วันที่ 21 กันยายน 2566 นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตรแสดงความยินดีแก่นักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยที่ได้รับรางวัลจากเวทีนานาชาติ เพื่อประกาศเกียรติคุณแก่นักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยที่ได้รับรางวัลจากการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปประกวดเวทีนานาชาติ กว่า 48 ผลงาน จาก 2 เวที และพิธีเปิดศูนย์พัฒนาสิ่งประดิษฐ์เพื่ออนาคตและความยั่งยืน เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาต่อยอดผลงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์ของนักวิจัย พร้อมปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ "สิ่งประดิษฐ์เพื่ออนาคตและความยั่งยืน" โดยมี พ.ญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา ที่ปรึกษา รมว.อว. และ ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร วช. และคณะนักวิจัย เข้าร่วม ณ ห้องประชุมจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อาคาร วช. 1 และศูนย์พัฒนาสิ่งประดิษฐ์เพื่ออนาคตและความยั่งยืน อาคาร วช. 7 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กรุงเทพมหานคร
นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รมว.อว. กล่าวว่า จากการที่นักวิจัยและนักประดิษฐ์ไทยได้ก้าวไปสู่ระดับนานาชาติและได้รับรางวัลกลับมา แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนักวิจัยและนักประดิษฐ์ไทยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก และเป็นโอกาสอันดีที่ได้เผยแพร่ผลงานประดิษฐ์คิดค้นให้เป็นที่รู้จักในเวทีระดับนานาชาติและสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดจนนำไปสู่การใช้ประโยชน์อย่างแพร่หลาย ซึ่งตรงกับนโยบายที่ได้มอบไว้ให้กระทรวง อว. โดยนักประดิษฐ์และนักวิจัยไทย ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการพัฒนาประเทศในมิติต่าง ๆ และนำไปสู่ความก้าวหน้าทางวิชาการ การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ความยั่งยืนถือเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญที่สังคมโลกให้ความสนใจร่วมกันและกำลังจะเป็นแนวคิดหลักในการขับเคลื่อนสังคมโลกที่ทุกคนจะให้ความสำคัญ เพราะโลกต่างต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ความท้าทายต่าง ๆ ถือเป็นแรงผลักดันสำคัญที่จะนำไปสู่ความร่วมมือในการสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ ให้เกิดความยั่งยืนขึ้นอย่างแท้จริงทั้งต่อสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม เมื่อมีปัญหาก็ต้องมีเครื่องมือที่จะช่วยแก้ปัญหา ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือนั้น ก็คือการนำผลงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์มาเป็นกลไกในการขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาประเทศ เพื่อการสร้างความยั่งยืนกับคนรุ่นถัดไป
รมว.อว. กล่าวต่อว่า กระทรวง อว. ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการลงทุนด้านการวิจัยและการประดิษฐ์ ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ทั้งในเชิงพาณิชย์และชุมชน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่น ภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการในสาขาที่มีศักยภาพ ควบคู่ไปกับการพัฒนาสภาพแวดล้อม ให้เอื้อต่อการพัฒนาเทคโนโลยีการวิจัยและการประดิษฐ์คิดค้นของประเทศ โดยสนับสนุนและส่งเสริมการลงทุนและความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยเพิ่มมาตรการการจูงใจในด้านต่าง ๆ สนับสนุนให้มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งทางตรงและทางอ้อม มีการจัดกิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้ และพัฒนาทักษะการเริ่มต้นการเป็นนักวิจัยและนักประดิษฐ์มืออาชีพต่อไปในอนาคต ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งที่อยู่ภายใต้ศูนย์พัฒนาสิ่งประดิษฐ์เพื่ออนาคตและความยั่งยืน ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ ของ วช.
"ที่สำคัญ อว.ยังต้องการผลักดันผลงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์ ให้เกิดการขยายผลและนำไปใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวางทั้งภาคชุมชน สังคมและอุตสาหกรรม จนเกิดเป็นวัฒนธรรมการใช้ความรู้ ใช้ความคิดสร้างสรรค์ เป็นหลักยึดในการประกอบอาชีพ และใช้ชีวิตประจำวันในสังคมที่อยู่บนพื้นฐานของความรู้ที่ทัดเทียมกับนานาประเทศที่เจริญแล้ว และนำพาประเทศเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ซึ่งการที่จะดำเนินการเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ให้เกิดผลในการปฏิบัติอย่างแท้จริง ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่เกินความสามารถของคนไทย หากพวกเราร่วมมือร่วมใจประสานและเชื่อมโยงการทำงาน ทั้งในระดับนโยบาย ระดับปฏิบัติอย่างแท้จริง ซึ่ง วช. ถือมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนนำผลงานเข้าร่วมประกวดในเวทีระดับนานาชาติ เป็นจุดเริ่มต้นของการยกระดับสิ่งประดิษฐ์ให้ก้าวไกลระดับโลก รวมถึงสถาบันการการศึกษาและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่ให้การส่งเสริมนักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยให้มีโอกาสในการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพอย่างเป็นรูปธรรม และขอฝากให้ช่วยสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดความเข้มแข็งและร่วมกันพัฒนาประเทศของเราให้ยั่งยืนต่อไป" รมว.อว. กล่าว ทิ้งท้าย
ด้าน ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ภายใต้กระทรวง อว. มีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาในส่วนของการสร้างโอกาสและศักยภาพให้กับนักประดิษฐ์และนักวิจัยไทย ในการนำผลงานประดิษฐ์คิดค้น ผลงานวิจัยไปร่วมประกวดในเวทีสำคัญในระดับประเทศและระดับนานาชาติต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องมากว่า 10 ปี โดยมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเป็นผู้คัดกรอง ซึ่งในแต่ละปีมีการนำเสนอผลงานเข้าสู่เวทีการประกวดมากกว่า 300 ผลงาน ซึ่งเป้าหมายสำคัญในการดำเนินงานก็คือการสร้างโอกาส ในเรื่องของการสร้างมาตรฐาน นำศักยภาพของผลงานวิจัยไทยไปสู่เวทีในระดับสากล และยังมีการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับองค์กรระดับนานาชาติและที่สำคัญงานที่ได้รับรองมาตรฐานก็สามารถนำมาต่อยอดในการวิจัยและพัฒนาประเทศ โดยผลการดำเนินงานที่ผ่านมานักวิจัยไทยได้ประสบความสำเร็จในหลากหลายเวที มีการพัฒนาทั้งเรื่องประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานวิจัยที่ดีขึ้น และก่อประโยชน์ในเรื่องของการสร้างเครือข่าย และที่สำคัญนักวิจัยได้รับโอกาสในการรับข้อเสนอแนะ ข้อแนะนำ จากนักประดิษฐ์ นักวิจัย รวมถึงผู้ทรงคุณวุฒิในระดับนานาชาติ โดยในช่วงระยะเวลาดังกล่าว วช. ได้มีพันธมิตรระดับนานาชาติเพิ่มขึ้นกว่า 30 องค์กร จากกว่า 20 ประเทศ ทั้งในทวีปยุโรปและเอเชีย
อย่างไรก็ดี วช. ได้จัดให้มีพิธีมอบประกาศนียบัตรแสดงความยินดีแก่นักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยที่ได้รับรางวัลจากเวทีนานาชาติมากว่า 5 ปี เพื่อประชาสัมพันธ์และเชิดชูเกียรตินักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยที่สร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในเวทีระดับนานาชาติ โดยในครั้งนี้ วช. จะมีการมอบประกาศนียบัตรแสดงความยินดีแก่นักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยที่ได้รับรางวัลจำนวน 48 ผลงาน จาก 2 เวทีล่าสุด ได้แก่ 1. เวที WorldInvent Singapore 22+23" (WoSG) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 - 6 กันยายน 2566 ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยนักประดิษฐ์ไทยจากคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล คว้ารางวัล Grand Prize ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดของงาน จากผลงานเรื่อง "ยานพาหนะสำหรับการตรวจวินิจฉัยทางรังสี"นอกจากนี้ยังมีเหรียญทองจำนวน 10 รางวัล เหรียญเงินจำนวน 8 รางวัล และเหรียญทองแดงจำนวน 5 รางวัล และ 2. เวที Indonesia Inventors Day 2023" (IID 2023) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 - 19 กันยายน 2566 ณ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยนักประดิษฐ์ไทยจากบริษัท เฮลท์ เฮิร์บ เซ็นเตอร์ จำกัด คว้ารางวัล The Best Business Performance Excellence Award จากผลงานเรื่อง "ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันงาดำสกัดเข้มข้น เสริมโคเอนไซม์ คิวเท็น เพื่อบำรุงสมองและกระดูก" ส่วนเหรียญทองมีจำนวน 19 รางวัล เหรียญเงินจำนวน 3 รางวัล และเหรียญทองแดงจำนวน 3 รางวัล ซึ่งนับเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทยที่นักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยในฐานะตัวแทนประเทศไทย ได้สร้างชื่อเสียงและสร้างการยอมรับในมาตรฐานของผลงานสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมของประเทศไทยในเวทีนานาชาติ ภายใต้การสนับสนุนของ วช.
จากนั้น รมว.อว. ได้เป็นประธานในพิธีเปิด "ศูนย์พัฒนาสิ่งประดิษฐ์เพื่ออนาคตและความยั่งยืน" ที่ วช. ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นอาคารต้นแบบในการนำสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม มาสร้างพื้นที่ในการเรียนรู้ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชน นักวิจัยและนักประดิษฐ์รุ่นใหม่ในการพัฒนาต่อยอดสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมให้มีประสิทธิภาพ อีกทั้งมีการจัดกิจกรรมการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมด้านการประดิษฐ์ที่สามารถนำไปประยุกต์ต่อยอดให้เกิดประโยชน์ในวงกว้าง โดยพัฒนาทักษะการเริ่มต้นการเป็นนักวิจัยและนักประดิษฐ์มืออาชีพต่อไปในอนาคต โดย วช. ได้จัดให้มีกิจกรรมการอบรมและการเรียนรู้ ดังนี้ 1. Sky Innovators: Coding for Drone Mastery 2. USB-Mini Torch (ประดิษฐ์ไฟฉาย Mini USB) 3. "DIY HERB SOAP งานศิลปะบนก้อนสบู่" 4. วัสดุฉลาดทางการแพทย์ ด้าน Biomedical Engineering 5. การประยุกต์ใช้ IoT ขั้นพื้นฐานเพื่อการเกษตร 6. การวางต้นไม้อย่างไรให้ลดฝุ่น 7. พื้นฐานการใช้เทคโนโลยีเซลล์ไฟฟ้าจุลินทรีย์จากพืชและสาหร่ายและการดูแลรักษา 8. ขนใบกับคายน้ำช่วยลดฝุ่นได้อย่างไร และ 9. สารอินทรีย์กำจัดแมลงทรงประสิทธิภาพจากเปลือกไข่ผสมน้ำหมักสับปะรด
นอกจากนี้ วช. ยังได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ "การส่งเสริมการศึกษานอกห้องเรียนเพื่อเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้" ระหว่าง สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และนายภูริวรรษ คำอ้ายกาวิน ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โดยมี นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. เป็นประธาน ความร่วมมือครั้งนี้จะก่อให้เกิดการส่งเสริม ผลักดัน การเพิ่มพูนประสบการณ์ในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะของเยาวชนโดยเน้นประสบการณ์เรียนรู้นอกห้องเรียน การสร้างแรงจูงใจในการเรียน เพิ่มพูนประสบการณ์ในการเรียนรู้ และพัฒนาทักษะที่สำคัญ และปลูกฝังคุณลักษณะของการเป็นผู้ใฝ่เรียนรู้ตลอดช่วงชีวิต
วว. ร่วมขับเคลื่อนอนาคตของประเทศ ในงาน Future Thailand "อว. ยุคใหม่เพื่ออนาคตประเทศไทย"
สภานโยบาย เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานนวัตกรรม นายกฯ มอบ อว. นำเทคโนโลยี AI พลิกโฉมเกษตร
วว. ร่วมเป็นเกียรติในพิธีนำเข้าสู่งาน "มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2568" Thailand Research Expo 2025
วว. ร่วมคณะ รมว.อว. ประชุม DBAR 2025 แลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ณ เมืองเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน
กระทรวง อว. ผนึกกำลัง สอวช. เปิดตัวโครงการ TNA ฉบับที่ 2 ดันเทคโนโลยีสู้วิกฤตภูมิอากาศ
วว. ร่วมเปิดรับสมัครบุคลากรและนักศึกษาฝึกงาน @ อว. JOB FAIR 2025
วว. ร่วมเป็นเกียรติแสดงความยินดีเนื่องในงานครบรอบ 6 ปี คล้ายวันสถาปนากระทรวง อว. พร้อมรับมอบใบประกาศเกียรติคุณ "คนดีศรี อว." ประจำปี 2567
สอวช. เดินหน้านโยบาย"ชีววิทยาสังเคราะห์" ดันเศรษฐกิจฐานชีวภาพของไทยเชื่อม Deep Tech - ตั้งเป้าสร้างนวัตกรรมมูลค่าสูง