วายแอลจีชี้ แม้เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี แต่สัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มกดดันการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป ส่งผลดีต่อราคาทองคำอาจรีบาวด์ในระยะสั้น แนะใช้เป็นจังหวะขายทำกำไร เหตุระยะกลางสัญญาณยังชะลอตัว ส่วนทองคำในประเทศยังแนวโน้มดีต่อเนื่อง หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 5% จากต้นปี ตามทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าไปแล้ว 9% ขณะที่การลงทุนทองคำในตลาดฟิวเจอร์สน่าสนใจ ชี้เป็นทางเลือกในการลงทุนทองคำที่ดีเพราะทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ล่าสุดยังเพิ่มโอกาสการลงทุนใน CME ตลาดฟิวเจอร์สต่างประเทศที่สามารถลงทุนได้แม้ในวันหยุดราชการไทย
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (TFEX) เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดไปแล้ว 0.75% ในการประชุมเดือนก.ค. และเทรนด์ดอกเบี้ยขาขึ้นจะยังคงดำเนินต่อไปในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ล่าสุดนักลงทุนเริ่มหันไปให้ความสนใจกับประเด็นความกังวลเศรษฐกิจของสหรัฐชะลอตัว และเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เข้ามากดดันเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดครั้งต่อไป โดยล่าสุดภาคเอกชนได้ออกมาคาดการณ์ว่าผลประกอบการณ์ไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐจะออกมาต่ำกว่าที่คาด ทั้งนี้การที่ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัว ถือเป็นปัจจัยที่สร้างความกังวลต่อเฟดในการประชุมครั้งต่อไป และส่งผลดีต่อทองคำ ให้ราคามีโอกาสขยับและปรับตัวขึ้นได้
ทั้งนี้หากในระยะสั้นราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาจะถือเป็นจังหวะให้นักลงทุนขายทำกำไรออกไปก่อน เพราะระยะกลางทิศทางทองคำยังเป็นแนวโน้มขาลงในลักษณะพักฐาน อย่างไรก็ดีสำหรับถ้านักลงทุนที่มีทองคำอยู่ในพอร์ตให้รอขาย โดยจับตาดูหากผ่าน 1,784 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไปได้ มองว่าราคาจะปรับระดับขึ้นไปที่ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ซึ่งบริเวณดังกล่าวหากไม่ผ่านแนะนำทยอยขายทำกำไรออกไปก่อน แล้วซื้อเมื่อราคาย่อตัว ที่แนวรับ 1,752-1,745 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามในระยะยาว 12 เดือน ข้างหน้า หากเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็จะถือเป็นปัจจัยหนุนให้ทองคำกลับมาเป็นขาขึ้นได้อีกครั้ง
ส่วนทองคำในประเทศระยะสั้นประเมินความเคลื่อนไหวที่ 30,000-31,000 บาทต่อบาททองคำ นักลงทุนที่ถือทองคำราคาในประเทศปีนี้ถือเป็นปีที่ดี เนื่องจากราคาทองคำในประเทศปรับตัวขึ้นจากช่วงต้นปีประมาณ 5% เป็นไปตามค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจากต้นปีมาประมาณ 9% และในปีนี้ทิศทางค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามในปีนี้การลงทุนทองคำในตลาดซื้อขายสัญญาล่วงหน้า (ฟิวเจอร์ส) ถือว่ามีความคึกคักมากเช่นกัน เนื่องจากเป็นทางเลือกในการลงทุนที่สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง นอกจากนี้ปัจจุบัน YLG ได้เพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนสามารถลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สต่างประเทศ ด้วยการร่วมมือกับ CME Group เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนที่เทรดผ่าน YLG futures สามารถเข้าถึงทุกสินค้าของ CME Group ทุกบริการ เช่น Precious Metal futures ,Oil futures ,Cryptocurrency futures , Forex futures ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องพึ่งกองทุนสถาบันในการเข้าไปซื้อขายสินค้า พร้อมเชื่อมต่อ Exchange ทั่วทั้งโลกไม่ว่าจะเป็น จีน ฮ่องกง หรือ สิงคโปร์ ทำให้นักลงทุนและนักเก็งกำไรสามารถจัดการกับความเสี่ยงและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังเปิดให้บริการตามวันทำการสหรัฐ จึงสามารถลงทุนได้ไม่เว้นวันหยุดราชการของไทย
YLG ปรับเป้าหมายทองคำปี66 สู่ 2,075 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะเพิ่มความระมัดระวังเหตุราคาเข้าใกล้จุดสูงสุด
กรุงไทยยกระดับ Gold Wallet บนแอปฯ เป๋าตัง เปิดโอกาสนักลงทุนเข้าถึงทองคำ รับมือเศรษฐกิจโลกผันผวนเริ่มต้นเพียง 0.05 ออนซ์
โค้งสุดท้ายลดหย่อนภาษีปีนี้ BBLAM ชวนคนไทยเลือกลงทุนใน RMF และ Thai ESG ให้เท่าทันสถานการณ์โลก
ME GOLD by GCAP GOLD X Money Freedom Forum 2025 แอปฯทอง น้องใหม่ "ซื้อ-ขาย-ออมทองง่าย เริ่มต้นแค่ 100 บาท"
ออโรร่า เทรดดิ้ง เปิดตัวแอป "ALLGOLD" รุกตลาดซื้อขายทองคำออนไลน์ ตั้งเป้าเป็นผู้นำแพลตฟอร์มลงทุนทองคำแบบครบวงจรในประเทศไทย
GCAP GOLD เปิดมุมมอง "การลงทุนทองคำ"
InterGOLD รับกระแสราคาทองแพง เปิดทางนักลงทุนรับทองจริงเริ่มที่ 0.5 กรัม
GCAP GOLD ชี้ สหรัฐฯ วิกฤตศรัทธาข้อมูลเศรษฐกิจ แนะลงทุนทองคำรุ่ง โอกาสทำกำไรสูง