อินโดนีเซียกับบทบาทประธานอาเซียน หนุนประเทศสมาชิกร่วมมือแก้ไขประเด็นปัญหาสำคัญระดับภูมิภาค

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

อินโดนีเซียสนับสนุนประเทศสมาชิกอาเซียนในการแก้ไขประเด็นปัญหาสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ภายในกลุ่ม ซึ่งภารกิจสำคัญลำดับแรก ๆ ได้แก่ การส่งเสริมความร่วมมือทางการเงิน การจัดการด้านการเงิน การเสริมสร้างการคุ้มครองทางสังคม และการยกระดับการจัดหาเงินทุนเพื่อการประกันภัยพิบัติ

คณะผู้แทนระดับรัฐมนตรีช่วยและรองผู้ว่าการธนาคารกลางจากกระทรวงการคลังและธนาคารกลางของประเทศสมาชิกอาเซียนได้มาพบปะหารือกันในการประชุมระดับคณะทำงานภายใต้กรอบการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน  (AFCDM-WG) ในระหว่างวันที่ 10-14 กรกฎาคม 2566 ที่เมืองยอกยาการ์ตา โดยเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน (AFMGM) ครั้งที่ 2 ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนสิงหาคม

อินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียนประจำปี 2566 รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพต้อนรับประเทศสมาชิกอีก 9 ประเทศ ได้แก่ บรูไนดารุสซาลาม กัมพูชา ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนามเข้าร่วมการประชุม นอกจากนี้ ติมอร์-เลสเต ยังได้เข้าร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์เป็นครั้งแรกด้วย

ความคิดริเริ่มในการสนับสนุนความร่วมมือของอาเซียนได้รับการตอบรับเชิงบวกจากทุกประเทศสมาชิก ด้วยเป้าหมายที่จะผลักดันอาเซียนขึ้นเป็น "ศูนย์กลางการเจริญเติบโต" (Epicentrum of Growth) ของโลก

กระทรวงการคลังอินโดนีเซียและธนาคารกลางอินโดนีเซียตระหนักดีถึงความจำเป็นที่อาเซียนจะต้องเสริมสร้างความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเศรษฐกิจและการเงิน เพื่อรักษาความเกี่ยวเนื่องขององค์กร ด้วยเหตุนี้ วาระการประชุม AFCDM-WG บางวาระจึงเป็นการอภิปรายเกี่ยวกับความคืบหน้าของความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ภารกิจสำคัญของประธานอาเซียนประจำปี 2566 (ASEAN Chair Priorities 2023), แผนงานการจัดตั้งประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community Blueprint), แผนการรวมกลุ่มด้านการเงินและการคลังอาเซียน (Roadmap for Monetary and Financial Integration of ASEAN) และความร่วมมือทางการเงินของอาเซียน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดหาเงินทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงจากภัยพิบัติ (Disaster Risk Financing: DRFI) และการคุ้มครองทางสังคมเชิงปรับตัว (Adaptive Social Protection: ASP) กลายเป็นสองหัวข้อสำคัญที่ต้องให้ความสนใจ เพื่อปกป้องประเทศชาติ ทรัพย์สินของอินโดนีเซีย และที่สำคัญที่สุดคือ ชุมชนรายได้น้อยที่เปราะบางต่อภัยธรรมชาติ ปาร์จิโอโน เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจมหภาคและการเงินระหว่างประเทศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เน้นย้ำว่า การที่อินโดนีเซียเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติหลายต่อหลายครั้ง ประกอบกับความสูญเสียทางเศรษฐกิจมหาศาล ทำให้เมื่อปี 2561 ประเทศต้องพัฒนายุทธศาสตร์การบริหารการเงินและการประกันภัยเพื่อรองรับความเสี่ยงจากภัยพิบัติ (Disaster Risk Financing and Insurance (DRFI) Strategy) ที่มีความครอบคลุม

"DRFI ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของเราในการจัดหาเงินทุนเพื่อบรรเทาภัยพิบัติรวมทั้งเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเมื่อเผชิญกับภัยพิบัติต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่ออินโดนีเซีย" เขาเน้นย้ำ

ยุทธศาสตร์ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายเงินทุนในการรับมือกับภัยพิบัติโดยการสำรวจแหล่งเงินทุนทางเลือกนอกเหนือจากงบประมาณของรัฐ ซึ่งรวมถึงการประกันภัยรูปแบบใหม่ ๆ นอกจากนี้ รัฐบาลอินโดนีเซียกำลังร่วมมือในเชิงรุกกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายรายเพื่อเปิดตัวกลยุทธ์การลงทุนที่เรียกว่า กองทุนร่วมเพื่อการรับมือกับภัยพิบัติ (Disaster Pooling Fund) โดยเป็นองค์ประกอบสำคัญของยุทธศาสตร์

นอกจากนี้ในอินโดนีเซีย การพัฒนาการคุ้มครองทางสังคมเชิงปรับตัว (Adaptive Social Protection : ASP) ได้รับการบรรจุเป็นญัตติ เพื่อตอบสนองโดยตรงต่อข้อเรียกร้องของประธานาธิบดี โจโค วิโดโด ที่ต้องการให้มีการปฏิรูปการคุ้มครองทางสังคม

แนวคิดเชิงวิพากษ์เหล่านี้ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องและได้รับแรงสนับสนุน โดยประเทศสมาชิกอาเซียนแลกเปลี่ยนความรู้และแนวทางปฏิบัติซึ่งกันและกัน เพื่อเสริมการเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติและสร้างเครือข่ายความปลอดภัยทางสังคมร่วมกัน ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก


ข่าวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง+ประเทศสมาชิกอาเซียนวันนี้

ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกค้ากลุ่ม SM ลดอัตราดอกเบี้ย - ลดเงินงวด นานสูงสุด 1 ปี

ลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 31 ธันวาคม 2568 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ขานรับนโยบายนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมกรอบวงเงิน 30,000 ล้านบาท จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ (DC3) เพื่อช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) ให้กลับมามีความสามารถในการผ่อนชำระเงินงวดได้ตามปกติ เพื่อรักษาบ้านของตนเองไว้ได้ต่อไป ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและเงินงวด นานสูงสุด 1 ปี ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์

ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภั... สมาคมประกันวินาศภัยไทย ร่วมเปิดงาน MONEY EXPO 2025 BANGKOK — ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย ร่วมพิธีเปิดงานมหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 25...

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐม... "รมว.คลัง" เยี่ยมชมบูธกรุงไทย "ALIVE อิสระทางการเงินที่ยั่งยืน" ในงาน Money Expo 2025 — นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ...

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐม... ธนาคารกรุงไทย ร่วมฉลองครบรอบ 150 ปี กระทรวงการคลัง เคียงข้างไทยในทุกก้าวสำคัญ — นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้เกียร...

ออมสิน ท็อปฟอร์ม! คว้า 7 รางวัลรัฐวิสาหกิ... ออมสิน ท็อปฟอร์ม! คว้า 7 รางวัลรัฐวิสาหกิจ ปี 2567 "ระดับดีเด่น" มากสุดเป็นประวัติการณ์ — ออมสิน ท็อปฟอร์ม! คว้า 7 รางวัลรัฐวิสาหกิจ ปี 2567 "ระดับดีเด่น"...

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐม... 19 ปีแห่งความภูมิใจ ปตท. คว้า 6 รางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น มุ่งดำเนินธุรกิจยั่งยืนอย่างสมดุล — นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค...