ม.มหิดลคิดค้นวัคซีนป้องกันไข้ซิกาสายพันธุ์เอเชีย หวังต่อยอดผลิตพร้อมใช้

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

"ไข้ซิกา" (Zika Fever) เป็นหนึ่งในโรคติดเชื้อจากยุงลายที่เคยทำให้ทุกคนไม่เคยลืมจากเหตุการณ์ระบาดครั้งแรกของ"ไข้ซิกาสายพันธุ์เอเชีย" ในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2559 แม้จะเป็นโรคติดเชื้อที่ยังไม่มียาป้องกัน แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเห็นคนไทยผลิตวัคซีนใช้ได้เอง ทำให้เพียง 6 ปีต่อมาได้มีการคิดค้นและพัฒนา "วัคซีนป้องกันไข้ซิกา" ฝีมือคนไทยสำเร็จเป็นครั้งแรก โดยมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นที่พึ่งทางการแพทย์และสุขภาพของคนไทยเสมอมา

ม.มหิดลคิดค้นวัคซีนป้องกันไข้ซิกาสายพันธุ์เอเชีย หวังต่อยอดผลิตพร้อมใช้

ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์นรัตถพล เจริญพันธุ์ ผู้อำนวยการสถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล มหาวิทยาลัยมหิดลกล่าวว่า ผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อจากยุงลายที่มีเชื้อไวรัสไข้ซิกาอาจมีอาการไข้สูง เยื่อบุตาอักเสบผื่นขึ้นตามตัว อ่อนเพลียหากเป็นสตรีมีครรภ์อาจส่งผลให้คลอดบุตรออกมาผิดปรกติเช่น ศีรษะเล็ก สมองพิการ หรือมีการพัฒนาไม่สมบูรณ์ ม.มหิดลคิดค้นวัคซีนป้องกันไข้ซิกาสายพันธุ์เอเชีย หวังต่อยอดผลิตพร้อมใช้

ปัจจุบันไข้ซิกาที่พบในโลกนอกจากสายพันธุ์เอเชีย ซึ่งมักพบในประเทศในกลุ่มลาตินอเมริกา และประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว ยังมี "ไข้ซิกาสายพันธุ์แอฟริกา" ที่มักพบในประเทศในแถบทวีปแอฟริกา ด้วยประสบการณ์เชี่ยวชาญด้านการคิดค้นและพัฒนาวัคซีนกว่า 4 ทศวรรษทำให้มหาวิทยาลัยมหิดล โดย ศูนย์วิจัยและพัฒนาวัคซีนสถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล ได้ต่อยอดขยายผลจนสามารถคิดค้นและพัฒนาวัคซีนป้องกันไข้ซิกา ที่สามารถป้องกันได้ทั้งสายพันธุ์เอเชีย และสายพันธุ์แอฟริกา ในหลอดทดลองสำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก

ซึ่งในเชิงนโยบายต่อไปอาจผลักดันให้เป็นวัคซีนพื้นฐานสำหรับประชาชนฉีดป้องกันตั้งแต่ก่อนการตั้งครรภ์ ตลอดจนฉีดในเด็กหญิงวัย 10 - 12 ปี โดยอาจแบ่งเป็น 2 เข็ม เข็มแรกฉีดเพื่อสร้างภูมิต้านทาน และเข็มที่ 2 ฉีดเพื่อกระตุ้นในอีก 4 สัปดาห์ต่อมา

โดยจะเป็นการลงทุนทางสุขภาพที่คุ้มค่า เนื่องจากประสิทธิภาพของ "วัคซีนป้องกันไข้ซิกาสายพันธุ์เอเชีย" ที่มหาวิทยาลัยมหิดล โดย ศูนย์วิจัยและพัฒนาวัคซีน สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล คิดค้นและพัฒนาขึ้นนี้ หากฉีดครั้งแรกตั้งแต่อายุยังน้อย ก็อาจมีภูมิต้านทานโรคไปได้นานหลายสิบปี ซึ่งไวรัสไข้ซิกานอกจากติดต่อจากแม่สู่ลูกแล้ว ยังติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ วัคซีนป้องกันไข้ซิกาจึงจำเป็นสำหรับทุกคนทั้งหญิงและชาย

ดร.ณรงค์ นิทัศน์พัฒนา นักเทคนิคการแพทย์ (ผู้เชี่ยวชาญ) ศูนย์วิจัยและพัฒนาวัคซีน สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุลมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมคิดค้นและพัฒนา"วัคซีนป้องกันไข้ซิกาสายพันธุ์เอเชีย" กล่าวเพิ่มเติมให้ความเชื่อมั่นถึงวัคซีนที่คิดค้นและพัฒนาขึ้นดังกล่าวว่า ได้ผ่านการทดสอบทางห้องปฏิบัติการในสัตว์ทดลองแล้วพบว่ามีความปลอดภัยสูง

เนื่องจากเป็นวัคซีนเชื้อตายที่ผลิตภายใต้หลักการขององค์การอนามัยโลก โดยเป็นการนำเชื้อไวรัสมาทำให้ตายแล้วผ่านกระบวนการทำให้ปลอดภัยจากสิ่งเจือปนไม่พึงประสงค์ ก่อนฉีดเข้าไปในสัตว์ทดลอง

ในอนาคตอาจมีโรคอุบัติใหม่เกิดขึ้นอีกมากมาย การพัฒนาวัคซีนด้วยเทคโนโลยีเดียวกันนี้ให้สามารถใช้ป้องกันได้หลายโรคในเข็มเดียวจึงอาจเป็นทางเลือกที่ดีประสิทธิภาพซึ่งในส่วนของไข้ซิกา เกิดจากเชื้อไวรัสในตระกูลฟลาวิไวรัส(Flavivirus)

ดังนั้นในอนาคตอาจพัฒนาให้สามารถใช้ป้องกันไวรัสหลายชนิดในเข็มเดียวกัน นั่นคือป้องกันร่วมกับโรคที่เกิดจากไวรัสในตระกูลเดียวกันได้ เช่น ไข้สมองอักเสบเจอี (Japanese encephalitis : JE) และไวรัสเวสท์ไนล์ (West Nile virus : WNV)

ซึ่งการผลิตวัคซีนด้วยโรงงานที่ได้มาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practices) จนสามารถใช้ได้อย่างแพร่หลาย อาจต้องลงทุนงบประมาณเริ่มต้นหลายร้อยล้านบาทโดยก่อนอื่นจะต้องมีการผลิตในโรงงานกึ่งอุตสาหกรรม แล้วทดสอบความปลอดภัยระยะที่ 1 ในกลุ่มเล็ก ก่อนขยายสู่ระยะที่ 2 ในกลุ่มขนาดกลาง

เมื่อพบว่าวัคซีนมีความปลอดภัย ก็จะเข้าสู่กระบวนการผลิตในระดับอุตสาหกรรมที่ได้มาตรฐาน GMP โดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 4 ปี จากนั้นจะเข้าสู่การทดสอบระยะที่ 3 ในกลุ่มเป้าหมายขนาดใหญ่ต่อไป โดยหากพบว่าวัคซีนสามารถป้องกันโรคไข้ซิกาได้ดี ก็จะถึงเวลาที่จะนำวัคซีนไปฉีดให้แก่ประชาชนทั่วไป

มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมทำหน้าที่เป็น "ปัญญาของแผ่นดิน" เคียงข้างประชาชนชาวไทย เพื่อการเริ่มต้นที่ดีสู่การเป็นประเทศที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นจากศักยภาพในการคิดค้นและพัฒนาวัคซีนเพื่อพิชิตโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ "วัคซีนไข้ซิกาสายพันธุ์เอเชีย"

ซึ่งก่อนจะได้มีการผลักดันสู่การทดสอบจริงในมนุษย์ หนทางสู่การบรรลุความสำเร็จถึงระดับอุตสาหกรรมอาจไม่ได้จำกัดอยู่ที่การพัฒนาศักยภาพโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อผลิตเองแต่อาจเป็นการมอบสิทธิการผลิตและการดำเนินการเชิงพาณิชย์ (licensing) ให้แก่ โรงงานอุตสาหกรรมเอกชนที่ได้มาตรฐาน GMP เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงวัคซีนที่เชื่อมั่นได้ถึงปลอดภัยได้เร็วยิ่งขึ้น

ติดตามข่าวสารที่น่าสนใจจากมหาวิทยาลัยมหิดลได้ที่www.mahidol.ac.th

สัมภาษณ์ และเขียนข่าวโดย ฐิติรัตน์ เดชพรหม นักประชาสัมพันธ์ (ชำนาญการ) งานสื่อสารองค์กร กองบริหารงานทั่วไป สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โทร. 0-2849-6210

ภาพถ่ายโดย ยรรยงค์ คงมหาพฤกษ์ นักวิชาการโสตทัศนศึกษา สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล มหาวิทยาลัยมหิดล


ข่าวนรัตถพล เจริญพันธุ์+มหาวิทยาลัยมหิดลวันนี้

สำหรับนักเรียนทุน พสวท. ระดับมัธยมศึกษา ปีการศึกษา 2567

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) จัดค่ายวิทยาศาสตร์ภาคฤดูร้อนสำหรับนักเรียนทุน พสวท. ปีการศึกษา 2567 ในหัวข้อ "SEE THE SEA : ค้นหาทะเล ค้นหาตัวตน"ระหว่างวันที่ 28 เมษายน-3 พฤษภาคม 2568 ณ สิริน พลา รีสอร์ท แอนด์ เรสเทอร์รองท์ อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.ธีระเดช เจียรสุขสกุล ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เป็นประธานในพิธีเปิด รวมทั้งรองศาสตราจารย์ ดร.ประสิทธิ์ สุวรรณเลิศ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

มหาวิทยาลัยมหิดลได้มีนโยบายส่งเสริมการสร้... วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล มุ่งเป้าสู่การเป็น Zero Food Waste Business School — มหาวิทยาลัยมหิดลได้มีนโยบายส่งเสริมการสร้างความเป็นมหาวิทยาลัยเชิง...

แคลเซียมมีความสำคัญต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่... ม.มหิดลวิจัยพบปริมาณโซเดียมส่งผลต่อการสร้างมวลกระดูก และความดันเลือดสูง — แคลเซียมมีความสำคัญต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงตั้งครรภ์ ให้นมบุตร และผู้สูง...

เมื่อโรคอุบัติใหม่ที่เกิดขึ้นถือเป็นความท... ม.มหิดล เร่งสร้างขุมพลังยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ — เมื่อโรคอุบัติใหม่ที่เกิดขึ้นถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งในการนำองค์ความรู้จากงานวิจัยและงา...

ความมหัศจรรย์ของชีวิตมนุษย์ เกิดขึ้นตั้งแ... ม.มหิดล มอบความหวังประชากรโลก ช่วยกลุ่มเสี่ยงวัย 1-9 ปีรอดพ้นไวรัสไข้เลือดออกเดงกี่ — ความมหัศจรรย์ของชีวิตมนุษย์ เกิดขึ้นตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา จนคลอดออ...

“ไทยซ่า”...นักวิทย์รุ่นใหม่หัวใจอาสา

ศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย สวทช. นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่รวมพลังอาสาจัดตั้งเครือข่ายในนาม “TYSA:ไทยซ่า” หวังใช้ความรู้ทำงานตอบแทนสังคม ตั้งเป้าถ่ายทอดประสบการณ์ความสำเร็จสู่นักวิทย์ฯรุ่นน้อง ยึดหลัก นักวิจัยต้อง"เก่งและดี" และที่สำคัญต้องสื่อสารวิทยาศาสตร์ในรูป...