ออราเคิล เปิดให้ใช้บริการ MySQL HeatWave บนแพลตฟอร์ม Amazon Web Services (AWS) โดย MySQL HeatWave เป็นบริการเดียวที่รวบรวมฟีเจอร์การประมวลผลธุรกรรมออนไลน์ (OLTP) การสร้างบทวิเคราะห์ ฟังก์ชั่นการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) และระบบอัตโนมัติบนพื้นฐานการเรียนรู้ของเครื่องทั้งหมดไว้ในฐานข้อมูล MySQL ที่เดียว ทำให้ในวันนี้ ผู้ใช้แพลตฟอร์ม AWS สามารถประมวลผลธุรกรรม ดูบทวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ และใช้ฟังก์ชั่นการเรียนรู้ของเครื่องได้ในบริการเดียว โดยไม่ต้องเสียเวลาทำซ้ำขั้นตอน ETL (Extract-Transform-Load) จากฐานข้อมูลคนละแห่ง เช่น ต้องใช้ Amazon Aurora เพื่อประมวลผลธุรกรรม จากนั้นใช้ Amazon Redshift หรือ Snowflake บน AWS เพื่อสร้างบทวิเคราะห์ และยังต้องใช้ SageMaker สำหรับฟังก์ชั่นการเรียนรู้ของเครื่อง ทำให้บริการ MySQL HeatWave บน AWS ช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็ว ประหยัดทั้งเวลาและต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น ประเทศไทย กล่าวว่า "การเปิดให้ใช้บริการ MySQL HeatWave ของออราเคิลบนแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Amazon Web Services ถือเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับบริการและยกระดับประสิทธิภาพการทำงานครั้งสำคัญให้แก่ลูกค้าในเมืองไทย วันนี้ ลูกค้า AWS สามารถใช้ประโยชน์จากแอปพลิเคชันบนฐานข้อมูลในคลาวด์ได้อย่างเต็มที่ โดยไม่จำเป็นต้องย้ายข้อมูลไปประมวลผลหรือทำการวิเคราะห์นอกฐานข้อมูลของตัวเอง อีกทั้ง MySQL HeatWave บน AWS ยังทำงานได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และส่งมอบเนื้องานได้มากกว่าบริการของแพลตฟอร์มอื่น ๆ หลายสิบเท่า โดยการนำเสนอบริการนี้สอดคล้องตามแนวทางการพัฒนานวัตกรรมของออราเคิล ที่มุ่งมั่นนำเสนอให้แก่ลูกค้าและพันธมิตรในเมืองไทยมาอย่างต่อเนื่องและตลอดไป"
เอนิช คูมาร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ 6D Technologies ผู้ให้บริการโซลูชันไฮเทคในธุรกิจโทรคมนาคมของอินเดียที่มีลูกค้ามากกว่า 80 ประเทศ กล่าวว่า "บริการ MySQL HeatWave บน AWS ทำรายการข้อมูลที่ซับซ้อนได้เร็วกว่า Amazon RDS และ Aurora ถึง 139 เท่า ซึ่งมอบโอกาสสำคัญให้เราสามารถปรับโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลให้เรียบง่ายได้ทั้งส่วน OLTP และ OLAP ด้วยความหน่วงสัญญาณที่ต่ำกว่าหลักวินาที นอกจากนี้ เว็บคอนโซลยังตั้งค่าได้ง่ายและสามารถตรวจดูเมตริกประสิทธิภาพการทำงาน พร้อมการรายงานผลแบบอินเตอร์แอ็กทีฟที่รวดเร็ว ทำให้ MySQL HeatWave เหมาะอย่างยิ่งสำหรับบริการแบบไมโครเซอร์วิสของเรา และเสริมการใช้งานคลาวด์เพื่อมอบประสบการณ์และประสิทธิภาพที่เหนือล้ำแก่ลูกค้าของเรา"
ออราเคิลยังนำเสนอข้อมูลขีดความสามารถและเกณฑ์วัดประสิทธิภาพด้านต่าง ๆ ของบริการ MySQL HeatWave บน AWS ซึ่งได้แก่
เตรียมพร้อมสำหรับระบบคลาวด์แบบกระจายศูนย์
ปัจจุบัน บริการ MySQL HeatWave เปิดให้บริการในคลาวด์หลากหลายแพลตฟอร์ม ซึ่งจะรวมถึง OCI, AWS, และ Microsoft Azure ในอนาคตอันใกล้ ทั้งยังเปิดบริการให้ใช้ในระบบที่ใช้เฉพาะในบริษัท โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Oracle Dedicated Region Cloud@Customer สำหรับองค์กรต่าง ๆ ที่ไม่สามารถย้ายภาระงานของฐานข้อมูลเข้าสู่ระบบคลาวด์สาธารณะได้ ลูกค้าก็สามารถคัดลอกข้อมูลจากแอปพลิเคชัน MySQL OLTP จากระบบในบริษัทมาไว้ใน MySQL HeatWave บน AWS หรือ OCI ได้ เพื่อรับการวิเคราะห์ได้ใกล้เคียงกับเวลาแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ บริการ MySQL HeatWave จะทำงานด้วยฐานข้อมูล MySQL เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดอยู่เสมอ ซึ่งมีผู้ให้บริการ MySQL เพียงไม่กี่รายที่สามารถทำได้ในระดับนี้
"แม้แพลตฟอร์ม AWS จะมอบบริการฐานข้อมูลบนคลาวด์มากมายที่เหมาะสมกับข้อมูลและขีดความสามารถเฉพาะแบบ แต่ MySQL HeatWave บน AWS ทำงานด้วยกลยุทธ์ฐานข้อมูลแบบบูรณาการของออราเคิลที่มอบความสามารถทั้งการทำธุรกรรม การสร้างบทวิเคราะห์ การเรียนรู้ของเครื่อง และระบบอัตโนมัติ Autopilot ได้ทั้งหมดในหนึ่งเดียว สำหรับผู้ใช้งาน AWS สิ่งนี้หมายถึงการได้รับบริการเสริมที่ไม่มีการคิดเงินเพิ่ม พื้นที่จัดเก็บข้อมูลเพิ่มพิเศษ ไม่มีค่าธรรมเนียมการย้ายข้อมูล ตัวเชื่อมต่อระบบ และอีกมากมาย สำหรับทีมงานฝ่ายไอทีและนักพัฒนาที่วิตกกังวลเรื่องต้นทุน บริการ MySQL HeatWave บน AWS จะทำให้คุณเป็นเจ้าของระบบที่ไม่ต้องใช้เงินทุนในการซื้อบริการเสริมบน AWS และไม่มีค่าธรรมเนียมการย้ายข้อมูล" มาร์ค สไตเมอร์ นักวิเคราะห์อาวุโส Wikibon กล่าว "ราวกับยูเซน โบลต์ ทิ้งห่างคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่นและสร้างสถิติโลกใหม่ที่ยังไม่มีใครทำลายได้จนบัดนี้ ผลการวัดเกณฑ์ด้านประสิทธิภาพต้นทุนล่าสุดของเราแสดงให้เห็นว่าบริการ MySQL HeatWave บน AWS ทำงานดีกว่า Amazon Redshift ถึง 7 เท่า ซึ่งถ้าคุณกำลังแสวงหาผลกำไร ก็คงเลือกได้ไม่ยาก"
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
รายการเกณฑ์มาตรฐานนำข้อมูลมาจากเกณฑ์ TPC ทว่าผลลัพธ์ไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบได้กับผลลัพธ์เกณฑ์ TPC ที่ถูกตีพิมพ์ เนื่องจากไม่สอดคล้องตามข้อกำหนด TPC
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น สำหรับการบริหารจัดการพลังงานและระบบอัตโนมัติ ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญ ร่วมกับมูลนิธิชไนเดอร์ อิเล็คทริค และมูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย ในการพัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้ "Conserve my Planet" โดยมุ่งเน้นเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบการศึกษาไทย เพื่อสนับสนุนให้ครูสามารถบูรณาการการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM) ควบคู่กับความรู้ด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงาน เพื่อเตรียมความพร้อมให้เยาวชนไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน
อุทยานเทคโนโลยี มจพ. ชวนน้องเข้าร่วม RTCI Open House 2025
—
อุทยานเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ขอเชิญน้อง ๆ เข้าร่วมงาน RTC...
มินซอฟต์แวร์ เปิดตัว 2 โปรแกรมใหม่ Gemlogin และ Gemphonefarm ตัวช่วยสำคัญทำตลาดดิจิทัลและอีคอมเมิร์ชยุคใหม่
—
มัดรวมฟีเจอร์ป้องกันการตรวจจับ พร้อมความสามา...
อัปเดตเทคโนโลยีเครื่องกลึงซีเอ็นซีและเครื่องแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์ จากเวที CIMT 2025 เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทย กับกรุ๊ป วิศวภัณฑ์
—
เมื่อวันที่ 21-26 เมษายน ...
แคนนอนจัดสัมมนาใหญ่ "THINK BIG" ชูเทรนด์ดิจิทัลและโซลูชันอัจฉริยะ หนุนองค์กรเติบโตยั่งยืน
—
บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด จัดงานสัมมนาครั้งส...
แคนนอนจัดสัมมนาใหญ่ "THINK BIG"ชูเทรนด์ดิจิทัลและโซลูชันอัจฉริยะ หนุนองค์กรเติบโตยั่งยืน
—
บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัดจัดงานสัมมนาครั้งสำค...
สสวท. อบรมครูวิทย์และเทคโนโลยี 4 ภาค สมัครได้ถึง 3 พฤษภาคมนี้
—
"การใช้สื่อชุดกิจกรรม IPST SMART BOX สร้างผลงานโดยไม่เขียนโปรแกรม" สถาบันส่งเสริมการสอนวิท...
คณะวิศวฯ มจพ. จับมือ สมาคมการจัดการระบบคลังสินค้าไทย อบรมนักวิเคราะห์ระบบอัตโนมัติ SA ในโครงการบัณฑิตพันธุ์ใหม่ พ.ศ 2568
—
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเท...
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค แนะ 7 วิธี เช็กระบบไฟฟ้า เพิ่มความปลอดภัย รับมือหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์
—
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ในการจัดก...