ธนาคารกรุงเทพ เชื่ออาเซียนฟื้นเศรษฐกิจสู่ "ภูมิภาคเติบโตเร็วสุดในโลก" ย้ำความสำคัญเรื่องจัดการน้ำมีประสิทธิภาพ หนุนเกษตร-อุตสาหกรรมฟื้นตัว

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

ธนาคารกรุงเทพ เชื่อมั่นเศรษฐกิจอาเซียนจะฟื้นตัวหลังโควิด-19 สู่การเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ย้ำระบบสาธารณูปโภคต้องดี ระบบจัดการน้ำต้องมีประสิทธิภาพ ชูบทบาทธนาคารเป็น "เพื่อนคู่คิด" ให้ลูกค้าและสังคม เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมสนับสนุนโครงการบรรเทาปัญหาภัยธรรมชาติ ผลักดันโครงการพัฒนาสิ่งแวดล้อม เกษตรก้าวหน้า-สินเชื่อสีเขียว-กรีนบอนด์

ธนาคารกรุงเทพ เชื่ออาเซียนฟื้นเศรษฐกิจสู่ "ภูมิภาคเติบโตเร็วสุดในโลก" ย้ำความสำคัญเรื่องจัดการน้ำมีประสิทธิภาพ หนุนเกษตร-อุตสาหกรรมฟื้นตัว

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวในการบรรยายเรื่อง "ความมั่นคงของทรัพยากรน้ำและระบบเศรษฐกิจ และบทบาทของธนาคารเกี่ยวกับเรื่องน้ำ" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมนานาชาติการบริหารจัดการน้ำ (Water and Waste Management International Conference & Expo Thailand: Water for Life) โดยกล่าวว่า ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่คลายตัวลง และทำให้สถานการณ์ต่าง ๆ เริ่มกลับสู่ภาวะปกติอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะส่งผลให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน จะสามารถฟื้นคืนกลับมาได้ใกล้เคียงหรือเติบโตได้ดีกว่าในช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ทั้งยังมั่นใจว่าการฟื้นตัวครั้งนี้จะทำให้อาเซียนกลับมาเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่เติบโตได้เร็วที่สุดในโลก ด้วยจำนวนประชากรกว่า 600 ล้านคน จึงเป็นทั้งแรงงานและตลาดการบริโภคขนาดใหญ่ รวมถึงการขยายตัวของเมืองที่สนับสนุนให้เกิดฐานการผลิตและห่วงโซ่อุปทานใหม่ ๆ จากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับโครงสร้างพื้นฐานทั้งถนน ทางรถไฟ และท่าเรือ ที่ช่วยเชื่อมต่อพื้นที่ต่าง ๆ เข้าด้วยกันก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตนี้

อย่างไรก็ตาม การขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจเหล่านั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีระบบสาธารณูปโภคที่ดีเข้ามาสนับสนุน โดยเฉพาะ "ระบบน้ำ" ที่มีประสิทธิภาพ เพียงพอ และเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างทั่วถึง ทั้งพื้นที่การเกษตร อุตสาหกรรม และพื้นที่อยู่อาศัย ซึ่งประเด็นนี้นับเป็นปัญหาสำหรับเกษตรกรทั่วอาเซียน ทั้งยังมีปัจจัยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทำให้สถานการณ์การจัดการน้ำเริ่มวิกฤติมากขึ้น รวมถึงภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง และพายุ ซึ่งเป็นโจทย์สำคัญที่ต้องร่วมมือกันทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเติบโตในอนาคต เนื่องจากภูมิภาคอาเซียนมีความเสี่ยงสูงทั้งในมิติด้านภูมิศาสตร์ และการพึ่งพาภาคการเกษตร

สำหรับธนาคารกรุงเทพ แม้จะเป็นธุรกิจสถาบันการเงิน จึงอาจจะไม่ได้อยู่ในภาคการผลิตโดยตรง แต่ด้วยวิถีการดำเนินธุรกิจนับตั้งแต่ก่อตั้งธนาคารในปี 2487 ธนาคารมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับการเกษตรและอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพราะธนาคารตระหนักดีว่า ภาคการผลิตเหล่านี้คือตัวขับเคลื่อนหลักสำหรับการพัฒนาการค้า ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับภูมิภาค ธนาคารกรุงเทพจึงเป็นธนาคารแห่งแรก ๆ ที่พัฒนาเครือข่ายสาขาและบริการระดับจังหวัดที่เข้มแข็ง เพื่อสนับสนุนความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ทั้งความท้าทายที่เกษตรกรเผชิญอยู่ ผลกระทบต่อความสามารถการผลิต การตลาดและการขายสินค้า เป็นต้น

"สำหรับธนาคาร ความร่วมมือกับท้องถิ่นเป็นเรื่องสำคัญและลงลึกไปมากกว่าเพียงการเข้าไปทำธุรกิจ แต่เรามองถึงการเป็น "เพื่อนคู่คิด" ที่ลูกค้าหรือชุมชนนั้น ๆ เชื่อถือและไว้วางใจเราได้ เพื่อจะร่วมกันสร้างเศรษฐกิจและสังคม ที่มีความเท่าเทียมและเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน"

นอกจากการมีเครือข่ายบริการทางการเงินที่เข้าถึงและเข้าใจลูกค้าแล้ว นายกอบศักดิ์ กล่าวอีกว่า ธนาคารกรุงเทพ ยังได้ร่วมสนับสนุนการบรรเทาปัญหาภัยแล้งมาอย่างต่อเนื่องกว่า 10 ปี โดยร่วมสนับสนุนมูลนิธิอุทกพัฒน์ เพื่อต่อสู้ภัยแล้งโดยช่วยเหลือชุมชนต่าง ๆ ใน 13 จังหวัด จัดหาน้ำกว่า 274,639 ลูกบาศก์เมตร ให้กับพื้นที่เกษตรกรรมมากกว่า 11,923 ไร่ หรือเท่ากับประชาชนราว 30,000 คน ในกว่า 10,000 ครัวเรือน ได้มีน้ำใช้เพียงพอตลอดทั้งปี และปีนี้โครงการจะขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับอีก 6 ชุมชน ใน 6 จังหวัด คือ พิษณุโลก พิจิตร บึงกาฬ บุรีรัมย์ ตราด และชุมพร ตลอดจนการส่งเสริมให้ชุมชนมีแนวทางจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถแบ่งปันประสบการณ์ให้แก่ชุมชนอื่น ๆ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาการจัดการน้ำในชุมชนได้อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ยังมีโครงการอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างการต่อยอดออกไปเพื่อสนับสนุนให้ชุมชนมีความเข้มแข็งมากขึ้นและเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นนโยบายการพัฒนาที่ธนาคารให้ความสำคัญมาก ทั้งการพัฒนาตลาดสำหรับผลิตผลทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์หัตถกรรม และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ที่ไม่เพียงแต่สนับสนุนชุมชนเท่านั้น แต่ยังสอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนของภาครัฐ หรือ Bio-Circular and Green Economy: BCG Economy) ใน 4 อุตสาหกรรมเป้าหมาย คือ การเกษตรและอาหาร การแพทย์และสุขภาพ พลังงานและวัสดุชีวภาพ และท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ขณะเดียวกันยังมีโครงการความร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) เพื่อคาดการณ์ความเสี่ยงเกี่ยวกับทรัพยากรและภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้น และนำไปสู่แนวทางป้องกันเพื่อเตรียมพร้อมรับมือในอนาคต

นายกอบศักดิ์ กล่าวอีกว่า กว่า 2 ทศวรรษแล้ว ที่ธนาคารกรุงเทพได้ริเริ่ม "โครงการเกษตรก้าวหน้า" เพื่อแนะนำลูกค้าในภาคเกษตรกรรมให้รู้จักและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสำหรับจัดการทรัพยากรได้ดียิ่งขึ้น เช่น น้ำและพลังงาน เช่นเดียวกับการให้บริการ "สินเชื่อสีเขียว" (Green Loans) เพื่อนำเงินทุนไปใช้พัฒนาและส่งเสริมสิ่งแวดล้อม เช่น การจัดการของเสียได้ดีขึ้น การอนุรักษ์น้ำ พลังงาน และทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ รวมถึงธนาคารกรุงเทพยังเป็นธนาคารชั้นนำที่ออกกรีนบอนด์ (Green Bond) ในตลาดทุนของไทยมากกว่าครึ่งหนึ่งของมูลค่ากรีนบอนด์ที่ออกในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ธนาคารยังร่วมสร้างสรรค์งานสัมมนา และการประชุมอบรมต่าง ๆ สำหรับลูกค้าธุรกิจและเอสเอ็มอี เพื่อช่วยให้พร้อมปรับตัวเข้ากับสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงแนวทางการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

"ธนาคารกรุงเทพมีความมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมเพื่อช่วยให้เกิดความมั่นคงและยังยืนในการจัดการน้ำและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของธนาคารที่ต้องการสนับสนุนให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน ไม่เพียงเฉพาะในประเทศไทย หากแต่ยังรวมถึงพื้นที่อื่น ๆ โดยเฉพาะในภูมิภาค เช่นในอินโดนีเซียที่เรามีบริษัทย่อยคือ ธนาคารเพอร์มาตา นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือและทำงานอย่างใกล้ชิดกับ MIT รวมถึงมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ตลอดจนองค์กรภาครัฐเพื่อนำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมมาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งยังแนะนำแบ่งปันความรู้เหล่านี้ให้กับลูกค้าและชุมชน ในฐานะ "เพื่อนคู่คิด" ของเราด้วยเช่นกัน" นายกอบศักดิ์ กล่าว

ในโอกาสนี้ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนการจัดการประชุมนานาชาติการบริหารจัดการน้ำ (Water and Waste Management International Conference & Expo Thailand: Water for Life) จัดโดย "โครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน ตามแนวพระราชดำริ" ที่และมูลนิธินโยบายสาธารณะไทย ที่ ในวันที่ 15-17 มิถุนายน 2565 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชัน กรุงเทพฯ


ข่าวกอบศักดิ์ ภูตระกูล+สินเชื่อสีเขียววันนี้

GCAP รับโล่เชิดชูเกียรติโครงการ "ทิ้ง ทู แทรช" (Ting To Trash) ชูจุดยืนสร้างวัฒนธรรมการแยกขยะ เพื่อขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างยั่งยืน

บริษัท จี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCAP ผู้ให้บริการสินเชื่อเครื่องจักรกลการเกษตร โดย นายนิธาน ชัยเนตร รองกรรมการผู้จัดการ (ซ้าย) เป็นผู้แทนเข้ารับโล่เชิดชูเกียรติ จากการเข้าร่วมและดำเนินโครงการ "ทิ้ง ทู แทรช" (Ting To Trash) จัดโดยสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย ร่วมกับ สำนักงาน ก.ล.ต. และ บริษัท คิดคิด จำกัด โดยมี ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล อุปนายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย (ขวา) ให้เกียรติเป็นผู้มอบโล่เชิดชูเกียรติ ณ ห้องประชุม สำนักงาน ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา จี แคปปิตอล ใช้

นายกิตติ วชิรจิรากร (ซ้าย) รองกรรมการผู้อ... PLUS คว้าโล่ชื่นชมบจ.ต้นแบบ ร่วมโครงการ "ทิ้ง ทู แทรช" เดินหน้าสร้างองค์กรสีเขียวจากภายใน — นายกิตติ วชิรจิรากร (ซ้าย) รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานปฏิบัติก...

นายชูรัช รุ่งทวีวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริ... BC คว้ารางวัล "ทิ้งทูแทรช" (Ting To Trash)" ตอกย้ำบทบาทผู้นำองค์กรต้นแบบ ESG — นายชูรัช รุ่งทวีวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท บูทิ...

ธนาคารกรุงเทพ ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผล... ธนาคารกรุงเทพ ประกาศจ่ายเงินปันผล หุ้นละ 8.50 บาท สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2567 — ธนาคารกรุงเทพ ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2567 สำห...

นางสาวมัลลิกา บุระขันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบร... ข้าวมาบุญครอง ผสานกำลังพันธมิตร เดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบอุกทกภัยอย่างต่อเนื่อง — นางสาวมัลลิกา บุระขันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการตลาด บริษัท พี อาร์ จี ค...