รมว.ดีอี เร่งแก้ไขปัญหาการขาดแคลนกำลังคนดิจิทัลของประเทศ เดินหน้าสร้างข้อสรุปร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อผลักดันแนวทางการดึงดูดกำลังคนดิจิทัลสาขาขาดแคลนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทย หรือ Global Digital Talent Visa ชี้จะเป็นการสร้างประโยชน์และช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรดิจิทัลให้กับภาคอุตสาหกรรมไทย พร้อมมอบหมาย ดีป้า ดำเนินการยกร่างประกาศกระทรวงก่อนชงเรื่องเข้าที่ประชุม ครม. ต่อไป
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (รมว.ดีอี) พร้อมด้วย ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ร่วมหารือแนวทางการดึงดูดกำลังคนดิจิทัลสาขาขาดแคลนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทย (Global Digital Talent Visa) กับ นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน และผู้แทนจากกรมการจัดหางาน นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนจากสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และกรมการปกครอง นายชวดล นิปธานนนท์ ผู้อำนวยการกองตรวจลงตราและเอกสารเดินทางคนต่างด้าว กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ และผู้แทนจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองนายสมศักดิ์ อนันทวัฒน์ รองอธิบดีกรมสรรพากร รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกิจพลังงาน) กระทรวงการคลัง และผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)
นายประเสริฐ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ กระทรวงดีอี ได้ร่วมหารือแนวทางการดึงดูดกำลังคนดิจิทัลสาขาขาดแคลนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทย (Global Digital Talent Visa) กับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมานั้น นายอนุทิน เห็นควรที่จะดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว ดังนั้น กระทรวงดีอี จึงได้ประชุมเพื่อหารือ พร้อมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงแนวทางการขับเคลื่อนร่วมกัน เพื่อนำสาระสำคัญมาประกอบการยกร่างประกาศกระทรวง ก่อนเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และออกเป็นกฎกระทรวงในลำดับถัดไป
ทั้งนี้ กระทรวงดีอี มองว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีความต้องการกำลังคนดิจิทัลเฉลี่ยปีละ 100,000 คน แต่ภาคการศึกษาสามารถผลิตกำลังคนกลุ่มดังกล่าวได้เฉลี่ยปีละ 25,000 คนเท่านั้น ดังนั้น Global Digital Talent Visa จะเป็นการสร้างประโยชน์และช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากรดิจิทัลให้กับภาคอุตสาหกรรมดิจิทัลและอุตสาหกรรมอื่น ๆ ของประเทศผ่านการนำเข้ากำลังคนจากต่างประเทศ โดย Global Digital Talent Visa เป็นการตรวจลงตรารูปแบบใหม่ มีอายุ 1 ปี ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติที่มีความสามารถด้านดิจิทัลสามารถเข้ามาพำนัก หางาน และทำงานในประเทศไทยได้โดยไม่ต้องใช้ใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ตลอดระยะเวลาการตรวจลงตรา โดยจะเปิดให้กับชาวต่างชาติ 2 กลุ่ม ประกอบด้วย
1.กลุ่มผู้มีความสามารถด้านดิจิทัล (Digital Talent Track) คือ ผู้ที่อยู่ระหว่างศึกษาหรือจบการศึกษาไม่เกิน 3 ปีในสาขาเทคโนโลยีและดิจิทัลจากมหาวิทยาลัยที่ได้รับการรับรองอันดับสูงสุด 600 อันดับของโลก หรือ ผู้ที่อยู่ระหว่างศึกษาหรือจบการศึกษาไม่เกิน 3 ปีด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลในสาขาที่ขาดแคลนหรือมีความต้องการสูงโดย ดีป้า จะเป็นผู้พิจารณา ซึ่งผู้ขอรับการตรวจลงตราต้องมีเงินฝากในบัญชีธนาคารในประเทศที่เชื่อมโยงกับระบบ NDID ไม่น้อยกว่า 300,000 บาท และไม่สามารถโอนเงินออกจากประเทศได้ อีกทั้งไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
2.กลุ่มดิจิทัลโนแมด (Digital Nomad Track) คือ ผู้ที่มีความสามารถด้านดิจิทัล โดยต้องแสดงหลักฐานการจ้างงานในตำแหน่งด้านดิจิทัล หรือหลักฐานการมีรายได้จากงานด้านดิจิทัลจากประเทศต้นทาง ซึ่งผู้ขอรับการตรวจลงตราต้องมีเงินฝากในบัญชีธนาคารในประเทศที่เชื่อมโยงกับระบบ NDID ไม่น้อยกว่า 600,000 บาท และไม่สามารถโอนเงินออกจากประเทศได้ อีกทั้งไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
"แนวทางการดึงดูดกำลังคนดิจิทัลสาขาขาดแคลนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทย (Global Digital Talent Visa) เป็นการดำเนินการที่ไม่มีต้นทุนเป็นตัวเงิน เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายและมาตรการทางภาษีมาเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ชาวต่างชาติที่ยื่นขอ Global Digital Talent Visa จะสามารถต่อยอดไปสู่วีซ่าประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็น Non-Immigrant Visa, SMART Visa และ Long-Term Resident Visa (LTR Visa) ซึ่ง กระทรวงดีอี ประเมินว่า ภายในระยะเวลา 5 ปีของการดำเนินการจะสามารถดึงดูดผู้ที่มีความสามารถด้านดิจิทัลเข้ามาเติมเต็มความต้องการแรงงานในภาคอุตสาหกรรมดิจิทัลและอุตสาหกรรมอื่น ๆ ของประเทศได้" รมว.ดีอี กล่าว
ทั้งนี้ ทุกหน่วยงานได้รับทราบแนวทางการดึงดูดกำลังคนดิจิทัลสาขาขาดแคลนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทย (Global Digital Talent Visa) โดย รมว.ดีอี ได้มอบหมายให้ ดีป้า เร่งดำเนินการยกร่างประกาศกระทรวง พร้อมระบุถึงกระบวนการดำเนินงาน ประเภทและคุณสมบัติต่าง ๆ โดยละเอียด ก่อนหารือกับคณะทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดการบูรณาการการทำงานอย่างเป็นระบบ และเมื่อร่างประกาศกระทรวงผ่านความเห็นชอบแล้วให้ส่งเรื่องเวียนถึงหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อทำงานไปพร้อมกัน ซึ่งจะเป็นการช่วยแก้คอขวดให้ประเทศไทยมี Ease of Doing Business และมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN Digital Hub) ในอนาคต
DE-BDE ปักหมุดอนาคตดิจิทัลไทย เปิดให้บริการศูนย์ดิจิทัลชุมชนแห่งใหม่แล้ว บนพื้นที่อาคารซี ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ พร้อมดัน IT Man เป็นเครือข่ายดิจิทัลให้ชุมชน ครอบคลุม 878 อำเภอทั่วประเทศ
ดีอี - TAGTHAi ร่วม MOU ส่งเสริม "Smart Tourism" ผ่านแพลตฟอร์ม หนุนยกระดับท่องเที่ยวไทย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล
ทส. ประชุม คกก.สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ประกาศกำหนดพื้นที่ กรุงเทพฯ และ 4 จังหวัดภาคเหนือ เป็นเขตควบคุมมลพิษ
การประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ครั้งที่ 4/2568
ข่าวดี! ODOS Summer Camp 2026 พร้อมเปิดรับสมัคร 1 ก.ย.นี้
ปตท.สผ. คว้ารางวัล AIBP ASEAN Enterprise Innovation Award 2025 จากการขับเคลื่อนเทคโนโลยี AI เพื่อยกระดับการดำเนินงาน
รองนายกฯ ประเสริฐ เปิดกิจกรรมปฐมนิเทศโครงการ ODOS Summer Camp พร้อมมอบกำลังใจแก่ 928 เยาวชนไทย ก่อนลัดฟ้าเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในต่างแดน
อว. ผนึก ดีอี โดย สวทช. จุฬาฯ และ สพธอ. เตรียมการจัดตั้ง "AI Thailand Hub" เดินหน้ายุทธศาสตร์ AI นำร่อง COE ประเทศ ลุยสร้างคน สร้างมาตรฐาน บริการ AI ครบวงจร
กระทรวงดีอี อัดงบ 69 พัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ปูพรมภาคการผลิต หนุนพัฒนา AI เพิ่มขีดแข่งขันประเทศไทย