดเด่น Q1/66 กำไรสุทธิ 63 ล้านบาท พุ่งแรง 22.1% รับค่า Ft เพิ่มและต้นทุนลดลง มั่นใจไตรมาส 2 โตต่อเนื่อง
TGE ตั้งแม่ทัพใหม่ ปรับโครงสร้างองค์กรรับการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมวางเป้าหมายปี 2566 รุกขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าเป็น 100 เมกะวัตต์
TGE ผนึกกำลังปลูกป่า เพิ่มพื้นที่สีเขียวแก่ชุมชน
TGE โตไม่หยุด! เตรียมเข้าทำสัญญาโรงไฟฟ้าขยะชุมชนท่าจีน จ.สมุทรสาคร 9.9 MW ตอกย้ำผู้นำ Green Energy รุกขยายพอร์ตโรงไฟฟ้าสู่เป้าหมาย 200 MW
TGE พร้อมเข้าเทรดใน SET วันแรก 19 ส.ค. นี้ นักลงทุนตอบรับดีเกินคาด ตอกย้ำพื้นฐานธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนแข็งแกร่ง
TGE ลงนามแต่งตั้งอันเดอร์ไรเตอร์ เปิดขายหุ้น IPO ที่ราคา 2 บาทต่อหุ้น