เอส ไอ จี เดินหน้าสู่ Net Zero หรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ตามแนวทางมาตรฐานการส่งเสริมให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยอิงกับเป้าหมายบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ (SBTi)
เอส ไอ จี ผู้ให้บริการโซลูชันชั้นนำด้านบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน ได้รับการอนุมัติทั้งกลุ่มธุรกิจในด้านเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ตามแนวทางมาตรฐานการส่งเสริมให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยอิงกับเป้าหมายบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ (Science Based Targets Initiative: SBTi) บริษัทมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก(GHG) สุทธิเป็นศูนย์ ตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าของบริษัทภายในปี 2593 ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นที่ท้าทายที่สุดที่มีให้ผ่านแนวทาง SBTi จากบริษัทกว่า 2,000 แห่งทั่วโลกที่มีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เอส ไอ จีเป็นหนึ่งใน 300 บริษัทแรกที่ดำเนินการตามแนวทางมาตรฐานโดยอิงเป้าหมายบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ (SBTi)
บริษัทเอส ไอ จี เป็นธุรกิจชั้นนำด้านโซลูชันบรรจุภัณฑ์ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้ฉลองครบรอบ 170 ปีของการดำเนินธุรกิจ และได้กำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่อิงกับเป้าหมายบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวตามแนวทางของ SBTi โดยบริษัทมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์หรือ Net Zero โดยการสร้างสมดุลระหว่างการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกิดจากกระบวนการผลิตกับการดูดซับก๊าซเรือนกระจกจากชั้นบรรยากาศภายในปี 2593 ซึ่งเป้าหมายใหม่นี้มีความท้าทายกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งเป้าไว้และได้รับการรับรองจากSBTi ในปี 2561 และ 2563 อย่างมีนัยสำคัญ โดยเอส ไอ จี มองไกลไปกว่าการดำเนินงานภายในบริษัท แต่มุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการดำเนินธุรกิจและผลักดันให้เกิดการลดก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่คุณค่าของบริษัท เพื่อให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
เป้าหมายระยะสั้นใหม่ของเอส ไอ จี ภายในปี 2573 (คิดจากปีฐานในปี 2563) ได้แก่:
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน ขอบเขตที่ 11 และ ขอบเขตที่ 21 รวมกันที่ 42%
- ใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2573
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน ขอบเขตที่ 31 ลง 51.6% ต่อปริมาตรการบรรจุหน่วยลิตร
เป้าหมายระยะยาวใหม่ของเอส ไอ จี ในปี 2593 ได้แก่:
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน ขอบเขตที่ 1 และ ขอบเขตที่ 2 รวมกันที่ 90%
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน ขอบเขตที่ 3 ลง 97% ต่อปริมาตรการบรรจุหน่วยลิตร
ซามูเอล ซิกริสต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอส ไอ จี กล่าวว่า "การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ตามแนวทางมาตรฐานการส่งเสริมให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยอิงกับเป้าหมายบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ (SBTi) ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นทุ่มเทของบริษัท ในการลดก๊าซเรือนกระจกในการดำเนินธุรกิจและการผลักดันให้เกิดการลดก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่คุณค่าของบริษัท เป้าหมายใหม่ของเอส ไอ จี มีความท้าทายกว่าเป้าหมายก่อนหน้านี้อย่างมาก และเรายินดีที่จะเร่งผลักดันการดำเนินธุรกิจตามแนวทางมุ่งสู่เป้าหมายใหม่ให้เร็วขึ้น โดยเราได้ร่วมเป็นหนึ่งใน 300 บริษัทแรกที่ดำเนินการตามแนวทางมาตรฐานโดยอิงเป้าหมายบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ SBTi ซึ่งเป้าหมายใหม่นี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้มีส่วนได้เสียของเรา
แอนเจลา ลู ประธานและผู้จัดการทั่วไปของเอส ไอ จี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกใต้ กล่าวว่า "ทิศทางใหม่ในการดำเนินธุรกิจของเอส ไอ จี มีจุดมุ่งหมายเพื่อแก้ไขปัญหาและสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับโลก (net-positive) รวมถึงการผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อ "สิ่งที่ดีกว่า" ได้ส่งมอบคุณค่าต่างๆ มากมายให้กับผู้คนและโลกใบนี้ เรามุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยคาร์บอนจากผลิตภัณฑ์ต่อไปจนกว่าจะสามารถดูดซับกลับคืนมาจากชั้นบรรยากาศ มากกว่าที่ปล่อยออกไปในขณะเดียวกันก็รับประกันว่า เอส ไอ จี จะพัฒนานวัตกรรมด้านความยั่งยืนเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มไปยังผู้บริโภคทั่วโลก ด้วยวิธีการที่มีความปลอดภัย ภายใต้กรอบความยั่งยืน และราคาที่สมเหตุสมผล"
การบรรลุเป้าหมายสูงสุดตามข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) เพื่อจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ทำให้ทั่วโลกต้องเร่งลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์หรือ Net Zero ให้เกิดขึ้นภายในปี 2593 กระบวนการอนุมัติที่เข้มงวดของโครงการ SBTi ทำให้มั่นใจได้ว่าเอส ไอ จี จะมีกรอบการทำงานที่เข้มแข็ง ชัดเจน ภายใต้เป้าหมายบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามร่วมกันในการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก
แนวทางหลักที่เอส ไอ จี ดำเนินการเพื่อลดการปล่อยมลพิษจากการดำเนินงานภายใต้ ขอบเขตที่ 1 และ 2 คือความมุ่งมั่นในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้ได้ 100% และโครงการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ ตลอดจนการสำรวจแหล่งพลังงานทางเลือกอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดมลพิษต่ำ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้โดยตรง
โรงงานเอส ไอ จี ที่จ.ระยอง นับเป็นโรงงานแห่งแรกในภูมิภาคนี้ ที่ติดตั้งหลังคาที่ผลิตไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์แล้วเสร็จในปี 2561 ครอบคลุมพื้นที่ 17,664 ตารางเมตร เป็นโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ทั้งสิ้น 12,350 แผง สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากถึง 5,675 เมกะวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ช่วยลดการปล่อยก๊าซ
เรือนกระจกลงได้ 12,871 ตัน นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 เทียบเท่ากับการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการปลูกต้นไม้ 280 - 415 ต้น หรือคิดเป็นพื้นที่ป่ากว่า 10,000 ตารางเมตร
ผลิตภัณฑ์ของเอส ไอ จี มีส่วนสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่คุณค่า(ขอบเขตที่ 3) ซึ่งครอบคลุมถึงจำนวนและประเภทของวัตถุดิบที่ใช้ โดยจากนี้เป็นต้นไปบริษัทจะให้ความสำคัญกับการลดการใช้อลูมิเนียมฟอยล์ในบรรจุภัณฑ์ปลอดเชื้อ ในทำงานร่วมกับบริษัทคู่ค้า เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่อุปทาน และพัฒนาการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในเครื่องบรรจุภัณฑ์รุ่นใหม่ รวมถึงการเก็บกลับบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วสู่กระบวนการรีไซเคิลให้มากยิ่งขึ้น
TEI ผนึก กรมบัญชีกลาง อบก. กรมควบคุมมลพิษ เซ็น MOU ดัน "จัดซื้อจัดจ้างสีเขียว" ปั้นตลาดภาครัฐสู่ Net Zero
SPRC สรุปผลดำเนินงาน CSR ปี 68 ทุ่มงบ 14.5 ล้านบาท สร้างคุณค่า 4 มิติหลัก ย้ำความมุ่งมั่นสู่ Net Zero และการเติบโตอย่างยั่งยืนคู่ชุมชน
WICE คว้า ISO 14064-1:2018 ตอกย้ำผู้นำโลจิสติกส์สีเขียว มุ่งสู่ Net Zero พร้อมรับกฎหมายสภาพภูมิอากาศ
หลัง COP30 ภาคธุรกิจไทยเร่งยกระดับห่วงโซ่อาหาร สู่มาตรฐานสากลด้านความยั่งยืน
QTC รับโล่ประกาศเกียรติคุณ CALO
ม.วลัยลักษณ์ ประกาศเจตนารมณ์ "มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน" ภายในปี 2030
เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส เปิดตัว EV Bike รุ่นใหม่ ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโลจิสติกส์สู่มาตรฐาน ESG ยกระดับการขนส่งสีเขียว
"แอล ดับเบิลยู เอสฯ" แนะ ภาคอสังหาฯ ใช้วัสดุคอนกรีตก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อเป้าหมายสู่การเป็นหนึ่งในภาคธุรกิจที่ขับเคลื่อนประเทศสู่ Net Zero ในปี 2608
Net Zero Building: ก้าวสู่อนาคตของอาคารอย่างยั่งยืน