กัมพูชาออกกฎหมายสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ อาศัยพลังแห่งสันติภาพและการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นแรงผลักดันความก้าวหน้าด้านสิ่งแวดล้อม

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กระทรวงสิ่งแวดล้อมของกัมพูชาประกาศใช้ประมวลกฎหมายสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ (Environment and Natural Resources Code หรือ ENRC) ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับบุกเบิกที่จะขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความเป็นผู้นำของภูมิภาคในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ ความสำเร็จครั้งสำคัญนี้สะท้อนถึงการเดินทางอันน่าทึ่งของกัมพูชา จากประเทศที่ถูกทำลายเพราะสงครามสู่การเป็นผู้นำความก้าวหน้าด้านสิ่งแวดล้อม โดยได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ประมวลกฎหมายสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติของกัมพูชามีความคล้ายคลึงกับหลักการสำคัญของกฎหมายต่างประเทศ เช่น กฎหมายนโยบายสิ่งแวดล้อมแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา รวมถึงกฎหมายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพของออสเตรเลียปี 2542 นับว่าเป็นการก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความยั่งยืนอย่างแท้จริงของกัมพูชา

ประมวลกฎหมายสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกัมพูชาในการสร้างอนาคตบนพื้นฐานของความหลากหลายทางนิเวศวิทยา สุขภาพ และความเจริญรุ่งเรือง โดยให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมที่หลากหลาย ได้แก่ การประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม การควบคุมมลพิษ การจัดการพื้นที่คุ้มครอง การอนุรักษ์ป่าไม้และความหลากหลายทางชีวภาพ การวางแผนและบริหารการใช้ที่ดิน การจัดการของเสียอันตราย การจัดการทรัพยากรน้ำ รวมถึงการปรับตัวเพื่อรับมือและบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยในส่วนของการจัดการและปกป้องพื้นที่คุ้มครองนั้น มีการให้ความสำคัญกับประเด็นต่าง ๆ เช่น มรดกทางวัฒนธรรม การจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน การจัดการป่าไม้และการประมง รวมถึงการจัดการเหมืองและพลังงาน

ประมวลกฎหมายสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติมุ่งส่งเสริมการรับรู้และการวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมผ่านการศึกษา การเผยแพร่ข้อมูล และการฝึกอบรม เพื่อส่งเสริมความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับความท้าทายและโอกาสในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติของกัมพูชา

นายกรัฐมนตรีฮุนเซนกล่าวว่า "กัมพูชาเคยเป็นที่รู้จักจากสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แต่ปัจจุบันเราเป็นผู้บุกเบิกด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประมวลกฎหมายสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงอาเซียน กรีนดีล (ASEAN Green Deal) เป็นเครื่องยืนยันถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงลึกของเรา เราได้ก้าวข้ามปัญหาในอดีตและเดินหน้าไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนในวันนี้ และนี่คือความมุ่งมั่นทุ่มเทของเราที่มีต่อประชาชน ภูมิภาค และโลกของเราทั้งหมด เราไม่ใช่เศรษฐกิจอิงเกษตรกรรมเป็นหลักอีกต่อไป แต่เป็นเศรษฐกิจที่มีความหลากหลายและมีจำนวนชนชั้นกลางเพิ่มมากขึ้น โดยได้รับอานิสงส์จากสันติภาพและเสถียรภาพ ซึ่งเป็นรากฐานของการเติบโตและการพัฒนาเศรษฐกิจ นอกจากนี้ การแข่งขันกีฬาซีเกมส์เมื่อเดือนที่แล้วยังเป็นสักขีพยานของการพัฒนาและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นของเราอีกด้วย"

นายสาย ซอม ออล (Say Sam Al) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมของกัมพูชา กล่าวเสริมว่า "การบังคับใช้ประมวลกฎหมายสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาตินับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการเดินทางของเราจากอดีตที่ท้าทายไปสู่อนาคตที่สดใสและรุ่งเรือง เหตุการณ์สำคัญนี้เน้นย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของเราในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอันทรงคุณค่าของกัมพูชา และเผชิญหน้ากับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประมวลกฎหมายสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติถือกำเนิดขึ้นจากความร่วมมือที่ครอบคลุมรอบด้าน และเป็นมากกว่านโยบายทั่วไป โดยถือเป็นการรวบรวมข้อเรียกร้องต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการลงมือปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากการสนับสนุนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็วแล้ว เรายังรวมพลังกันสร้างอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีความยั่งยืนมากขึ้น เรากำลังจับมือกันก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม"

ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปี 2565 กัมพูชาได้เสนออาเซียน กรีนดีล ซึ่งเป็นกรอบการทำงานระดับภูมิภาคที่มีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้อาเซียนบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 ด้วยการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก คุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพ ตลอดจนส่งเสริมแนวปฏิบัติด้านการเกษตรและการทำป่าไม้อย่างยั่งยืน ซึ่งการบังคับใช้ประมวลกฎหมายสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติยิ่งเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำของกัมพูชาในภูมิภาคอาเซียนและสนับสนุนการปฏิบัติจริง นอกจากนี้ ประมวลกฎหมายสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติยังส่งเสริมความมุ่งมั่นของกัมพูชาในการมีส่วนร่วมภายใต้ความตกลงปารีส (Paris Agreement) ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของกัมพูชาในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

กัมพูชาเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การพัฒนาเศรษฐกิจและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสามารถไปด้วยกันได้ โดยกัมพูชาประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนจากเศรษฐกิจอิงเกษตรกรรมเป็นหลักไปสู่เศรษฐกิจที่มีความหลากหลาย ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลาง ตัวอย่างของกัมพูชาเป็นแรงบันดาลใจให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกบูรณาการความก้าวหน้าเข้ากับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างอนาคตที่สงบสุข อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนมากขึ้น มีความยืดหยุ่น และเจริญรุ่งเรืองสำหรับทุกคน


ข่าวอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม+กระทรวงสิ่งแวดล้อมวันนี้

ธอส. เปิดตัวโครงการ ESG Funding ร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ต่อยอดสินเชื่อ Green Loan เพื่อความยั่งยืนของธนาคาร

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ดำเนินโครงการตามแผนยุทธศาสตร์ก้าวขึ้นสู่การเป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Bank) มุ่งเน้นพัฒนาองค์กรให้มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ผ่านการออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อและเงินฝากที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ธอส. จึงจัดทำ "เงินฝากออมทรัพย์ ESG" สำหรับลูกค้าทั่วไปและลูกค้าหน่วยงานที่มีการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน (ESG : Environment Social and Governance) เพียงเปิดบัญชีเงินฝากตั้งแต่ 500 บาท ขึ้นไป รับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูงถึง 1.55% ต่อปี

สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนต่อ CKPower... CKPower ประสบความสำเร็จ ออก Green Bond ครั้งแรก 5,000 ล้านบาท ยอดจองท่วมท้น — สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนต่อ CKPower ที่มุ่งขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่...

โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร... เซ็นทารา แกรนด์ ลาดพร้าว ชวนร่วมสร้างโลกยั่งยืนลดการใช้พลาสติก เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก — โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ ขอเชิญชวน...

"กรมทะเล" ผนึกกำลัง "มิสทิน" ระดมทีมนักดำ... กรมทะเล ผนึกกำลัง มิสทิน ระดมทีมนักดำน้ำเครือข่ายร่วมฟื้นฟูแนวปะการังพื้นที่ชลบุรี — "กรมทะเล" ผนึกกำลัง "มิสทิน" ระดมทีมนักดำน้ำอาสาลงทะเล เก็บขยะ-ทำความ...

สร้างพื้นที่สีเขียวเพื่อชุมชนและสิ่งแวดล้... กลุ่ม รพ.วิชัยเวช หรือ VIH จัดกิจกรรม "ปลูกป่า วันต้นไม้ประจำปีของชาติ 2568" — สร้างพื้นที่สีเขียวเพื่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมพร้อมมอบทุนการศึกษาให้แก่เยาวชน ...