อาจารย์แนะแนว โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ฝ่ายมัธยม ไข 16 คำถามยอดฮิตจากเด็ก TCAS 66 ให้หลักคิดเลือกเรียนคณะที่ใช่ ตรงกับใจและความถนัด เพื่อที่จะเรียนและใช้ชีวิตมหาวิทยาลัยได้อย่างมีความสุข พร้อมแนะวิธีคุยกับผู้ใหญ่ให้เข้าใจเส้นทางการเรียนที่เลือก
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เป็นช่วงที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของน้องๆ นักเรียนหลายคน เนื่องจากเป็นช่วงที่เราจะต้องเตรียมตัวสอบเขามหาวิทยาลัย และค้นหาตัวเองว่าในอนาคตเราจะเลือกเรียนสาขาวิชาอะไรที่เราสามารถอยู่กับมันและใช้วิชาความรู้เหล่านั้นหาเลี้ยงชีพได้ สำหรับน้องๆ ที่มีสาขาวิชาและมหาวิทยาลัยในฝันแล้วก็เป็นช่วงเวลาที่ต้องพยายามเพื่อทำให้ความฝันของเราเป็นจริง
แต่เชื่อว่ายังมีน้อง ๆ อีกหลายคนที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเรียนต่อที่คณะหรือมหาวิทยาลัยไหนดี มีคำถามมากมายที่วนเวียนอยู่ในใจ และยังคิดไม่ตกกับอนาคตข้างหน้า ในบทความนี้ จึงได้รวบรวมคำถามสำคัญ 16 ข้อที่น้อง ๆ ระดับมัธยมอยากรู้เกี่ยวกับแนวทางการเลือกเรียนในระดับมหาวิทยาลัย และได้รับเกียรติจาก อาจารย์ ดร.รับขวัญ ภูษาแก้ว หัวหน้าศูนย์แนะแนว โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม มาแนะนำข้อคิดดี ๆ เพื่อให้การตัดสินใจครั้งสำคัญนี้มีส่วนช่วยให้นัอง ๆ เรียนและใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยได้อย่างมีความสุข
1. เลือกคณะไหนดี? เลือกคณะที่ชอบ คิดแค่นี้พอไหม?
ก่อนที่จะเลือกคณะและสาขาวิชาเรียน เราควรตกผลึกและรู้จักตัวเองให้ดีพอสมควรก่อน เราไม่ควรดูแค่ความชอบอย่างเดียวเพราะความชอบหรือความสนใจเปลี่ยนแปลงได้ง่ายมาก ซึ่งหากใครยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกคณะใดดี หรือจะคิดอย่างไรให้ได้คำตอบที่ใกล้เคียงกับความเป็นตัวเองที่สุด อาจารย์รับขวัญแนะข้อทบทวนตัวเอง 5 เรื่อง ได้แก่
1. ความชอบและความสนใจ หมายถึงสิ่งที่เราอยากได้ อยากเห็น อยากเรียนรู้ หากเรารู้ว่าเราชอบหรือสนใจอะไร เราก็มีแนวโน้มที่จะอยู่กับสิ่งนั้นได้นาน ไม่รู้สึกเบื่อ ซึ่งจะทำให้เราอยากเรียนรู้และใส่ใจสิ่งนี้มากขึ้น
2. ความถนัด เป็นทักษะและความเชี่ยวชาญที่จะให้เราทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วเกิดผลงานที่ดี ความถนัดมีทั้งความถนัดเฉพาะทาง ความถนัดด้านวิชาการ อันเกิดมาจากการสั่งสมประสบการณ์ การฝึกทักษะของตนเองจนเชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ เป็นทักษะพิเศษที่คน ๆ นั้นมี และจะไม่หายไป ทำให้เกิดความรู้สึกว่ามีความสุขกับงานที่ทำ รู้สึกถึงความสำเร็จ รู้สึกว่าภูมิใจในสิ่งนั้น ๆ
ถ้าอยากเลือกสาขาด้านวิทยาศาสตร์ เราก็ต้องดูว่าตนเองถนัดวิชาวิทยาศาสตร์หรือไม่ ถ้าความชอบ ความสนใจกับความถนัดไปด้วยกันได้จะดีมาก หากมีความชอบและสนใจ แต่ไม่มีความถนัดในสาขาหรือวิชานั้น ๆ อาจารย์ก็อยากให้ลองคิดดูใหม่ เพราะความชอบและความสนใจสามารถเปลี่ยนแปลงได้
ถ้าให้เลือกระหว่างความชอบและความถนัด อยากให้มองที่ความถนัดมากกว่า เพราะความถนัดจะช่วยให้สามารถเรียนได้สำเร็จ ทำให้ไปต่อได้โดยไม่สะดุด ช่วยทำให้ต่อยอดได้มาก
3. ความสามารถ เป็นระดับสติปัญญา ทักษะการแก้ปัญหา ไหวพริบต่าง ๆ เป็นสิ่งที่สามารถดูได้จากผลการเรียน
ในการรับสมัครบางคณะจะมีการกำหนดเกรดขั้นต่ำหรือเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำ หมายความว่า เกรดหรือคะแนนขั้นต่ำเป็นตัวการันตีว่าถ้าได้เกรดหรือคะแนนเท่านี้นักเรียนจะสามารถเรียนคณะนี้ได้สำเร็จ เพราะความสามารถเป็นสิ่งที่ทดสอบได้ด้วยสติปัญญา ดังนั้น ทางคณะต่าง ๆ จึงดูความสามารถเบื้องต้นจากผลการเรียน เนื่องจากเป็นสิ่งที่สามารถตอบได้ว่าระดับสติปัญญาและความสามารถของผู้เรียนอยู่ในระดับใด อีกทั้งยังบ่งบอกความรับผิดชอบของเราตอนที่เป็นนักเรียนด้วย อาจารย์เคยมีประสบการณ์ที่มีนักเรียนที่อยากเรียนคณะหนึ่งมาก ๆ แต่สอบปีแล้วปีเล่าก็ไม่ได้ ก็อาจหมายถึงความสามารถยังไม่ถึง เราควรเลือกสิ่งที่สอดคล้องกับเรา เหมาะสมกับเรามากกว่า
4. บุคลิกภาพ เป็นตัวตนของเราที่สอดคล้องกับคณะวิชาหรืออาชีพในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นนิสัยใจคอ ร่างกาย จิตใจ นับเป็นกลุ่มบุคลิกภาพทั้งหมด
เราจะต้องศึกษาว่าคณะวิชาหรืออาชีพที่เราสนใจเข้ากับบุคลิกภาพและตัวตนของเราหรือไม่ คนเรียนคณะนี้หรือทำอาชีพนี้ต้องเป็นคนช่างพูดช่างเจรจา หรือคนที่เรียนคณะวิชานี้ต้องเป็นคนที่สามารถอ่านหนังสืออยู่กับตำรานาน ๆ ได้ ตัวอย่าง บางคนกลัวแดด ไม่ชอบออกข้างนอก แต่ไปเรียนวิทยาศาสตร์ทางทะเลที่จะต้องออกทะเลลงพื้นที่กลางแจ้งบ่อย ๆ คณะหรืออาชีพนั้นก็จะไม่ถูกกับบุคลิกภาพตัวเอง
5. ความหลงใหล (Passion) เป็นความรัก ความทุ่มเทกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างไม่เปลี่ยนแปลง เป็นแรงผลักดันให้คน ๆ หนึ่งทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้สำเร็จ อาจจะเป็นความฝันตั้งแต่ยังเด็กว่าเราอยากเรียนหรือทำอาชีพนี้
หากน้อง ๆ มีคำตอบในเรื่องความชอบ ความถนัด ความหลงใหล ความสามารถ และบุคลิกภาพ ครบทั้ง 5 ข้อ ก็จะดีมาก เพราะนั่นจะช่วยให้เราชัดเจนว่าเราเหมาะสมกับคณะวิชาใด แค่ไหน และทำให้เรามั่นใจกับคณะที่ตัดสินใจเลือกมากขึ้น แต่หากเรามีคำตอบไม่ครบทุกข้อ อย่างน้อยก็ควรจะมากกว่า 3 ใน 5 ข้อข้างต้น เพื่อที่เราจะได้เรียนคณะที่ชอบ ถนัด และอยู่กับมันได้
นอกจากข้อพิจารณาทั้ง 5 ข้อนี้แล้ว ปัจจุบัน ก็มีแบบทดสอบ แบบประเมินและแบบสำรวจทางจิตวิทยามากมาย ที่จะช่วยเราประเมินความชอบ ความสนใจในกลุ่มอาชีพ ความถนัดในคณะวิชา ขอให้ลองไปทำ ทำจากหลาย ๆ แหล่ง หลาย ๆ แบบ ซึ่งอาจไปขอได้จากครูแนะแนวหรือจากเว็บไซต์ด้านการศึกษา
สิ่งสำคัญคือ ขณะทำแบบทดสอบดังกล่าว "ขอให้จริงใจกับตัวเอง" ตอบตามที่ตัวเองรู้สึกจริง ๆ อย่าโกหกตัวเอง ไม่ใช้อคติ หรือคาดเดาแนวโน้มของคำตอบว่าจะเป็นอย่างไร จากนั้นนำข้อมูลมาเปรียบเทียบและวิเคราะห์ ก็จะเห็นความเป็นตัวตนของเราพอสมควร อย่างไรก็ตาม ในการทำแบบทดสอบทางจิตวิทยา ไม่ได้ให้เราเชื่อ 100% แต่เป็นการทำเพื่อให้เราได้กลับมาถามตัวเองว่า "มันใช่เราไหม" ขณะเดียวกันให้ลองพูดคุยสอบถามกับคนใกล้ตัวด้วย เช่น เพื่อน คุณพ่อ คุณแม่ ครูที่สนิท ว่าตัวเราเป็นออย่างไร สอดคล้องกับบททดสอบทางจิตวิทยาหรือไม่ และตัวเราเองก็จะต้องสังเกตตัวเองด้วย แล้วเอาข้อมูลรอบด้านทั้งหมดนี้มาประกอบกัน
2. มีไหม? คณะวิชาแบบไหนที่ไม่ควรเลือก
เพราะเราควรเลือกเรียนคณะที่สอดคล้องกับตัวตนของเรามากที่สุด ดังนั้น คณะที่เราไม่ควรเลือกก็คือคณะที่ไม่สอดคล้องกับตัวเรา และเราไม่ควรเลือกเรียนคณะด้วยเหตุผล ดังต่อไปนี้
X ไม่เลือกคณะตามเพื่อน
X ไม่เลือกตามที่คุณพ่อคุณแม่สั่งหรือบอกให้เลือก โดยที่เราไม่ได้พิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนโดยเฉพาะเมื่อยังไม่ได้พิจารณาถึงปัจจัย 5 ประการที่สอดคล้องกับตัวตนของเรา
X ไม่เลือกคณะที่คนอื่นว่าดี แต่ตัวเราเองไม่รู้จักหรือไม่เคยหาข้อมูลเกี่ยวกับคณะนั้นมาก่อน
X ไม่เลือกเพราะคะแนนเราดีหรือคะแนนของเราถึง หรืออยากมีชื่อติดในคณะหรือมหาวิทยาลัยนั้น ๆ
นอกจากความเป็นตัวตนของเราแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ต้องนำมาพิจารณาในการเลือกคณะเรียนด้วย อาทิ ค่าใช้จ่าย
แม้ว่าเราจะสอบติด แต่ถ้าครอบครัวไม่สามารถสนับสนุนได้ เพราะค่าเล่าเรียนสูงมาก โดยเฉพาะหลักสูตรอินเตอร์ หลักสูตรภาษาอังกฤษ โครงการพิเศษ ก็เป็นเรื่องที่ยากที่จะได้เข้าเรียน แต่ก็มีข้อยกเว้นว่าถ้าพิจารณาดูแล้วว่าตัวเองมีความสามารถมากพอที่จะขอทุนและที่คณะมีทุนให้สำหรับนักเรียนผลการดีแต่ไม่มีทุนทรัพย์เพียงพอ ให้สอบถามข้อมูลจากทางคณะก่อน แล้วค่อยสมัคร ต้องมั่นใจว่าตัวเองสามารถได้รับทุนนี้ ไม่เช่นนั้นนอกจากจะเป็นการกันที่คนอื่นแล้ว ตัวเราเองก็จะเสียความรู้สึกด้วย เพราะเราสอบผ่านแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้เรียน คุณพ่อคุณแม่ก็อาจรู้สึกผิดที่ส่งลูกเรียนไม่ได้ จึงไม่แนะนำให้เลือก
3. จริงหรือไม่? ได้เรียนคณะในฝันแล้วจะมีความสุข
มีทั้งจริงและไม่จริง หลายคนอาจจะรู้สึกว่าได้เข้าเรียนในคณะที่ชอบเป็นตัวเราที่ใช่แล้ว ทุกอย่างจะราบรื่นเป็นสีชมพู ในความเป็นจริงแล้ว ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป
ถ้าเราได้เข้าคณะที่ชอบมาตลอดชีวิต แล้วมีองค์ประกอบอื่นร่วมด้วยคือมีความถนัด ความสามารถ และที่บ้านสนับสนุน อาจารย์เชื่อว่าเราจะเรียนได้อย่างมีความสุข เพราะคนที่ได้ทำในสิ่งที่ใช่ตัวเอง และได้ตัดสินใจเอง จะขับเคลื่อนตัวเองไปได้ดี แต่ในการเรียนก็เหมือนการใช้ชีวิต มีหลายอย่างที่อาจไม่เป็นดังใจ เราอาจจะต้องเจอเรื่องที่น่าเบื่อบ้าง ต้องมีวิชาที่ไม่ใช่ตัวเราบ้าง ต้องมีสิ่งที่ฝืนบ้าง เหนื่อยบ้างซึ่งเป็นเรื่องปกติ
นอกจากนี้ อาจารย์ ดร.รับขวัญยังมีแง่คิดดีๆ อีก 13 ข้อที่นักเรียนวัยเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยมักจะสงสัยกัน สามารถอ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ https://www.chula.ac.th/highlight/112848/
สุดท้ายนี้ สำหรับน้อง ๆ ที่สนใจสมัครเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สามารถดูรายละเอียดเกณฑ์การรับสมัครได้ที่เว็บไซต์ ดังนี้
หลักสูตรภาษาไทย (TCAS) : http://www.admissions.chula.ac.th/
หลักสูตรนานาชาติ: https://www.chula.ac.th/program-degree/bachelor/
"หุ่นฝึกการเจาะเลือดและฉีดยาสุนัขที่ทำจากวัสดุเหลือใช้ในรูปแบบโต้ตอบได้เพื่อการเรียนรู้ด้วยตนเอง" ผลงานอาจารย์คณะสัตวแพทย์ จุฬาฯ ได้รับรางวัลเหรียญทองจากงาน iENA 2024 ที่เยอรมนี
"หุ่นจำลองหนูขาวใหญ่ผลิตจากวัสดุเหลือใช้" นวัตกรรมสื่อการเรียนการสอนจากคณะสัตวแพทย์ จุฬาฯ คว้าสองรางวัลใหญ่จาก iENA 2023 ที่เยอรมนี
"หุ่นจำลองหนูขาวใหญ่ผลิตจากวัสดุเหลือใช้" นวัตกรรมสื่อการเรียนการสอนจากคณะสัตวแพทย์ จุฬาฯ คว้าสองรางวัลใหญ่จาก iENA 2023 ที่เยอรมนี
"ไลอ้อน" ส่งเสริมสุขอนามัยที่ดี ให้กับนักเรียนโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ "สัปดาห์แสนสนุก สุขหรรษา" บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด
นวัตกรจากสาธิตจุฬาฯ ฝ่ายมัธยม ชนะเลิศการแข่งขันประกวดออกแบบนวัตกรรม "CUD Hackathon 2023" นวัตกรรมเพื่อสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดี
โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ แลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมกับเมืองโคเงะ จังหวัดฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ในโครงการโรงเรียนพี่น้อง
นักเรียนสาธิตจุฬาฯ คว้า 9 รางวัลประกวดนวัตกรรมที่โปแลนด์ ศูนย์นวัตกรรมสาธิตจุฬาฯ สานฝันสู่ความสำเร็จ
นวัตกรรม “CUD Thermal Scan” ที่โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ระบบสแกนคนเข้าออกโรงเรียนอัจฉริยะ สร้างความมั่นใจปลอดภัยจากโควิด-19