Algo Trading: เมื่อเทคโนโลยีรุกคืบในโลกการลงทุน

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ออกรายงานสรุปลักษณะและผลกระทบของเทคโนโลยี Algo Trading ที่มีบทบาทมากขึ้นในตลาดหุ้นไทย โดยวิเคราะห์ว่าการเข้ามาของ Algo Trading ถือเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลก ตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการเข้าถึงข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น
เทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของตลาดผ่านการเพิ่มขึ้นของสภาพคล่องและความหลากหลายของผู้เล่นในตลาด ลดต้นทุนในการลงทุนของนักลงทุนโดยทั่วไป และลดความผันผวนในระยะสั้นในภาวะปกติของตลาด นอกจากนั้น Algo Trading และ High-Frequency Trading (HFT) ไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อนักลงทุนรายย่อยทั่วไปส่วนใหญ่ โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยที่ลงทุนโดยอ้างอิงกับปัจจัยพื้นฐานหรือถือครองหุ้นระยะยาว แต่อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ออกตราสารบางประเภท และกลุ่มนักลงทุนรายย่อยที่ใช้กลยุทธ์แบบเดียวกับผู้เล่นกลุ่ม Algo/HFT ที่เน้นการทำกำไรในกรอบเวลาสั้นๆ ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่จำเป็นต้องปรับตัวและใช้โอกาสจากเครื่องมือนี้ในการแสวงหาโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน

Algo Trading: เมื่อเทคโนโลยีรุกคืบในโลกการลงทุน

Algo Trading คืออะไร

Algorithmic Trading หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า Algo Trading คือ กลยุทธ์การซื้อขายหลักทรัพย์โดยอาศัยโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาช่วยในการส่งคำสั่งซื้อขาย ภายใต้ 'algorithm' ที่ถูกกำหนดโดยนักลงทุนเพื่อให้โปรแกรมส่งคำสั่งซื้อขายโดยอัตโนมัติตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ โดยแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 1) Execution Algo คือ การซอยคำสั่งซื้อขายปริมาณมากออกเป็นคำสั่งย่อยหลาย ๆ คำสั่ง เพื่อลดผลกระทบต่อราคา (Market Impact) และลดต้นทุนในการซื้อขาย และ 2) Model Algo คือ การส่งคำสั่งซื้อขายตามกลยุทธ์ที่มีการกำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งมีหลากหลายกลยุทธ์ด้วยกัน เช่น การทำหน้าที่เป็น Market Maker เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ตลาด และเก็บกำไรจากส่วนต่างของราคาเสนอซื้อและขาย รวมถึงการทำกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์ทางทฤษฎี เป็นต้น

ขณะที่ High-Frequency Trading (HFT) นั้นเป็นคำกว้าง ๆ ที่ใช้เรียกรูปแบบการเทรดที่มีความถี่ในการซื้อขายสูงกว่าปกติ และเน้นความเร็วในการประมวลผล และส่งคำสั่งซื้อขาย Algo Trading ส่วนมากมักมาพร้อมกับความสามารถในการซื้อขายหลักทรัพย์ที่รวดเร็วกว่าเดิมมาก (นับเป็นเสี้ยวของวินาที) จึงทำให้ HFT ถูกนำมาใช้พูดถึงลักษณะการซื้อขายของ Algo Trading มากขึ้นในวงกว้าง

Algo Trading ในไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จากเดิมที่มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 25% ของมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งหมดในปี 2019 เพิ่มขึ้นเป็น 40% ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม Algo Trading ในไทยมีพัฒนาการที่ช้าเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว ที่สัดส่วนของ Algo Trading ในปัจจุบันสูงถึง 60-75% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด และเริ่มเติบโตอย่างรวดเร็วมาตั้งแต่ก่อนปี 2010

ผลกระทบของ Algo Trading ต่อตลาดทุน
งานศึกษาหลายชิ้นได้สรุปผลกระทบของ Algo Trading ต่อตลาดทุนใน 3 ด้าน ได้แก่
1) ด้านสภาพคล่อง พบว่า Algo Trading ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาด และลดส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อและเสนอขาย (bid-ask spread) จึงช่วยลดต้นทุนการซื้อขายให้กับนักลงทุนรายย่อย ขณะที่ผลต่อต้นทุนการซื้อขายของนักลงทุนสถาบันยังไม่เป็นที่แน่ชัด ทั้งนี้ ในภาวะที่ตลาดหุ้นผันผวนเป็นช่วงขาลงหรือมีความไม่แน่นอนสูง Algo Trading อาจทำให้สภาพคล่องในตลาดตึงตัวขึ้นได้
2) ด้านประสิทธิภาพของตลาด พบว่า Algo Trading ช่วยให้ราคาหลักทรัพย์สะท้อนปัจจัยพื้นฐานและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับมูลค่าพื้นฐานของหลักทรัพย์ได้รวดเร็วขึ้น ช่วยให้ราคาตลาดไม่แตกต่างกับมูลค่าพื้นฐานจนเกินไป
3) ด้านความผันผวน พบว่า Algo Trading ช่วยลดความผันผวนในระยะสั้นได้ภายใต้ภาวะตลาดปกติ แต่อาจมีส่วนทำให้ราคาหุ้นลดลงรุนแรงขึ้นได้ ในช่วงวิกฤตที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง

Algo Trading และ HFT (Algo/HFT) ไม่ได้ทำให้นักลงทุนรายย่อยหมดโอกาส

การเข้ามาของ Algo/HFT อาจจะกระทบกับนักลงทุนบางประเภท เช่น ผู้ออกตราสารอนุพันธ์ ที่ต้องมีการเสริมสภาพคล่องที่อาจปรับราคาเสนอซื้อเสนอขายไม่ทันนักลงทุนที่ใช้เครื่องที่มีความเร็วในการประมวลผลและการส่งคำสั่งสูง ทำให้บางฝ่ายเกิดความกังวลว่า นักลงทุนรายย่อยจะถูกเอาเปรียบจากความเร็วในการประมวลผลและส่งคำสั่งซื้อขายของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยถึงแม้จะยังไม่มีงานศึกษาเชิงลึกถึงผลกระทบของ Algo/HFT ต่อนักลงทุนในไทย แต่มีข้อสังเกต 4 ข้อที่ชี้ให้เห็นว่า Algo/HFT ไม่ได้สร้างผลกระทบต่อนักลงทุนรายย่อยทั่วไปส่วนใหญ่โดยตรง

1) นักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่ไม่ได้แข่งกับ Algo/HFT โดยการเข้ามาของ Algo/HFT อาจส่งผลกระทบต่อนักลงทุนที่ใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบเดียวกับผู้เล่นกลุ่ม Algo/HFT ซึ่งส่วนใหญ่เป็นซื้อขายหลักทรัพย์ในกรอบเวลาเพียงไม่กี่วินาที นักลงทุนรายย่อยทั่วไปส่วนใหญ่ในตลาดที่ลงทุนโดยอ้างอิงกับปัจจัยพื้นฐาน หรือถือครองหุ้นระยะยาว ไม่ได้มุ่งหวังทำกำไรด้วยความเร็วในกรอบเวลาสั้น ๆ จึงแทบจะไม่ได้รับผลกระทบทางลบ

2) ในตลาดหุ้นไทย HFT มีสัดส่วนน้อยและกระจุกตัวในหุ้นขนาดใหญ่ ขณะที่มูลค่าการซื้อขายที่ลดลงของรายย่อยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มหุ้นขนาดกลางและเล็ก มูลค่าการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยที่ลดลงในระยะหลัง โดยเฉพาะมูลค่าการซื้อขายของนักลงทุนรายย่อย ส่วนหนึ่งสะท้อนผลตอบแทนของตลาดโดยรวมที่มีแนวโน้มลดลง และไม่ได้สัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของสัดส่วน Algo Trading อย่างชัดเจน

3) นักลงทุนกลุ่ม Algo/HFT อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์และมาตรฐานเดียวกันกับนักลงทุนกลุ่มอื่น ๆ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีหลักเกณฑ์และกระบวนการอย่างชัดเจนและรัดกุมในการลงทะเบียนและขออนุมัติใช้ระบบ Algo Trading อีกทั้งยังมีการติดตามควบคุม และเฝ้าระวังที่เข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการใช้เทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือในการส่งคำสั่งซื้อขายในรูปแบบพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง

4) ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการเพิ่มขึ้นของข้อมูลสร้างโอกาสให้นักลงทุนรายย่อย ที่จะได้ประโยชน์จากเครื่องมือการวิเคราะห์ข้อมูลที่หลากหลายและรวดเร็วขึ้น จับสัญญาณตลาดได้ชัดเจนขึ้น และส่งคำสั่งซื้อได้สะดวกยิ่งขึ้น
โจทย์ใหญ่ คือ ปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจและตลาดทุนไทย

ต่างกันกับที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า Algo Trading ทำให้การลงทุนของนักลงทุนรายย่อยลดลง รายงานพบว่ามูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไทยโดยรวมที่ลดลง โดยเฉพาะมูลค่าซื้อขายของนักลงทุนรายย่อย สะท้อนปัญหาด้านปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจและตลาดทุนไทย ไม่ว่าจะเป็น 1) ผลตอบแทนของการลงทุนต่างประเทศที่น่าสนใจกว่าการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทย ซึ่งผลตอบแทนมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง 2) ทางเลือกของนักลงทุนที่สามารถไปลงทุนต่างประเทศได้ง่ายขึ้นทั้งจากการลดความเข้มงวดของกฎเกณฑ์ลงและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น 3) ปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแอลงจากความท้าทายเชิงโครงสร้างหลายประการ และ 4) เหตุการณ์ 'ปั่นหุ้น' ที่ซ้ำเติมนักลงทุนรายย่อยและสร้างความเสียหายต่อตลาดและนักลงทุนในวงกว้าง สั่นคลอนความเชื่อมั่นในระบบธรรมาภิบาลของบริษัทและตลาดทุนไทย ปัญหาเหล่านี้ควรได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังและทันท่วงที เพื่อเรียกความเชื่อมั่นและสร้างโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน และเพื่อการพัฒนาตลาดทุนไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน


ข่าวกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร+กลุ่มธุรกิจการเงินวันนี้

เกียรตินาคินภัทร จับมือ Goldman Sachs Asset Management ยกระดับบริการลงทุนต่างประเทศสำหรับนักลงทุนไทย

เกียรตินาคินภัทร จับมือ Goldman Sachs Asset Management ยกระดับบริการลงทุนต่างประเทศสำหรับนักลงทุนไทย ผสานพลัง "สอง" ผู้นำธุรกิจความมั่งคั่ง ภายใต้ปรัชญาเดียวกัน "The Power of Two. One Philosophy of Wealth." กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) ประกาศเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ Goldman Sachs Asset Management เพื่อเปิดประตูสู่โอกาสการลงทุนระดับโลกให้แก่นักลงทุนไทย ความร่วมมือครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับศักยภาพด้านธุรกิจบริหารความมั่งคั่งของ KKP และสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Goldman Sachs

ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ทวีความท้าทาย และร... KKP เปิดตัวแคมเปญใหม่ สะท้อนพลังของ "การวางแผนทางการเงิน" ที่ไม่ควรมองข้าม — ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ทวีความท้าทาย และระดับหนี้ครัวเรือนไทยที่ยังอยู่ในระดั...

ในโลกของการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงที่เกิ... เสวนา KKP เผยมุมมองการสืบทอดภารกิจและคุณค่า ขององค์กรไปสู่อนาคต — ในโลกของการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ การสืบทอดธุรกิจ...

กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) ... KKP ปรับตัวรับความท้าทายปี 68 มุ่งเน้นเสถียรภาพและคุณภาพสินเชื่อ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน — กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) เผยความคืบหน้าในการ...

ในขณะที่สังคมไทยกำลังรุดหน้าไปด้วยเทคโนโล... KKP พาเยาวชนสัมผัสเสน่ห์โขน สร้างแรงบันดาลใจสืบสานมรดกไทย — ในขณะที่สังคมไทยกำลังรุดหน้าไปด้วยเทคโนโลยีและพัฒนาการทางเศรษฐกิจ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาค...

กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) ... KKP ผลงานตลาดทุนโดดเด่นต่อเนื่อง คว้า 3 รางวัล จาก SET Awards 2024 — กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) ผลงานตลาดทุนโดดเด่นต่อเนื่อง คว้า 3 รางวัลจา...