อินโนเวสท์ เอกซ์ มองว่าปี 2023 เป็นปีที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลพวงจากการเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยในตลาดพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐและยุโรปนั้นเพิ่มสูงขึ้น เราคาดการณ์ว่ามีความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐจะลดดอกเบี้ยในปี 2023 หลังจากอุปสงค์มีแนวโน้มหดตัว ทำให้ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง ซึ่งจะส่งผลดีกับตลาดเกิดใหม่อย่างเช่นตลาดหุ้นไทย ที่คาดว่าจะได้รับอานิสงค์จากกระแสเงินไหลเข้า นอกจากนั้นเศรษฐกิจไทยยังอยู่บนภาพของการฟื้นตัวจากการบริโภคภายในประเทศโดยมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นปัจจัยหนุน รวมถึงความคาดหวังเชิงบวกต่อการเปิดประเทศของจีนในช่วงของไตรมาสที่ 2 ปี 2023 ดังนั้นอินโนเวสท์ เอกซ์ มีมุมมองอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจและแนวโน้มกำไรในปี 2023 รวมถึงความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเงินที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น แนะลงทุนหุ้นเด่นไตรมาสแรกปี 2023 ที่เน้นไปยังหุ้นที่ได้อานิสงค์จากการเปิดประเทศของจีนและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเป็นหลัก ได้แก่ AOT BBL BCP CPALL และ MINT
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า ในช่วงเปลี่ยนผ่านของปี 2023 เศรษฐกิจโลกจะมีลักษณะ 3 ประการ ประการแรก การเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้การเติบโตของเศรษฐกิจระหว่างตลาดพัฒนาแล้ว (DM) กับตลาดเกิดใหม่ (EM) จะแตกต่างกัน โดย DM มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะ stagflation อย่างรุนแรง หรืออย่างน้อยที่สุดจะเกิดภาวะถดถอยอย่างอ่อนๆ ในขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจ EM จะชะลอตัวลง แต่มีโอกาสเกิดภาวะถดถอยรุนแรงน้อยกว่า ประการที่สอง อัตราเงินเฟ้อเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐฯ และเศรษฐกิจ EM หลายประเทศ ได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วและมีแนวโน้มชะลอตัวลง ในปี 2023 อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกจะลดลงจากฐานสูงและอุปสงค์ทั่วโลกที่ลดลงอันเนื่องมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ประการที่สาม อัตราดอกเบี้ยนโยบายเชื่อว่าดอกเบี้ยสูงเกินไปเพื่อให้ครอบคลุมอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง ในขณะที่ประเทศในฝั่งเอเชีย รวมถึงไทยจะยังปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ดังนั้นเราประเมิน SET Index ปี 2023 ที่อิงกับปัจจัยพื้นฐานอยู่ที่ 1,750 จุด จุดเข้าซื้อที่สำคัญอยู่ที่ 1,500-1,600 จุด ซึ่งคาดว่าจะเห็นใน 1Q23
สำหรับการกลับมาเปิดประเทศของจีนคาดว่าจีนจะกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งใน 2Q23 มองว่าตลาดจะตอบรับเชิงบวกต่อการผ่อนคลายนโยบายของจีน เนื่องจากการท่องเที่ยวจากจีนเป็นรายได้จากการท่องเที่ยวของประเทศไทยและจะช่วยกระตุ้นให้เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าสุทธิ หากมองยูโรโซนจะเข้าสู่ภาวะ Stagflation ในปี 2023 กิจกรรมทางเศรษฐกิจจะหดตัวลงในปี 2023 โดยมีสาเหตุมาจากวิกฤตพลังงานที่ดำเนินอยู่และนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าเป้าหมายทั้งในปี 2022 และปี 2023 แรงกดดันเงินเฟ้อในยูโรโซนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่เคยคาด ส่วนภาพเศรษฐกิจไทยในปี 2023 เชื่อจะชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปี 2022 โดยมีการชะลอตัวลงของการส่งออก การลงทุน และการใช้จ่ายภาครัฐ เป็นแรงกดดันหลักแต่อย่างไรก็ดีภาคการท่องเที่ยว ภาคบริการ และการบริโภคในประเทศจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเศรษฐกิจไทยจะเติบโตเร็วที่สุดในไตรมาสที่ 1 โดย GDP จะเติบโตประมาณ 4% และจะชะลอตัวลงอีกในช่วงครึ่งปีหลัง โดยจะเติบโตเกือบ 2% ในไตรมาสที่ 4 จากสาเหตุหลัก 3 ประการ คือ ประการแรก เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังซึ่งจะส่งผลทำให้การส่งออกปรับตัวลดลง ประการที่สอง ในขณะที่การบริโภคภาคเอกชนจะเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจ แต่แรงขับเคลื่อนอื่นๆ เช่น การลงทุนภาคเอกชน และการใช้จ่ายภาครัฐ ทั้งการบริโภคและการลงทุนจะอ่อนแรง โดยมีสาเหตุมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและการเบิกจ่ายที่ชะลอตัวของโครงการภาครัฐ และ ประการสุดท้าย เชื่อว่าภาคการท่องเที่ยวจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจเติบโต โดยที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยราว 21-25 ล้านคน ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางระยะใกล้ (short-haul) มากกว่าระยะไกล (long-haul) ซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับประเทศน้อยกว่า
กลยุทธ์การลงทุนในแรงกดดันสำหรับภาวะทางการเงินที่เข้มงวดต่อเนื่องใน 1Q23 ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ความเสี่ยงที่กำไรจะชะลอตัวลงและความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเงินปรับตัวเพิ่มขึ้นทั่วโลก ดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจแสดงสัญญาณชะลอตัวลงต่อเนื่อง ทั้งนี้เมื่อพิจารณาจากความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมกับการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงมากขึ้น เราจะเห็นเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะทำจุดสูงสุด เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงถึงจุดต่ำสุดอย่างเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นภายในปลาย 1Q23 ถึงต้น 2Q23 ดังนั้น เราเล็งเห็นโอกาสในการเพิ่มสถานะโดยเฉพาะกับการเปิดประเทศของจีนและ อุปสงค์ในประเทศที่แข็งแกร่ง แนะนำหุ้นที่มีงบดุลและกระแสเงินสดที่ดี ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศของจีน กำไรมีแนวโน้มเติบโตและฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มเติบโตสูงอย่างชัดเจน โดยหุ้นเด่นใน 1Q23 คือ AOT BBL BCP CPALL และ MINT
สรุปประเด็นการลงทุนของหุ้นรายตัว
SCB WEALTH จัดงานเสวนาออนไลน์ ผ่านทาง SCB WEALTH Line official ในหัวข้อ "ทิศทางเศรษฐกิจ ดอกเบี้ย ค่าเงิน และตลาดหุ้นไทย หลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน" โดยการผนึกกำลังกันของหน่วยงาน SCB EIC, SCB Finance Market, SCB CIO และ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ ให้แก่ลูกค้า SCB WEALTH และนักลงทุนทั่วไป เพื่อวิเคราะห์ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ให้ลูกค้าได้รับทราบอย่างทันท่วงทีภายหลังการประกาศผลการประชุมลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% มาอยู่ที่ 1.75%ต่อปี พร้อมให้คำแนะนำการลงทุนเพื่อ
InnovestX อัปเกรดแอป ส่งฟีเจอร์ใหม่ให้ตัดสินใจลงทุนแม่นยำในทุกจังหวะ ผนึกกำลัง Nasdaq และ TradingView
—
InnovestX อัปเกรดแอป ส่งฟีเจอร์ใหม่ให้ตัดสินใจลงทุ...
บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ แต่งตั้ง เอกาญ ปัญญาคำเลิศ ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ นำทัพองค์กรสู่ผู้นำด้านการลงทุนครบวงจรทัดเทียมระดับโลก
—
บริษัทหลักท...
'บมจ.โรงพยาบาลนครธน' แต่งตั้ง Underwriters เตรียมเสนอขายหุ้น IPO
—
รองศาสตราจารย์ ญาณเดช ทองสิมา (กลาง) ประธานกรรมการบริษัท บริษัท โรงพยาบาลนครธน จำกัด (ม...
'บมจ.โรงพยาบาลนครธน' จัดโรดโชว์นักลงทุนรายย่อย ผ่านระบบออนไลน์ 29 พ.ย.นี้
—
เป็นหนึ่งในหุ้น IPO ที่จะได้รับปัจจัยบวกจากเทรนด์การใส่ใจดูแลรักษาสุขภาพเละแนว...
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ขนทัพกูรูเสริมแกร่งกลยุทธ์ลงทุนหุ้นต่างประเทศ
—
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ขนทัพกูรูเสริมแกร่งกลยุทธ์ลงทุนหุ้นต่างประเทศ เปิดสัมมนาออนไลน์ "I...
บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ ยกเครื่องแพลตฟอร์ม InnovestX กำเนิดจักรวาลใหม่แห่งการลงทุน
—
บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ ยกเครื่องแพลตฟอร์ม InnovestX กำเนิดจักรวาลใหม่แห่งก...