อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ จับมือภาคอุตสาหกรรม วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เส้นพาสตาปราศจากกลูเตน สูตรโปรตีนสูง เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพและแพ้โปรตีนกลูเตน
สำหรับผู้ที่ชอบกินเส้นทั้งหลาย พาสตาเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์เส้นที่ได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากตัวเส้นที่มีความหนึบแต่นุ่ม ทานอร่อย แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะกินเส้นพาสตาได้อย่างสบายใจ เนื่องจากการแพ้กลูเตน - โปรตีนชนิดหลักในผลิตภัณฑ์จากแป้งข้าวสาลี ซึ่งรวมถึงเส้นพาสตาทั่วไป
"การสำรวจข้อมูลจากหลายแห่งทั่วโลก พบว่ามีผู้บริโภคจำนวนหนึ่งที่แพ้กลูเตน ผู้บริโภคกลุ่มนี้ไม่สามารถบริโภคอาหารที่มีกลูเตนเป็นส่วนประกอบได้เลย หากรับประทานเข้าไป จะเกิดอาการผิดปกติในร่างกายหลายระบบ เช่น ระบบทางเดินอาหาร ทำให้ลำไส้เล็กเกิดความผิดปกติ ส่งผลให้การย่อยและดูดซึมอาหารเกิดได้น้อยลง ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เราจึงอยากพัฒนาผลิตภัณฑ์พาสตาที่ปราศจากกลูเตน เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มนี้ รวมไปถึงผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพทั่วไปด้วย" รองศาสตราจารย์ ดร.ขนิษฐา ธนานุวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีทางอาหาร คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวหน้าโครงการวิจัย กล่าวถึงที่มาของการวิจัยและพัฒนาเส้นพาสตาปราศจากกลูเตน สูตรโปรตีนสูง ซึ่งทำจากถั่วเขียว
พาสตาปราศจากกลูเตน ลงตัวที่ถั่วเขียว
แม้ในท้องตลาดจะมีผลิตภัณฑ์เส้นพาสตาปราศจากลูเตนวางจำหน่ายอยู่แล้ว แต่ รศ.ดร.ขนิษฐา ชี้ว่าส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นทำมาจากแป้งข้าวเจ้า ซึ่งทำให้เส้นพาสตาไม่นุ่มหนึบน่ารับประทานอย่างที่ควรจะเป็น นอกจากนี้ ยังมีปริมาณโปรตีนต่ำกว่าเส้นพาสตาที่ทำจากแป้งข้าวสาลีด้วย
ในปัจจุบัน มีแนวทางการปรับปรุงคุณภาพเส้นพาสตาจากแป้งข้าวเจ้าโดยใช้ส่วนผสมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเสริมโปรตีนจากสัตว์ เช่น โปรตีนไข่ขาว เวย์โปรตีน หรือโปรตีนจากพืช เช่น ถั่วเหลือง เพื่อเพิ่มปริมาณโปรตีนในพาสตา หรือการใช้ไฮโดรคอลลอยด์ชนิดต่างๆ เพื่อปรับปรุงเนื้อสัมผัสของเส้นและคุณภาพในการหุงต้ม แต่ส่วนผสมดังกล่าวอาจต้องนำเข้าจากต่างประเทศหรือมีราคาค่อนข้างสูง
"ถั่วเขียว จัดเป็นส่วนผสมทางเลือกที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและโดดเด่นในการช่วยเสริมโปรตีนให้กับพาสตา และยังช่วยเรื่องเนื้อสัมผัสและคุณภาพการหุงต้มให้กับพาสตาเมื่อนำไปประกอบอาหารด้วย นอกจากนี้ยังซื้อหาได้ง่ายในประเทศอีกด้วย" รศ.ดร.ขนิษฐา กล่าว
ในการพัฒนาสูตรพาสตา ทีมวิจัยใช้แผนการทดลองทางวิทยาศาสตร์และสถิติเพื่อคิดค้นสูตรที่เหมาะสมในการผลิตเส้นพาสตาปราศจากกลูเตน โดยมีวัตถุดิบหลัก ได้แก่ แป้งข้าวเจ้า แป้งถั่วเขียว และโปรตีนถั่วเขียวเข้มข้น และสร้างสูตรเบื้องต้นของพาสตา 4 สูตร ที่มีโปรตีนร้อยละ 17- 24 ซึ่งสูงกว่าโปรตีนในพาสตาที่ผลิตจากแป้งสาลี ที่มีโปรตีนแค่ร้อยละ14 เท่านั้น
"หลังจากผสมแป้งพาสตาตามสูตรแล้ว เราก็นำแป้งไปขึ้นรูปเป็นเส้นพาสตาชนิดสปาเกตตี ด้วยเครื่องเอ็กซ์ทรูเดอร์ภายใต้กระบวนการเอ็กซ์ทรูชันที่อาศัยความร้อน แรงเฉือน และความดันสูง จากนั้นก็นำเส้นที่ได้ไปทำแห้งจนมีความชื้นสุดท้ายไม่เกินร้อยละ 12" รศ.ดร.ขนิษฐา เล่ากระบวนการผลิต
เส้นพาสตาที่ผ่านกระบวนการผลิตแล้วจะต้องได้รับการตรวจสอบเพื่อวัดคุณสมบัติสำคัญต่าง ๆ อาทิ ประเมินคุณภาพในการหุงต้ม วัดเนื้อสัมผัสเส้นของพาสตาสุกโดยใช้เครื่องวัดเนื้อสัมผัส และที่สำคัญคือการทดสอบการยอมรับของผู้บริโภคด้วยการชิมตัวอย่างเส้นพาสตาปรุงสุก
ผู้บริโภคถูกใจ พาสตาปราศจากกลูเตน สูตรจากจุฬาฯ
รศ.ดร.ขนิษฐา กล่าวว่าเส้นพาสตาปราศจากกลูเตนสูตรที่ประกอบด้วยโปรตีนร้อยละ 20 ซึ่งเป็นสูตรที่ดีที่สุด ได้รับคะแนนความชอบด้านลักษณะปรากฏ กลิ่นรส เนื้อสัมผัสของเส้นเมื่อทานคู่กับซอส และคะแนนความชอบโดยรวมไม่แตกต่างจากพาสตาที่ทำจากแป้งข้าวสาลี แต่มีโปรตีนสูงกว่าพาสตาแป้งข้าวสาลี เส้นพาสตาปราศจากกลูเตนสูตรที่ดีที่สุดที่พัฒนาได้นี้ จึงมีทั้งความอร่อยและประโยชน์ต่อสุขภาพ
นอกจากจะตอบโจทย์ด้านสุขภาพแล้ว รศ.ดร.ขนิษฐา กล่าวว่าผลิตภัณฑ์พาสต้าปราศจากกลูเตน ยังมีส่วนช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจให้เกษตรกรด้วย เนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตเส้นพาสตาเป็นวัตถุดิบที่ปลูกได้ในประเทศ จึงเป็นการช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรไทย และลดรายจ่ายของประเทศในการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ
งานวิจัยขึ้นห้าง ด้วยความร่วมมือกับภาคธุรกิจ
ทีมผู้วิจัยได้ส่งมอบงานวิจัยผลิตภัณฑ์พาสตาปราศจากกลูเตน สูตรโปรตีนสูง ให้กับบริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) ผู้สนับสนุนทุนวิจัยเรียบร้อยแล้ว
"การทำงานวิจัยร่วมกับภาคเอกชนมีข้อดีตรงที่ทำให้งานวิจัยของเราได้มีโอกาสออกจากหิ้งไปสู่ห้าง เนื่องจากการได้รับโจทย์วิจัยที่ชัดเจน ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรมได้โดยตรง นอกจากนี้ทางบริษัทเอกชนที่ให้ทุนสนับสนุนก็ยังให้ความอนุเคราะห์เครื่องเอ็กซ์ทรูเดอร์ เพื่อขึ้นรูปพาสตาในงานวิจัยอีกด้วย" รศ.ดร.ขนิษฐา เผย พร้อมกล่าวทิ้งท้ายถึงโครงการวิจัยในอนาคตว่ายังคงเดินหน้าร่วมมือกับภาคเอกชนในการพัฒนาปรับปรุงกระบวนการผลิตโปรตีนเข้มข้นจากพืช และนำโปรตีนเข้มข้นดังกล่าวไปใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องดื่มโปรตีนทางเลือก เพื่อให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์จากโปรตีนทางเลือกเพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคน
"มะลิลา" มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Jasminum sambac Ait. มีถิ่นกำเนิดในประเทศแถบเอเชีย เช่น อินเดีย คาบสมุทรอาระเบีย มีลักษณะทั่วไป เป็นไม้พุ่มรอเลื้อยขนาดเล็ก สูงประมาณ 1 3 เมตร จะออกดอกตลอดปี (ออกดอกน้อยช่วงฤดูหนาว) ดอกจะหอมมากในช่วงเช้าและเย็น) ขยายพันธุ์โดยการปักชำ (กิ่งยอด) การตอน (กิ่งขนาดใหญ่) การทับกิ่ง (บริเวณที่มีข้อปล้อง) ด้วยจุดเด่นของมะลิลาที่ออกดอกบ่อย (ในช่วงที่มีอากาศหนาวเย็นจะออกดอกน้อย) ดอกมีกลิ่นหอมแรง และทยอยออกดอกสม่ำเสมอ อีกทั้งต้นพันธุ์มีราคาถูก ปลูกและดูแลรักษาง่ายกว่าพันธุ์
ธนาคารกรุงไทย ร่วมฉลองครบรอบ 150 ปี กระทรวงการคลัง เคียงข้างไทยในทุกก้าวสำคัญ
—
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้เกียร...
การท่าเรือฯ หนุนผู้นำชุมชนคลองเตย ศึกษาดูงานด้านสมุนไพร "ภูมิภูเบศร" สร้างต้นแบบเศรษฐกิจชุมชนยั่งยืน
—
เมื่อวันที่ 29 เมษายน ที่ผ่านมา การท่าเรือแห่งประเท...
SNPS จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวอนุมัติจ่ายปันผล 0.13 บาทต่อหุ้น
—
นายสุรพิทย์ กีรติบุตร ประธานกรรมการบริษัท รศ.ดร.พรรณวิภา กฤษ...
กรุงไทยออกเงินฝากออมทรัพย์พิเศษ "SMART Account" สำหรับลูกค้าธุรกิจ ดอกเบี้ยสูงสุด 0.9% ต่อปี
—
ธนาคารกรุงไทย ในฐานะธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศ มุ่งมั่นพั...
ผลิตภัณฑ์ ไลอ้อน ประเทศไทย คว้ารางวัลระดับนานาชาติ จากเวที International Exhibition of Inventions Geneva ย้ำความมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมอย่างยั่งยืน
—
ไลอ้อน (ประ...
กรุงไทยจับมือบีซีพีจี ประกาศความสำเร็จทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ยเชื่อมโยงกับI-REC ครั้งแรกในไทย
—
ธนาคารกรุงไทย ผนึก บีซีพีจี ประกาศความร่วมม...
บีซีพีจี จับมือกรุงไทยประกาศความสำเร็จทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ยเชื่อมโยงกับ I-REC ครั้งแรกในไทย
—
บีซีพีจี ผนึกธนาคารกรุงไทย ประกาศความร่วมม...
เอสไอจีจับมืออำพลฟูดส์ เปิดตัวนวัตกรรมขวดกระดาษครั้งแรกของไทย
—
อำพลฟูดส์ (Ampol Food) ผู้นำนวัตกรรมในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม เลือกใช้ขวดกระด...