ผู้ถือหุ้น บมจ.ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ (FPI) เฮ! ยกมือโหวตจ่ายเงินปันผลงวดปี 66 หุ้นละ 0.10 บาท โดยจ่ายระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกไปแล้วหุ้นละ 0.06 บาท เหลือจ่ายงวดสุดท้ายหุ้นละ 0.04 บาท เตรียมรับทรัพย์ 15 พ.ค.นี้ ฟากซีอีโอ "สมพล ธนาดำรงศักดิ์" ลั่นปี 67 บุกตลาดต่างประเทศเต็มสูบ ปักหมุดรายได้รวมเติบโต 10% จากปีก่อน
นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ FPI เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 151,302,993.40 บาท ทั้งนี้ บริษัทฯได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นแล้ว จำนวน 0.06 บาท สำหรับงวด 6 เดือนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2566 ดังนั้น จึงจะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเพิ่มอีกจำนวนหุ้นละ 0.04 บาท จากผลประกอบการงวด 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2566 โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 15 พฤษภาคม 2567
สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,513 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 374 ล้านบาท โดยได้รับผลดีจากการขยายตลาดไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งอาฟริกา อเมริกาใต้ และทวีปยุโรป นอกจากนี้ในส่วนของบริษัทลูกที่ประเทศอินเดีย มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยมี MSIL เป็นลูกค้ารายสำคัญ ทำให้มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น และได้รับคำสั่งซื้อจาก Toyota Kirloskar Motor ประเทศอินเดียเข้ามาด้วย
ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% จากปีก่อน ด้วยกลยุทธ์บริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยผลักดันให้มาร์จิ้นปรับตัวสูงขึ้น พร้อมทั้งตั้งงบลงทุน 600 ล้านบาท ขยายธุรกิจในประเทศซาอุดีอาระเบีย อินเดีย และประเทศไทย โดยประเมินว่าธุรกิจในอินเดียปี 2567 มีแนวโน้มสดใสเป็นอย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้งานจากลูกค้าที่อินเดีย (TOYOTA India) มูลค่ากว่า 200 ล้านรูปี คิดเป็นเงินไทยประมาณ 100 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มดำเนินงานได้ในไตรมาส 2/2567
ปัจจุบัน FPI ยังอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมลงทุน (JV) พันธมิตรธุรกิจแม่พิมพ์ในอินเดียและจีน เพื่อก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ เพื่อต่อยอดไปสู่ฐานการผลิตในประเทศเม็กซิโก เพื่อบุกตลาดทวีปอเมริกา ซึ่งเป็นฐานสำคัญในการทำตลาดในสหรัฐและแคนาดา โดยเฉพาะสินค้าประเภทแม่พิมพ์ เพื่อหวังสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการ และรักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK ปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate เหลือ 6.15% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ใช้สำหรับลูกค้าทั่วไปและลูกค้า SMEs เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีหรือ MRR ของธนาคารพาณิชย์ นับเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีที่ต่ำที่สุดในระบบ มีผลตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงิน
INETREIT ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 กวาดรายได้ 168.09 ล้านบาท เติบโต 58.50% เคาะจ่ายปันผลรายเดือน 0.0667 บาทต่อหน่วย
—
ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสัง...
SCBX เปิดตัวรายงาน AI Outlook 2025: Beaconing the Future of Artificial Intelligence พร้อมเทรนด์ AI สำคัญสำหรับภาคธุรกิจไทย
—
เตรียมความพร้อมสู่การเป็นองค์...
SPREME สุดสตรอง! โชว์งบ Q1/68 กำไรเพิ่มขึ้น 6.4% งานส่งมอบอุปกรณ์พร้อมติดตั้ง ดันอัตรากำไรขั้นต้นสูง 32.76% ปี 68 ปักหมุดรายได้เติบโต 10-15%
—
บมจ.สุพรีม ...
PREB เตรียมออกหุ้นกู้ อายุ 2 ปี ชูอัตราดอกเบี้ย 5.25-5.40% ต่อปี คาดเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 26-28 พ.ค.68
—
นายวิโรจน์ เจริญตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บร...
หุ้นกู้ "ซีพี ออลล์" อายุ 4 ปี 10 เดือน 13 วัน ช่วงดอกเบี้ย [2.80 - 2.95]% ต่อปี ทางเลือกลงทุนในธุรกิจพื้นฐานแกร่ง ช่วงดอกเบี้ยขาลง
—
คาดว่าเปิดจองให้ผู้ถ...
MPJ เปิดเกมรุก สู้ศึก TRADE WAR สบช่องขยายโอกาสการลงทุน ลุยปรับแผนเพิ่มช่องทางการขนส่งในอาเซียน-ตะวันออกกลาง
—
บมจ.เอ็ม พี เจ โลจิสติกส์ หรือ MPJ เปิดเกมส...
ธ.ทิสโก้ เสิร์ฟบัญชีเงินฝากประจำออนไลน์ "TISCO e-Fixed"
—
ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เอาใจคนชอบเซฟ ! เสิร์ฟบัญชีเงินฝากประจำ 9 เดือน "TISCO e-Fixed" ดอกเบ...