TEGH กางแผนปี 66 รายได้เติบโตกว่า 10% คาด "โปรเจคขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ" เฟส 1 เดินเครื่องใน Q2/66 ปักหมุดก้าวสู่ Carbon Neutrality ในปี 2573

03 Apr 2023

บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ TEGH กางแผนธุรกิจในปี 2566 ตั้งเป้ารายได้เติบโตกว่า 10% เตรียมขยายกำลังการผลิตยางแท่งต่อเนื่อง เจาะตลาดลูกค้ายางล้อประเทศอินเดียและจีน พร้อมคาดโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ ระยะที่ 1 สามารถเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในไตรมาส 2/2566 นี้ หนุนความสามารถรับบริหารจัดการกากอินทรีย์เป็น 720,000 ตันต่อปี และมีกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพรวมเป็น 34 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี พร้อมตั้งเป้าก้าวสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2573

TEGH กางแผนปี 66 รายได้เติบโตกว่า 10% คาด "โปรเจคขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ" เฟส 1 เดินเครื่องใน Q2/66 ปักหมุดก้าวสู่ Carbon Neutrality ในปี 2573

นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯตั้งเป้ารายได้เติบโตมากกว่า 10% จากการเติบโตและขยายกำลังการผลิตของทั้ง 3 สายธุรกิจหลัก โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้จะใกล้เคียงกับปี 2565

โดยธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาตินั้น บริษัทฯ มีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตยางแท่งเป็น 430,000 ตัน/ปี ภายในปี 2567 หรือเพิ่มขึ้น 34% จากกำลังการผลิตปัจจุบัน และตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้ายางแท่งในตลาดอินเดียและจีนมากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ ยังคงเน้นการผลิตสินค้าเกรดพรีเมียมที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าชั้นนำระดับโลกได้ และให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้ามาตรฐานความยั่งยืนที่มีปริมาณขายเติบโตขึ้นและมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

สำหรับธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ บริษัทฯ คาดว่าปีนี้จะฟื้นตัวกลับมาได้ หลังจากที่มีการซ่อมบำรุงเครื่องจักรไปเมื่อปีที่แล้ว และจากโครงการติดตั้ง Boiler ลูกใหม่ที่จะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/2566 ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น และเดินหน้าติดตั้งหม้อนึ่งปาล์ม (Sterilizer) เพิ่มเติม เพื่อขยายกำลังการผลิตเป็น 84 ตันปาล์มทะลายต่อชั่วโมง ส่งผลให้บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้น เป็น 735,000 ตันปาล์มทะลายต่อปี ซึ่งคาดว่าจะติดตั้งเสร็จภายในไตรมาส 4/2566 นี้

ส่วนความคืบหน้าโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ ระยะที่ 1 คาดว่าจะสามารถเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในไตรมาส 2/2566 ทำให้บริษัทฯ สามารถรองรับปริมาณกากอินทรีย์ได้เพิ่มขึ้นอีกวันละ 300 ตัน รวมเป็นความสามารถในการรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ทั้งหมด 720,000 ตันต่อปี และผลิตก๊าซชีวภาพได้เพิ่มขึ้นอีกวันละ 30,000 ลูกบาศก์เมตร ทำให้มีกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพรวมเป็น 34 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่ขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพจาก 43 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 64 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ภายในปี 2566 นี้ พร้อมรองรับความต้องการการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น และยังเป็นพลังงานสะอาดที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าจากทั้งภายในและนอกกลุ่มบริษัทฯ อีกด้วย

"บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน ไปพร้อมๆ กับการดูแลชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล โดยขณะนี้ บริษัทฯ ก็ได้ทำแผนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2573 และมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิ์เป็นศูนย์ต่อไป"นางสาวสินีนุช กล่าวในที่สุด