คุณเฟย เจิ้นฝู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีประจำทีมดาต้าเซ็นเตอร์ของหัวเว่ย (Huawei Data Center Facility Team) ประกาศเปิดตัวโซลูชันการจ่ายไฟรุ่นใหม่ "พาวเวอร์พอด 3.0" (PowerPOD 3.0) ในระหว่างงานเปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์แห่งอนาคตของหัวเว่ย โซลูชันนี้ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีหลักและมีการผสมผสานกันของส่วนประกอบต่าง ๆ พร้อมกับวางเลย์เอาต์อย่างเหมาะสมเพื่อสร้างระบบจ่ายไฟดาต้าเซ็นเตอร์ที่ช่วยประหยัดพื้นที่ พลังงาน และเวลา
ประหยัดพื้นที่: ลดพื้นที่ลง 40%
การใช้สถาปัตยกรรมที่ทันสมัยและเครื่องสำรองไฟยูพีเอส5000-เอช (UPS5000-H) ที่มีความหนาแน่นสูงเป็นพิเศษ ส่งผลให้ความหนาแน่นของพลังงานต่อตู้เพิ่มขึ้น ขณะที่เลย์เอาต์วางระบบจ่ายไฟก็ได้รับการปรับให้เหมาะสมที่สุด โดยจำนวนตู้ลดลงจาก 22 เหลือเพียง 11 ตู้ ส่งผลให้ใช้พื้นที่ลดลงอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น ในดาต้าเซ็นเตอร์ขนาด 12 เมกะวัตต์ การใช้พาวเวอร์พอด 3.0 ช่วยให้ประหยัดพื้นที่และสามารถติดตั้งแร็คเพิ่มได้มากกว่า 170 แร็ค เมื่อเทียบกับโซลูชันการจ่ายไฟแบบทั่วไป
ประหยัดพลังงาน: ลดการใช้พลังงานลง 70%
ประสิทธิภาพการเชื่อมต่อของโซลูชันการจ่ายไฟโดยทั่วไปจะต่ำกว่า 94.5% ขณะที่โซลูชันพาวเวอร์พอด 3.0 มีประสิทธิภาพสูงถึง 97.8% และลดความยาวของการเชื่อมต่อลง นอกจากนี้ เครื่องสำรองไฟยูพีเอส5000-เอช ยังมีประสิทธิภาพสูงถึง 99.1% ในโหมดเอส-อีโค (S-ECO) ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้โซลูชันพาวเวอร์พอด 3.0 ในดาต้าเซ็นเตอร์ขนาด 12 เมกะวัตต์จะช่วยประหยัดงบประมาณได้เกือบ 300,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี
ประหยัดเวลา: ลดระยะเวลาส่งมอบลง 75%
โซลูชันการจ่ายไฟแบบทั่วไปจำเป็นต้องใช้แท่งทองแดงราว 35 แท่ง และสายเคเบิล 180 เส้นในการเชื่อมต่อในสถานที่จริง ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงสูงในด้านคุณภาพ และระยะเวลาจัดส่งก็นานถึง 2 เดือน แต่โซลูชันพาวเวอร์พอด 3.0 ใช้บัสบาร์สำเร็จรูปในการเชื่อมต่อภายใน และด้วยการผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูปและการสั่งทำเสร็จสมบูรณ์ตั้งแต่โรงงาน การก่อสร้างในสถานที่จริงจึงทำได้ภายใน 2 สัปดาห์เท่านั้น ส่งผลให้สามารถให้บริการแก่ลูกค้าได้เร็วขึ้น
ไร้กังวล: อัตราความผิดพลาดของบริการลดลง 40%
โซลูชันพาวเวอร์พอด 3.0 ใช้แนวคิด "การขับเคลื่อนอัตโนมัติ" และเทคโนโลยีเอไอ มาพร้อมฟีเจอร์อัจฉริยะไอพาวเวอร์ (iPower) ซึ่งมอบความน่าเชื่อถือสองชั้นทั้งการมองเห็นที่ครอบคลุม รวมถึงการทำนายอุณหภูมิด้วยเอไอ การทำนายอายุการใช้งานของส่วนประกอบหลัก และการตั้งค่าอัจฉริยะ ทำให้สามารถเดินเครื่องและบำรุงรักษา (O&M) แบบอัตโนมัติและคาดการณ์ล่วงหน้าได้
ปัจจุบัน ดาต้าเซ็นเตอร์กำลังพัฒนาไปสู่ความหนาแน่นที่สูงขึ้นและสเกลที่ใหญ่ขึ้น ดังนั้น ระบบจ่ายไฟซึ่งเป็น "หัวใจ" ของดาต้าเซ็นเตอร์ จึงต้องรับประกันความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือตลอดวงจรชีวิตเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น และยังต้องบูรณาการอุปกรณ์ทั้งหมดในห่วงโซ่ระบบจ่ายไฟด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัยเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ลูกค้า
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1826791/image_1.jpg
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1826792/2.jpg
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เปิดตัวโซลูชั่นดาต้าเซ็นเตอร์ใหม่ รองรับความท้าทายของ High-Density AI และแอปพลิเคชั่นการประมวลผลแบบเร่งความเร็ว
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เปิดตัว Galaxy VXL ยูพีเอสสุดล้ำสำหรับ AI ดาต้าเซ็นเตอร์ เครื่องเล็ก แต่พลังงานจัดเต็ม
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เผยโฉมโซลูชั่นสำหรับ AI ดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านพลังงานและความยั่งยืน
Vertiv จับมือ NVIDIA พัฒนาระบบพลังงานและการระบายความร้อนแบบครบวงจร สำหรับแพลตฟอร์ม NVIDIA GB200 NVL72
บีโอไอเคาะลงทุนใหม่ส่งท้ายปีกว่า 2.4 แสนล้าน เลือก 16 โครงการใหญ่เข้า FastPass ปลดล็อกลงทุน
SEAX Global ประกาศเข้าซื้อหุ้นใน Interlink Telecom เพื่อเร่งขยายเครือข่ายสื่อสารครอบคลุมอาเซียน
MASTEC มอง Q4 ฟื้นตัวชัด หนุนโมเมนตัมธุรกิจปี 2569 เดินหน้าแข็งแกร่งต่อเนื่อง ชี้ดาต้าเซ็นเตอร์ - โรงงานประหยัดพลังงาน - นโยบายโซลาร์ภาคประชาชน สร้างยอดขาย มาร์จิ้น
ฟอร์ติเน็ต ส่งโซลูชัน Secure AI Data Center ปกป้องโมเดล ข้อมูล และโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่อย่างครบวงจร
การ์ทเนอร์ชี้ความต้องการพลังงานไฟฟ้าในดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มขึ้น 16% ในปีนี้ และจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าในอีก 5 ปีข้างหน้า