ทุกปัญหามีทางออก "แม่มือใหม่" เลี้ยงลูกด้วย "นมแม่" แก้ได้-ไม่ยาก

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

ศูนย์นมแม่ฯ ชวนสังคมไทยร่วมสนับสนุน "นมแม่อย่างเดียว 6 เดือน"

ทุกปัญหามีทางออก "แม่มือใหม่" เลี้ยงลูกด้วย "นมแม่" แก้ได้-ไม่ยาก

จากรายงานการสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย พ.ศ.2565 พบว่าประเทศไทยมีอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนอยู่ที่ร้อยละ 28.6 ในขณะที่องค์การอนามัยโลก(WHO) บรรจุการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนแรก เป็นตัวชี้วัดด้านโภชนาการระดับโลก ที่ทุกประเทศต้องร่วมกันขับเคลื่อน เพื่อร่วมกันก้าวไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จึงได้ตั้งเป้าหมายว่า เด็กทารกร้อยละ 50 จะต้องได้กินนมแม่อย่างเดียวถึง 6 เดือน ภายในปี 2568

เพราะ "คุณภาพของคน" เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุกด้าน การที่เด็กทารกได้รับน้ำนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน ได้รับอาหารตามวัยคุณภาพ ควบคู่กับการเลี้ยงดูอย่างมีคุณภาพ จึงเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างทุนสุขภาพที่ดีพร้อมทักษะชีวิตให้กับคนรุ่นใหม่ซึ่งจะเติบโตขึ้นเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติในศตวรรษที่ 21

มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย  จึงได้ดำเนิน โครงการสร้างสุขภาวะเด็กไทยด้วยนมแม่ ฝ่าวิกฤติโควิด-19 และสานพลังเครือข่ายสู่การขยายผล เพื่อชวนทุกภาคส่วนในสังคมไทยให้มาร่วมกันในการขับเคลื่อนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้มีการปฏิบัติอย่างยั่งยืนในสังคมไทย โดยได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)

แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปัจจุบันคุณแม่มือใหม่จะมีความตั้งใจในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพิ่มมากขึ้น แต่การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ภายหลังคลอดและต้องกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านนั้น มักจะเกิดสถานการณ์ ปัญหา และอุปสรรคต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้แม่มือใหม่หลายคนต้องยอมถอดใจ ทำให้อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนของไทยยังคงต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน

พว.ศิริลักษณ์ ถาวรวัฒนะ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จาก สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เปิดเผยว่าปัญหาหลักๆ ที่พบหลังคลอดที่ส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงลูกดด้วยนมแม่นั้นประกอบไปด้วยปัญหาที่เกิดขึ้นจากตัวแม่คือ 1.น้ำนมน้อย 2.ท่าอุ้มให้นม 3.หัวนมแตก 4.เต้านมคัด และ 5.การใช้เครื่องปั๊มนม และอีกหนึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นกับลูกคือ 6.ลูกตัวเหลือง ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ไม่ยากและสามารถทำได้ด้วยตนเอง ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาคุณแม่อย่าเพิ่งถอดใจ พร้อมกับแนะนำวิธีการแก้ปัญหาต่างๆ ไว้เอาไว้ดังนี้

แม่น้ำนมน้อย สามารถแก้ปัญหาได้ตัวตัวเอง โดยต้องฝึกนำลูกเข้าเต้าและในช่วงน้ำนมน้อยหลังให้ลูกดูดนมแม่แล้วอาจปั๊มนมหลังให้นมลูก กรณีที่ลูกรับการรักษาตัวเหลืองในโรงพยาบาล คุณแม่ต้องปั๊มนมแทนการดูดนมของลูก วันละ 8 ครั้ง ต่อมาคือ ท่าอุ้ม ลูกจะต้องหันหน้าเข้าเต้า คอไม่บิด คือติ่งหู ไหล่ สะโพกเป็นเส้นตรง ท้องลูกและแม่ต้องสัมผัสกัน ลำตัวด้านหลังของลูกต้องได้รับการประคอง ในส่วนของการดูดนมลูกจะต้องอ้างปากกว้าง ริมฝีปากบนบานออก ริมฝีปากล่างปลิ้น คางชิดเต้านมและจมูกเชิดขึ้น ส่วน หัวนมแตก เกิดจากการที่เด็กอมไม่ลึก ท่าอุ้มไม่กระชับ หรือลูกมีสายใต้ลิ้นสั้นตึง การแก้ปัญหาต้องดูว่าหัวนมแตกหรือไม่ ถ้าใช่ให้นำน้ำนมแม่มาทาที่หัวนมและปรับท่าอมของเด็กให้ถูกต้อง บางรายอาจจะใช้ออยในการทาซึ่งสามารถทำได้แต่ทาหลังจากการให้นมลูกไปแล้ว โดยปกติแผลจะใช้เวลา 7-10 วันแผลก็จะหายเป็นปกติ ถ้าในกรณีที่คุณแม่เจ็บหัวนมากจนไม่สามารถให้ลูกดูดนมจากเต้าได้ให้บีบน้ำนมด้วยมือประมาณ 3-4 วัน และงดการใช้เครื่องปั้มนม

เต้านมคัด เกิดจากการสร้างและการระบายน้ำนมที่ขาดความสมดุล ปกติแม่จะต้องให้นมลูก 8-10 มื้อต่อวัน หรือใช้เครื่องปั้มวันละ 8 ครั้ง แต่บางครั้งคุณแม่อาจหันไปใช้ขวดนมผสม ทำให้แม่ที่ไม่ได้เตรียมตัว เกิดอาการเต้านมคัดเพราะไม่สามารถระบายน้ำนมออกมาได้ในแต่ละมื้อ  และในปัจจุบันแม่จะ ใช้เครื่องปั้มนมไม่ถูกวิธี และใช้ในระยะเวลาที่นานกว่า 15-20 นาที อีกปัจจัยหนึ่งคือเครื่องปั้มนมไม่ได้คุณภาพ รวมถึงการเลือกขนาดกรวยปั๊มนมที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นแม่จะต้องศึกษาถึงวิธีใช้เครื่องปั้มนมแต่ละยี่ห้อว่าเป็นอย่างไร นอกจากนี้ยังจะต้องใช้ให้ถูกต้องคือไม่ควรปั้มนมนานเกิน 15-20 นาที และไม่ใช้โหมดการปั้มที่แรงเกินไป

สำหรับปัญหา ลูกตัวเหลือง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ในกลุ่มที่เด็กเป็นปกติแล้วตัวเหลืองหมายความว่าเด็กได้รับน้ำนมไม่เพียงพอซึ่งจะไปเชื่อมโยงกับปัญหาลูกดูดไม่ถูก อมไม่ลึกหรือแม่มีน้ำนมที่น้อยจริงๆ ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีการปกติ แต่ในกรณีที่เด็กผิดปกติ เช่นโรค G6PD หรือเด็กที่มีอาการเม็ดเลือดแดงเปราะแตกง่าย เด็กกลุ่มนี้จะมีอาการตัวเหลืองด้วยโรคเหล่านี้อยู่แล้วตรงนี้ก็จะเป็นหน้าที่ของแพทย์ที่จะต้องให้การดูแล

"ปัญหาเหล่านี้จะไม่เป็นอุปสรรคในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยเริ่มจากแม่ที่กำลังตั้งครรภ์สามารถเลือกที่จะฝากครรภ์และคลอดกับโรงพยาบาลสัมพันธ์แม่ลูก ภายหลังคลอด 1 ชั่วโมงแรก ลูกต้องได้ดูดนมแม่ และลูกจะต้องอยู่ใกล้ชิดแม่ตั้งแต่ 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด ขณะอยู่ในโรงพยาบาลต้องนำลูกมาให้คุณแม่ฝึกเข้าเต้าทุกมื้อ ฝึกการอุ้มลูกที่ถูกวิธีทั้งท่านั่งและท่านอน ฝึกบีบนมด้วยมือให้ได้ก่อนที่จะกลับบ้าน แม่ที่กำลังตั้งครรภ์จะต้องหาข้อมูลเรื่องนมแม่ ต้องรักษาความมุ่งมั่นเพราะการให้นมแม่ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากเกินไป ที่สำคัญคือต้องมีการพูดคุยกับคนในครอบครัวเพื่อให้กำลังใจและสนับสนุน หากเกิดปัญหาสามารถขอคำปรึกษาได้จากคลินิกนมแม่ทุกแห่งทั่วประเทศ หรือสายด่วนนมแม่ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี โทร.081-627-8008 เวลา 09.00-18.00 น." พว.ศิริลักษณ์ กล่าว

พ.ญ.ศิริพร กัญชนะ ประธานมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย กล่าวว่าการสนับสนุนให้แม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนได้สำเร็จนั้น นอกจากแม่จะต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือบุคลากรทางการแพทย์ทั้งหมอและพยาบาลจะต้องตระหนักและเห็นความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และพร้อมที่จะให้การสนับสนุนในทุกๆ ด้าน

"ปัจจุบันเรามีโรงพยาบาลสายสัมพันธ์แม่ลูกที่จะช่วยทำให้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ประสบความสำเร็จ มีคลินิกนมแม่ทั่วประเทศที่พร้อมให้คำปรึกษา มีมุมนมแม่ในสถานประกอบการที่พร้อมสนับสนุนให้แม่ที่ลาคลอดครบ 3 เดือนแล้วต้องกลับไปทำงานยังสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ แต่ยังขาดในเรื่องของ Daycare คุณภาพใกล้บ้านที่จะเข้ามาช่วยดูแลเด็กอายุ 3 เดือนถึง 2 ปี ซึ่งยังไม่มีหน่วยงานไหนเป็นเจ้าภาพ ซึ่ง Daycare จะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะสามารถช่วยดูแลพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กไทยได้ครอบคลุมครบทุกช่วงอายุ โดยมีจุดเริ่มต้นจากนมแม่และการเลี้ยงดูคู่เรียนรู้อย่างมีคุณภาพเพื่อสร้างเด็กไทยที่เกิดใหม่แต่เกิดน้อยให้มีคุณภาพ" ประธานมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย กล่าวสรุป

สำหรับแม่ที่กำลังตั้งครรภ์-หลังคลอด ดูข้อมูลการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ที่ www.thaibf.com Facebook : Thaibf และ นมแม่ และ Application : Everyday Doctor ของกรมอนามัยที่เปิดคลินิกนมแม่ออนไลน์ เพื่อให้คำปรึกษาแม่ที่มีปัญหาในการให้นมแม่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.


ข่าวเลี้ยงลูกด้วยนมแม่+การพัฒนาที่ยั่งยืนวันนี้

กรมอนามัย สร้างระบบชุมชนหนุนแม่ให้นมลูกครบ 6 เดือน ส่งเสริมสุขภาพเด็กไทยแข็งแรงอย่างยั่งยืน

แพทย์หญิงนงนุช ภัทรอนันตนพ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวในการบรรยายหัวข้อ "From Care to System Community Based Support" การประชุมวิชาการนมแม่แห่งชาติครั้งที่ 9 วันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 ณ โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร ว่า สถานการณ์การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน ในประเทศไทย อยู่ที่ร้อยละ 28 เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในอาเซียนพบว่า ได้แก่ กัมพูชา ร้อยละ 51 อินโดนีเซีย ร้อยละ 51 เมียนมา ร้อยละ 51 มาเลเซีย ร้อยละ 40 ฟิลิปปินส์ ร้อยละ 33 ลาว ร้อยละ 44 เวียดนาม ร้อยละ 24 เพื่อส่ง

กระทรวงสาธารณสุข โดย กรมอนามัย จับมือ มูล... สธ.-มูลนิธิศูนย์นมแม่ฯ-สสส. ยกระดับนโยบาย"เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน"สู่ระดับชาติ — กระทรวงสาธารณสุข โดย กรมอนามัย จับมือ มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งป...

คลินิกนมแม่ โรงพยาบาลเมดพาร์ค คว้าใบประกา... คลินิกนมแม่ รพ.เมดพาร์ค คว้ารางวัล IBCLC Care Award 2 ปีซ้อน — คลินิกนมแม่ โรงพยาบาลเมดพาร์ค คว้าใบประกาศนียบัตรจากการประกาศรางวัล IBCLC Care Award 2025 ซ...

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เตือน สารเสพติ... กรมอนามัย เตือน สารเสพติดในนมแม่เป็นอันตรายต่อทารก แนะหญิงตั้งครรภ์ที่ติดยาต้องรับการรักษาด่วน — กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เตือน สารเสพติดในนมแม่เป็นอันต...