วิธีดูแลสุขภาพหัวใจให้แข็งแรงในทุกช่วงเวลาของชีวิต

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

แม้การรักษาจะก้าวหน้าขึ้นและการเข้าถึงเทคโนโลยีจะทันสมัย แต่ภาวะโรคหลอดเลือดหัวใจทั่วโลกยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโรคหัวใจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ทั่วโลก จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่ามีผู้เสียชีวิตประมาณ 17.9 ล้านคนในแต่ละปี นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ในสหรัฐอเมริกามานานกว่า 50 ปี

วิธีดูแลสุขภาพหัวใจให้แข็งแรงในทุกช่วงเวลาของชีวิต

ทางด้านผู้เชี่ยวชาญ Kent Bradley, MD, MPH, MBA หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพและโภชนาการของเฮอร์บาไลฟ์ จึงได้ออกมาเผยถึงวิธีการควบคุมนิสัยและพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่จะช่วยปกป้องสุขภาพหัวใจให้แข็งแรงในทุกวัยไว้ ดังนี้

รู้ทันความเสี่ยงของตัวเอง

ขั้นตอนแรกในการรักษาสุขภาพหัวใจให้แข็งแรงคือการรู้ว่าตัวเองมีสภาพหัวใจเป็นอย่างไร ด้วยการไปพบแพทย์เป็นประจำทุกปีเพื่อประเมินสุขภาพ ถึงแม้ว่าปัจจัยทางพันธุกรรมจะมีส่วนในการเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจ แต่ตัวแปรด้านสิ่งแวดล้อมและตัวแปรอื่นก็เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อโรค พอกับพันธุกรรม

ความดันโลหิตสูงนับว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับต้น ของโรคหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งความดันโลหิตสูงมักไม่ค่อยแสดงอาการหรือมีสัญญาณเตือน ดังนั้นจึงควรการหมั่นตรวจความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองได้

เลิกนิสัยที่ไม่ดีต่อสุขภาพ

การสูบบุหรี่ถือเป็นนิสัยที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพหัวใจมากที่สุด เนื่องจากบุหรี่จะทำลายเยื่อบุหลอดเลือดแดง ทำให้เกิดการสะสมของไขมันที่เรียกว่าไขมันในหลอดเลือด และส่งผลให้หลอดเลือดแดงแคบลง ซึ่งบางคนอาจมีอาการเจ็บหน้าอกเพื่อเป็นการเตือนถึงโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และยังมีอีกหลายคนที่กว่าจะพบว่าตัวเองเป็นหลอดเลือดแดงตีบ ก็ต่อเมื่อมีอาการหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมองแล้ว ดังนั้นทางที่ดีจึงควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น

ขยับบ่อยๆ ให้หัวใจสูบฉีด

ไลฟ์สไตล์แบบนั่งอยู่ติดที่เป็นประจำกำลังเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก จากข้อมูลของ CDC พบว่าชาวอเมริกันมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ แทบไม่ได้ทำกิจกรรมตามคำแนะนำที่ร่างกายต้องการ ซึ่งผลการศึกษาล่าสุด ชี้ให้เห็นว่าแนวโน้มเหล่านี้เกิดจากการไม่มีพื้นที่กลางแจ้งสำหรับออกกำลังกาย รวมทั้งพฤติกรรมที่จำเป็นต้องอยู่ติดกับที่เพิ่มขึ้น เช่น การนั่งทำงานในออฟฟิศ การนั่งดูโทรทัศน์ สตรีมมิ่ง หรือดูวิดีโอบนอุปกรณ์ และควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีในทุกวัน หลีกเลี่ยงการนั่งติดอยู่กับที่ตลอดทั้งวัน สามารถทำได้โดยการเดินเล่นในสวนสาธารณะช่วงพักกลางวัน ซึ่งอาจทำให้ได้พบปะพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานมากขึ้น รวมทั้งการเลือกจอดรถให้ห่างจากออฟฟิศ การขึ้นบันได หรือการลุกขึ้นมายืนเป็นครั้งคราว เป็นต้น และเมื่ออายุมากขึ้น การออกกำลังกายแบบเน้นส่วนต่างๆ ก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้เช่นกัน เพราะการออกกำลังกายเฉพาะที่ คือการเคลื่อนไหวแบบมีจุดประสงค์เพื่อให้ทำกิจกรรมในแต่ละวันได้ดีขึ้น เช่น การเดิน การก้มตัว หรือนั่งยองๆ เพื่อหยิบของขึ้นมา หรือดันตัวเองออกจากพื้น

กินให้ดีและรู้จักเลือกรับประทานอาหารเสริม

การบริโภคผลไม้ ผัก โปรตีนไร้ไขมัน และธัญพืชเต็มเมล็ด เป็นช่องทางหนึ่งในการรับวิตามินและแร่ธาตุเพื่อบำรุงสุขภาพหัวใจให้แข็งแรง เพราะผักและผลไม้สดให้ไฟเบอร์ที่สำคัญ ส่วนไขมันดีในอาหาร เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล และทูน่า เมล็ดแฟลกซ์ วอลนัท เมล็ดฟักทอง และถั่วเหลือง ยังอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้ รวมทั้งยังช่วยบำรุงระบบหัวใจและหลอดเลือดให้แข็งแรง โดยการลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์

นอกจานี้ อาหารเสริมยังมีส่วนช่วยปกป้องสุขภาพหัวใจได้ โดยการเติมเต็มและทดแทนช่องว่างทางโภชนาการที่ขาดหายไปในมื้ออาหาร จากการศึกษาที่ตีพิมพ์โดย American College of Cardiology แสดงให้เห็นว่า โอเมก้า 3 กรดโฟลิก และ โคเอนไซม์คิว10 เป็นหนึ่งในสารอาหารที่สามารถใช้เพื่อลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจได้

ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิต

แม้ว่าจะไม่มีความเชื่อมโยงโดยตรงที่ชัดเจนระหว่างความเครียดกับการเกิดโรคหัวใจ แต่ความเครียดอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงทางอ้อมต่อสุขภาพหัวใจได้ เช่น ความดันโลหิตสูง การรับประทานอาหารมากเกินไป หรือการออกกำลังกายที่น้อยลง รวมทั้งความเครียดในระยะยาวยังส่งผลให้ระดับฮอร์โมนความเครียดอย่างอะดรีนาลีนและคอร์ติซอลเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจวาย

ในท้ายที่สุดแล้ว การใช้ชีวิตอย่างแอคทีฟและมีสุขภาพดีจะสามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ในระยะยาว ซึ่งตอนนี้ถือเป็นเวลาดีในการเริ่มต้นนำเคล็ดลับดี ๆ เหล่านี้ไปใช้จริงในชีวิตประจำวันอย่างน้อยหนึ่งข้อ เพื่อให้หัวใจของคุณเต้นแรงตั้งแต่วันนี้และต่อไปในอนาคต

 


ข่าวo:member+o:healวันนี้

5 อาการต้องระวัง! เสี่ยง "มะเร็งลำไส้" ไม่รู้ตัว

มะเร็งลำไส้ โรคร้ายที่ไม่เลือกอายุ เพศ หรือเชื้อชาติ ใครก็เสี่ยงเป็นได้ อาจเริ่มต้นจากอาการเล็กๆ ที่เราไม่ทันสังเกต และนี่คือ 5 สัญญาณเตือน ที่คุณไม่ควรละเลย! ท้องผูกสลับท้องเสีย ถ้ามีอาการนี้ต่อเนื่อง 2-4 สัปดาห์ เช่น ไม่ถ่ายหลายวัน แล้วจู่ๆ ก็ท้องเสีย อาจเป็นสัญญาณว่ามีสิ่งผิดปกติในลำไส้ ถ่ายเป็นมูกเลือด การมีเลือดปนมากับอุจจาระ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย เป็นสัญญาณเตือนสำคัญว่าลำไส้ใหญ่กำลังมีปัญหา ลักษณะอุจจาระเปลี่ยนไป โดยปกติอุจจาระควรเป็นแท่งขนาดพอดี แต่ถ้ารูปร่างเปลี่ยนเป็น เส้นเล็ก เรียวยาว

"แกงส้มก็ซอฟต์พาวเวอร์ได้!" อภัยภูเบศรชูส... อภัยภูเบศรชูสมุนไพร-อาหารไทย สร้างสุขภาพ สร้างเศรษฐกิจ ในมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 22 — "แกงส้มก็ซอฟต์พาวเวอร์ได้!" อภัยภูเบศรชูสมุนไพร-อาหารไทย สร้า...

ผู้ประกอบการทุกคนรู้ดีว่า หากกลุ่มเป้าหมา... เผย 5 เทคนิคการตลาดสุดปัง! สร้างกระแส (Buzz) ให้ธุรกิจเติบโตได้ด้วยตัวเอง — ผู้ประกอบการทุกคนรู้ดีว่า หากกลุ่มเป้าหมายไม่รู้จักผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ ค...

การสูญเสียฟันไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต... รอยยิ้มใหม่ เริ่มต้นด้วย.. "รากเทียม" — การสูญเสียฟันไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่ส่งผลต่อระบบทางเดินอาหารเพราะจะเกิดปัญหาการเคี้ยวอาหาร รว...

วันนี้ (30 มิถุนายน 2568) กรมอนามัย กระทร... ผนึกกำลัง กรมอนามัย - เอกชน ร่วมดูแลสุขภาพช่องปาก สร้างรอยยิ้มเด็กไทย — วันนี้ (30 มิถุนายน 2568) กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงควา...

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จรรยา จันทร์ผ่อง ภา... มะเร็งปากมดลูก : โรคใกล้ตัวที่ผู้หญิงควรรู้ — ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จรรยา จันทร์ผ่อง ภาควิชาการพยาบาลสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิ...

มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ เปิดตั... ม.หัวเฉียวฯ เปิด 3 ศูนย์สุขภาพ ผสานแพทย์แผนจีน-AI เชื่อมการดูแลแบบองค์รวม — มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ เปิดตัว "คลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพท...

วงการสมุนไพรต้องจับตา! เปิดตัว 'กัมมี่สมุ... เนเจอร์ไบโอเทค 15 ปีแห่งความเชื่อมั่น สู่ก้าวใหม่ของนวัตกรรมสมุนไพร — วงการสมุนไพรต้องจับตา! เปิดตัว 'กัมมี่สมุนไพร' ทางเลือกใหม่ของการดูแลสุขภาพ" ในงานมห...