ม.มหิดล มอบความหวังประชากรโลก ช่วยกลุ่มเสี่ยงวัย 1-9 ปีรอดพ้นไวรัสไข้เลือดออกเดงกี่

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

ความมหัศจรรย์ของชีวิตมนุษย์ เกิดขึ้นตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา จนคลอดออกมาเป็นทารกวัย 9-12 เดือน เมื่อพบว่ามีภูมิคุ้มกันทางธรรมชาติโดยอัตโนมัติจากแม่สู่ลูกผ่านทางรก

ม.มหิดล มอบความหวังประชากรโลก ช่วยกลุ่มเสี่ยงวัย 1-9 ปีรอดพ้นไวรัสไข้เลือดออกเดงกี่

ในขณะที่วัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกเดงกี่ที่ใช้ฉีดกันโดยทั่วไปในปัจจุบัน สามารถป้องกันได้เฉพาะในเด็กวัย 9 ขวบขึ้นไปเท่านั้น

จึงทำให้เด็ก ๆ ซึ่งหมดภูมิคุ้มกันทางธรรมชาติแล้วจากมารดาในกลุ่มช่วงวัย 1-9 ปี ต้องเสี่ยงมากต่อการเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกี่

ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์นรัตถพล เจริญพันธุ์ ผู้อำนวยการสถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล (MB) มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เป็นเวลากว่า 4 ทศวรรษแล้วที่ มหาวิทยาลัยมหิดล โดย นักวิจัยของสถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล(MB) ได้คิดค้นและพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกเดงกี่

โดยเริ่มต้นได้รับการสนับสนุนจาก องค์การอนามัยโลก(WHO) และนานาประเทศ จนสามารถทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกี่ได้ถึง 4 สายพันธุ์ในเข็มเดียวกัน และสามารถฉีดในเด็กอายุต่ำกว่า 9 ปีได้

โดยทำให้ร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ยาวนานถึง 5 ปีจนล่าสุดมีบริษัทเอกชนมารับช่วงต่อไป โดยอยู่ระหว่างการทดสอบ และพัฒนาสู่การผลิตให้สามารถใช้ได้จริงอย่างปลอดภัยในวงกว้างทั่วโลก

แม้จะต้องรอคอยยาวนานเพียงใด ก็ไม่เท่าความภาคภูมิใจที่จะได้เห็นคนไทยในฐานะเจ้าของเทคโนโลยีที่จะสร้างประโยชน์ต่อไปสู่มวลมนุษยชาติ โดยที่คนไทยเองก็จะสามารถเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกเดงกี่ในงบประมาณสุขภาพที่จับต้องได้ด้วย

ความยั่งยืนของการพัฒนาวัคซีนอยู่ที่ความสามารถควบคุมไวรัสไข้เลือดออกเดงกี่ในพื้นที่ระบาดของโลก ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเขตร้อนชื้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะเป็นการมอบโอกาสให้เด็กวัย 1-9 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่น่าเป็นห่วงที่สุดได้มีโอกาสรอดชีวิต และเติบโตขึ้นเป็นพลเมืองซึ่งจะกลายเป็นความหวังของโลกแห่งอนาคตได้ต่อไป

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. นายแพทย์สุธี ยกส้าน ที่ปรึกษาศูนย์วิจัยและพัฒนาวัคซีน สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล(MB) มหาวิทยาลัยมหิดล คือผู้เป็นตำนาน ซึ่งเป็นเบื้องหลังของความสำเร็จในการคิดค้นและพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกเดงกี่ตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม จนสามารถป้องกันได้ถึง4 สายพันธุ์ในเข็มเดียวกันเช่นปัจจุบัน

ข้อมูลที่น่าสนใจซึ่งนำไปสู่การออกแบบเพื่อการพัฒนาวัคซีนได้อย่างตรงเป้าหมาย นอกจากพบว่าผู้ใหญ่ส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันโรคไข้เลือดออกเดงกี่กันบ้างแล้ว ในขณะที่เด็กยังคงน่าเป็นห่วงอยู่ นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ที่โดนยุงลายที่มีเชื้อไวรัสเดงกี่กัด ร้อยละ 80 ไม่มีอาการ ในขณะที่ร้อยละ 20 เท่านั้นที่มีอาการ

ซึ่งการตรวจภูมิคุ้มกันด้วยวิธีการโดยทั่วไปไม่สามารถใช้ยืนยันผลการติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกี่ได้ 100% จะต้องวิเคราะห์ด้วยวิธีทดสอบความสามารถในการลบล้างฤทธิ์ไวรัสหรือ neutralization test ซึ่งเป็นการตรวจพิเศษในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์การแพทย์เท่านั้น

นอกจากนี้ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. นายแพทย์สุธี ยกส้าน มองว่า เพียงการรณรงค์กำจัดลูกน้ำยุงลาย ไม่ให้เกิดการแพร่ขยายพันธุ์ของพาหะนำเชื้อโรคไข้เลือดออกเดงกี่และการรณรงค์ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันไม่ให้โดนยุงกัด(Mosquito Repellents) นั้นอาจไม่เพียงพอ จะต้องมีการผลักดันให้เกิดการเตรียมพร้อมสนับสนุนวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกเดงกี่ในเชิงนโยบายให้เกิดเป็นรูปธรรมอย่างจริงจังต่อไปด้วย

อาจารย์ ดร.พร้อมสิน มาศรีนวล หัวหน้าศูนย์วิจัยและพัฒนาวัคซีน สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล (MB) มหาวิทยาลัยมหิดล ได้กล่าวให้ความเชื่อมั่นทิ้งท้ายถึงบทบาทของศูนย์วิจัยและพัฒนาวัคซีนฯ ว่า พร้อมเป็นที่พึ่งให้กับคนไทยและมวลมนุษยชาติ ในการคิดค้น และพัฒนาวัคซีนที่จะเป็นต้นแบบเพื่อการป้องกันโรคในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นไข้เลือดออกเดงกี่ ไข้ซิกา ตลอดจนโรคไข้สมองอักเสบเจอี

โดยเชื่อมั่นว่าจากประสบการณ์ 4 ทศวรรษของศูนย์วิจัยและพัฒนาวัคซีน สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล (MB) มหาวิทยาลัยมหิดล ในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกเดงกี่จนประสบความสำเร็จ สามารถยับยั้งเชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกี่ได้ถึง 4 สายพันธุ์ในเข็มเดียวกัน

และอยู่ระหว่างการทดสอบทางคลินิกคู่ขนานกับการผลักดันสู่การผลิตในระดับอุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นบทเรียนสำคัญสู่การพัฒนาวัคซีนที่จำเป็นเร่งด่วนชนิดอื่นๆ ได้อย่างสมบูรณ์และเท่าทันได้ต่อไปในอนาคต

ติดตามข่าวสารที่น่าสนใจจากมหาวิทยาลัยมหิดลได้ที่www.mahidol.ac.th

สัมภาษณ์ และเขียนข่าวโดย ฐิติรัตน์ เดชพรหม นักประชาสัมพันธ์ (ชำนาญการ)

ออกแบบแบนเนอร์โดย วิไล กสิโสภา นักวิชาการสารสนเทศ

งานสื่อสารองค์กร กองบริหารงานทั่วไป สำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล โทร. 0-2849-6210


ข่าวนรัตถพล เจริญพันธุ์+โรคไข้เลือดออกวันนี้

"ไข้เลือดออกมือสอง" เมื่อไข้เลือดออกไม่ได้รุนแรงแค่คนป่วย แต่คนข้างกายก็ทรมานไม่แพ้กัน

เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูฝนชื่อของ "ไข้เลือดออก (Dengue Fever)" จะได้รับการพูดถึงมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นช่วงที่มีการระบาดของยุงลายที่เป็นพาหะสำคัญของโรคไข้เลือดออกนั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นโรคที่ใกล้ตัวคนไทยมากๆ สามารถเป็นได้ทุกเพศทุกวัย แม้แต่คนแข็งแรงก็เป็นได้ และพื้นที่ในประเทศไทยล้วนเป็นพื้นที่เสี่ยงไข้เลือดออก หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่าไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อไวรัสเดงกีซึ่งมีอยู่ด้วยกันถึง 4 สายพันธุ์ คือ DENV-1, DENV-2, DENV-3 และ DENV-4 มียุงลายตัวเมียเป็นพาหะนำโรค คนที่เคยเป็นแล้วสามารถเป็นซ้ำได้ ถ้าเคย

ความร่วมมือระหว่างสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย... พัฒนายาไข้เลือดออกนวัตกรรมใหม่ ราคาจับต้องได้ เพื่อผู้ป่วยในประเทศรายได้ต่ำและปานกลาง — ความร่วมมือระหว่างสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย และองค์กรองค์กรวิจัยทางก...

นางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ ผู้อำนวยการสำนักอนา... กทม. รุกเข้มมาตรการป้องกันไข้เลือดออก พร้อมพัฒนาระบบจัดการสาธารณสุขเขตเมือง — นางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวถึงความคืบหน้า...

แคลเซียมมีความสำคัญต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่... ม.มหิดลวิจัยพบปริมาณโซเดียมส่งผลต่อการสร้างมวลกระดูก และความดันเลือดสูง — แคลเซียมมีความสำคัญต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงตั้งครรภ์ ให้นมบุตร และผู้สูง...

"ไข้ซิกา" (Zika Fever) เป็นหนึ่งในโรคติดเ... ม.มหิดลคิดค้นวัคซีนป้องกันไข้ซิกาสายพันธุ์เอเชีย หวังต่อยอดผลิตพร้อมใช้ — "ไข้ซิกา" (Zika Fever) เป็นหนึ่งในโรคติดเชื้อจากยุงลายที่เคยทำให้ทุกคนไม่เคยลืมจ...

เมื่อโรคอุบัติใหม่ที่เกิดขึ้นถือเป็นความท... ม.มหิดล เร่งสร้างขุมพลังยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ — เมื่อโรคอุบัติใหม่ที่เกิดขึ้นถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งในการนำองค์ความรู้จากงานวิจัยและงา...

“ไทยซ่า”...นักวิทย์รุ่นใหม่หัวใจอาสา

ศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย สวทช. นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่รวมพลังอาสาจัดตั้งเครือข่ายในนาม “TYSA:ไทยซ่า” หวังใช้ความรู้ทำงานตอบแทนสังคม ตั้งเป้าถ่ายทอดประสบการณ์ความสำเร็จสู่นักวิทย์ฯรุ่นน้อง ยึดหลัก นักวิจัยต้อง"เก่งและดี" และที่สำคัญต้องสื่อสารวิทยาศาสตร์ในรูป...