ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาดทุนทั่วโลกได้รับผลกระทบจากหลายวิกฤต เช่น การแพร่ระบาดของ COVID-19 เงินเฟ้อที่พุ่งแรงทั่วโลก เศรษฐกิจโลกถดถอย ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน และความตึงเครียดระหว่างจีน ไต้หวัน และสหรัฐฯ และขณะนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังพัฒนาจากภาวะ"ความกลัวเงินเฟ้อ (Inflation Fear)" มาสู่ภาวะ "ความกลัวเศรษฐกิจถดถอย (Recession Fear)" จากการปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดลงของประเทศสหรัฐฯ จีน และกลุ่มประเทศยุโรป
นอกจากนี้ การที่ Fed เริ่มมีนโยบายลดความรุนแรงในการขึ้นดอกเบี้ย (Less Hawkish) นำไปสู่การทำกำไรของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และภายหลังจากการที่ Fed ขึ้นดอกเบี้ย 0.5-0.75% ในเดือนกันยายนนี้ อาจจะทำให้เกิดความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความกลัวเศรษฐกิจถดถอยยังมีเม็ดเงินของนักลงทุนต่างประเทศที่เข้าไทยในเดือนสิงหาคม ซึ่งถือเป็น Renewed ของฟันด์โฟลว์หรือฟันด์โฟลว์รอบใหม่ โดยตั้งแต่ต้นเดือนมีนักลงทุนต่างประเทศเริ่มกลับเป็นฝ่ายซื้อสุทธิในตลาดหุ้นกว่า 2.4 หมื่นล้านบาท และตลาดพันธบัตรกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท
ในส่วนของมุมมองด้านเงินเฟ้อ มองว่าเงินเฟ้อทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย อาจจะถึงจุดสูงสุด ในไตรมาส 3 ปีนี้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ได้ผ่านจุดสูงสุด (Peak) ไปแล้ว และคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ย ของประเทศไทย จะเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไปที่ระดับ 0.25% ต่อครั้ง คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ใน 12 เดือนข้างหน้าสู่ระดับ 1.5% ในกลางปี 2566 แต่ก็ยังถือว่าเป็นระดับต่ำสุดในอาเซียน อย่างไรก็ดี ยังมีความเสี่ยงเรื่องเงินพื้นฐาน (Core Inflation) ที่ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3% ในเดือนกรกฎาคม 2565 และการที่ค่าแรงขั้นต่ำมีโอกาสปรับขึ้นได้ 5-8% ทำให้ Core Inflation มีโอกาสสูงกว่าที่เป้าหมายธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดที่ 1-3%
ในส่วนของมุมมองด้านค่าเงินบาท มองว่านับตั้งแต่สิ้นเดือนกรกฎาคม 2565 ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่ามากที่สุดในสกุลเงินอาเซียน โดยแข็งค่าขึ้นกว่า 4% และคาดว่าค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 34-35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ แม้ว่าอาจจะมีความเสี่ยงของเงินทุนไหลออกจากนักลงทุนต่างประเทศ เนื่องจากการส่งออกเงินปันผลของนักลงทุนต่างประเทศช่วงเดือนกันยายน 2565 ประกอบกับ Fed อาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกอย่างน้อย 0.5%
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยมองการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจะติดลบสูงสุดในไตรมาส 3 ของปี 2565 และจะปรับขึ้นเป็นบวกระดับ 4% ของ GDP ในปี 2566 (เปรียบเทียบ+10% ของ GDP ในช่วงก่อน เกิด COVID) คาดว่ารายได้จากนักท่องเที่ยวในประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 3% ของ GDP ในไตรมาส 3 และเป็น 5% ของ GDP ในไตรมาส 4 และอาจเพิ่มเป็น 7% ของ GDP ในไตรมาส 1 ปี 2566 ขณะที่การเติบโตของฐานเงินอย่างกว้างหรือ M2 เพิ่มขึ้น 6.20% ในเดือนมิถุนายน 2565 ซึ่งเป็นตัวเลขล่าสุดที่เป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 1 ปี บ่งบอกถึงสภาพคล่องเริ่มดีขึ้น
ในส่วนของตลาดหุ้นไทย มองเป้าหมายของดัชนีอยู่ที่ 1,690 จุด อิงอัตรากำไรต่อหุ้น (EPS) ของตลาด ที่ 106.5 บาท และ Forward PE (X) ที่ 15.9X และมีโอกาสที่จะปรับเป้าหมายดัชนีขึ้น เพราะ EPS มีโมเมนตัมเป็นบวกจากการปรับเพิ่มของกำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) อีกทั้ง นับตั้งแต่ต้นปี 2565 จนถึงปัจจุบัน สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกให้ผลตอบแทนติดลบตั้งแต่ -1.8% ถึง -50% แต่ตลาดหุ้นไทยยัง Outperform ตลาดหุ้นโลก
ดร.วิศิษฐ์ กล่าวว่า แนะนำให้นักลงทุนจัดสรรเงินลงทุนในสถานการณ์วิกฤตซ้อนวิกฤต (Asset Allocation) ในช่วงที่เหลือของปี 2565 โดยสินทรัพย์ที่แนะนำลงทุน ได้แก่ ตลาดหุ้นไทย 25% ตลาดหุ้นเวียดนาม 10-15% ตลาดหุ้นในประเทศที่พัฒนาแล้ว 10% ตราสารหนี้โลก 25% ทองคำ 5% Weighting ในกลุ่มน้ำมัน และ Commodity 5% และถือเงินสด 15-20% เนื่องจากสินทรัพย์เสี่ยงยังไม่ได้สะท้อนถึงความเสี่ยงที่ยังไม่คาดการณ์
ทรีนีตี้ยังแนะนำให้ Overweight หรือให้น้ำหนักมากกว่าตลาด ในกลุ่มหุ้นที่เป็น "Thematic Play" ที่ได้สร้างแบบจำลองทาง Macro Economic 4 ธีมหลัก ได้แก่
ธีมที่ 1 : บริษัทที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง (reopening) และการท่องเที่ยว มองว่าประเทศจีนมีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายให้นักท่องเที่ยวเริ่มเดินทางออกนอกประเทศได้ใน 3-12 เดือนข้างหน้า
ธีมที่ 2 : บริษัทที่ได้ประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ กลุ่มโรงไฟฟ้า
ธีมที่ 3 : หุ้นปันผลสูงเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ (Inflation hedge )
ธีมที่ 4 : บริษัทได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น ได้แก่ กลุ่มธนาคาร แต่การส่งผ่านการขึ้นดอกเบี้ยไปเป็นดอกเบี้ยเงินกู้ในรอบเศรษฐกิจนี้จะมีประสิทธิภาพน้อยลง
"ทรีนีตี้"ชู 5 จุดแกร่งลุยธุรกิจปี 2566 เดินหน้าธุรกิจด้านวาณิชธนกิจนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และเป็นที่ปรึกษาขายหุ้นกู้ ขณะที่ธุรกิจการจัดการกองทุนส่วนบุคคล ตั้งเป้าเติบโตขึ้นร้อยละ 20 พร้อมลุยธุรกิจนอกตลาด และเตรียมนำ "ทรีมันนี่ โฮลดิ้ง" เข้าจดทะเบียนในตลาด MAI ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยในงาน Opportunity Day ของ บริษัท ทรีนีตี้ วัฒนา จำกัด (มหาชน) "TNITY" ถึงทิศทางการทำธุรกิจของกลุ่มบริษัทในปี 2566 ว่าบริษัทยังคงยึดมั่น
"ทรีนีตี้" ให้การต้อนรับทีมผู้บริหาร "SSI เวียดนาม" เยี่ยมกระชับความสัมพันธ์
—
ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด พ...
"TNITY" ออกหุ้นกู้ 3 ชุด ไม่เกิน 700 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 2.50-3.80 ต่อปี นำเงินขยายธุรกิจ
—
"บมจ.ทรีนีตี้ วัฒนา (TNITY)" เตรียมเปิดจองซื้อ "หุ้นกู้ TNI...
KCC เทรด mai วันแรก แจกกำไร 148.65 %
—
นายมานิต นิธิประทีป ประธานกรรมการ นายสุชาติ บุญบรรเจิดศรี ประธานกรรมการบริหาร นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธาน...
"KCC" ตั้ง "บล.ทรีนีตี้" ลีดอันเดอร์ไรท์เตอร์ ขายไอพีโอ 160 ล้านหุ้น
—
นายสุชาติ บุญบรรเจิดศรี (คนกลาง) ประธานกรรมการบริหาร, นายทวี กุลเลิศประเสริฐ (คนที่...
AMR เคาะราคาหุ้น 6.90 บาท พร้อมเข้าเทรด SET วันที่ 2 ส.ค.นี้
—
คุณมารุต ศิริโก (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด (มหาชน) (AMR) ถ่ายภา...
"ทรีนีตี้" ปลื้ม!! กองทุนส่วนบุคคล "ทรีนีตี้ เอเชียน ไพรเวทฟันด์ (ex-Japan)": Series 3 ได้รับความสนใจเพียบดันมูลค่าสินทรัพย์กองทุนทะลุ 500 ล้านบาท
—
ดร.วิศิษฐ์ ...
"TNITY" ออกหุ้นกู้ 2 ชุด ไม่เกิน 400 ล้านบาท ชูดอกเบี้ย 3.20-3.80 % ต่อปี นำเงินขยายธุรกิจ
—
"บมจ.ทรีนีตี้ วัฒนา ("TNITY")" เตรียมเปิดจองซื้อ "หุ้นกู้ TNI...
"TNITY" อู้ฟู่ ไตรมาส 1 ปี 64 กำไรพุ่ง 163 % เทรดหุ้นคึกคัก ดันรายได้ทะยาน
—
"ทรีนีตี้ วัฒนา" ท็อปฟอร์ม ไตรมาส 1 ปี 64 โชว์กำไร 66.70 ล้าน รายได้ซื้อขายหล...