หายนะจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศรุนแรงขึ้นทั่วโลก จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่รัฐบาลและกลุ่มธุรกิจถูกกดดันเพิ่มขึ้นให้หาวิธีบรรเทาวิกฤตครั้งเลวร้ายที่สุดครั้งนี้ให้ได้ ซึ่งสิ่งที่จะสามารถทำได้อย่างรวดเร็วที่สุด ณ ตอนนี้ก็คือ การใช้มาตรการที่ช่วยประคับประคองสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความต้องการพลังงานเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 3 % ต่อปีในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา โดยเชื้อเพลิงฟอสซิลถือเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างมาก โดยองค์กรพลังงานระหว่างประเทศหรือ IEA ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันถือเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดในการใช้พลังงานแบบผสมผสานในภูมิภาค และยังเสริมว่าการนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิลถือเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนภูมิภาคอีกด้วย ดังนั้น การเปลี่ยนมาใช้พลังงานทดแทนและพลังงานที่ยั่งยืนให้ได้เร็วขึ้นจึงเป็นสิ่งที่ทั่วโลกกำลังมุ่งเน้นเป็นแผนระยะยาวเพื่ออนาคตที่ปลอดภัยและยั่งยืนยิ่งขึ้น
ต้องลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของดาต้าเซ็นเตอร์
เนื่องจากมีความต้องการใช้บริการที่ขับเคลื่อนด้วยดิจิทัลเพิ่มขึ้น เราจึงเห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน จากข้อมูลของ Kearney ตลาดโคโลเคชั่นของดาต้าเซ็นเตอร์ในภูมิภาคนี้คาดว่าจะเติบโต 16.5% ในช่วงปี 2562 ถึง 2569 โดยมีมูลค่าถึง 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม คุณ Chee Hoe Ling รองประธานด้าน Infrastructure Solutions ของ Vertiv ผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐาน Data center จากสหรัฐอเมริกาชี้ว่า การเติบโตของดาต้าเซ็นเตอร์นี้มาพร้อมกับปริมาณการใช้ไฟฟ้า น้ำที่ใช้ในการหล่อเย็น รวมถึงการปล่อยก๊าซคาร์บอนจำนวนมหาศาล ซึ่งหมายความว่าผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังเผชิญกับความท้าทายในการขยายบริการเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรม ต้องพยายามหาสมดุลด้วยการนำแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนมาใช้ในการดำเนินงานเพื่อแก้ไขวิกฤติสภาพภูมิอากาศไปพร้อม ๆ กัน
ดังนั้น สิ่งที่ควรให้ความสนใจนอกเหนือจากการเพิ่มประสิทธิภาพในโครงสร้างพื้นฐานของดาต้าเซ็นเตอร์ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วก็คือ ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์จำเป็นต้องให้ความสำคัญในด้านเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานและน้ำ และเพิ่มความยั่งยืนในการดำเนินงาน ซึ่งการให้ความสำคัญกับโซลูชันสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีความยั่งยืนจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างมาก
ความยั่งยืนและการเติบโตเป็นเรื่องที่แยกจากกันไม่ได้
การสร้างสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและความยั่งยืนบางครั้งอาจดูเหมือนเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก หากแต่กุญแจสำคัญที่จะทำให้ดาต้าเซ็นเตอร์เกิดความยั่งยืนโดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพนั้นขึ้นอยู่ที่การวางแผนกลยุทธ์โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งหมดให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยทั่วไปแล้วการออกแบบโซลูชันการทำความเย็นจะต้องดูสภาพอากาศในท้องถิ่นและความพร้อมของทรัพยากรควบคู่ไปกับปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความสามารถในการปรับขนาด ความน่าเชื่อถือ และการบำรุงรักษา ซึ่งดาต้าเซ็นเตอร์จะสามารถลดต้นทุนด้านพลังงาน เพิ่มความยั่งยืน และใช้พื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นหากมีโครงสร้างพื้นฐานการทำความเย็นอันทรงพลังและเชื่อถือได้ ตัวอย่างเช่น ระบบระบายความร้อน Liebert PEX4 ของ Vertiv ที่ผสานรวมคอมเพรสเซอร์อินเวอร์เตอร์ พัดลม EC EEV และคอยล์แบบ microchannel ซึ่งช่วยให้ดาต้าเซ็นเตอร์ทำงานได้มากขึ้นโดยใช้ทรัพยากรน้อยลง ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและน้ำได้อย่างมาก ขณะเดียวกันก็ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย
ดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่และใหญ่พิเศษมักมีโหลดที่มีความหนาแน่นสูง ทำให้ต้องการระบบระบายความร้อนที่สามารถรับมือกับโหลดความร้อนที่สูงขึ้นเกิดจากการประมวลผลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ โดยระบบได้ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการทำความเย็นให้ได้สูงสุดเพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานให้สามารถรับมือกับความท้าทายของแอปพลิเคชันการประมวลผลที่เข้มข้นได้ ตัวอย่างเช่น เครื่องควบคุมอากาศ (AHU) ตอบสนองความต้องการของลูกค้าต้องการใช้โซลูชันระบายความร้อนความจุสูงที่มีประสิทธิภาพและขนาดกะทัดรัด เนื่องจากยังคงมีความต้องการใช้ KW/rack เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องรวมถึงพื้นที่ข้อมูลก็มีจำกัดอีกด้วย ช่วยให้สามารถทำงานได้นานยิ่งขึ้น รับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ที่เกิดจากข้อกำหนดของดาต้าเซ็นเตอร์
คุณ Chee Hoe Ling เสริมว่า ยิ่งในปัจจุบันที่มีการใช้แอปพลิเคชันปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างแพร่หลาย ทำให้เกิดการใช้งานข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดาต้าเซ็นเตอร์จึงยิ่งทำงานหนัก และต้องการโซลูชันระบายความร้อนประสิทธิภาพสูงที่ใช้ทั้งอากาศและของเหลวอย่างเต็มรูปแบบ โดยทาง Vertiv ก็มีการพัฒนาโปรดักส์ Vertiv Liebert XDU ซึ่งเป็นระบบไหลเวียนของเหลวสู่ของเหลว (liquid-to-liquid) ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่สามารถใช้เซิร์ฟเวอร์ระบายความร้อนด้วยของเหลวในระบบที่เกี่ยวข้องกับดาต้าเซ็นเตอร์ตั้งแต่คอร์ไปจนถึงพื้นที่ตั้งเอ็ดจ์คอมพิวติ้งได้ มากกว่านั้นยังมี Vertiv Liebert VIC ซึ่งเป็นโซลูชันการระบายความร้อนด้วยของเหลวที่ช่วยให้เซิร์ฟเวอร์ที่มีความหนาแน่นสูงสามารถระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานทั้งหมด
ตัวอย่างที่ได้กล่าวมาแสดงให้เห็นตัวเลือกการระบายความร้อนประเภทต่าง ๆ ที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของดาต้าเซ็นเตอร์ทุกเครื่อง นอกเหนือจากการพิจารณารายละเอียดอื่น ๆ ผู้ปฏิบัติงานจำเป็นต้องประเมินโหลดความร้อนที่จะต้องทำความเย็น พลังงานที่มีอยู่รวมถึงน้ำ ต้นทุนพลังงาน และการวางแผนการใช้พื้นที่ จากนั้นจึงสามารถออกแบบดาต้าเซ็นเตอร์ได้หลังจากพิจารณาปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดอย่างรอบคอบแล้ว นอกจากนี้ในตลาดยังมีตัวเลือกมากมาย ตั้งแต่ระบบ Direct Expansion (DX) ที่ใช้สารทำความเย็นแบบไม่มีน้ำ ไปจนถึงระบบระเหยที่ใช้น้ำมาก เช่น แม้ว่าเราจะใช้น้ำช่วยให้ใช้พลังงานได้เกิดประสิทธิภาพสูงขีดสุด แต่ระบบ DX ยังสามารถขับเคลื่อนประสิทธิภาพการใช้พลังงานโดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรน้ำในท้องถิ่นปริมาณมหาศาล
ท้ายที่สุดแล้ว การผลักดันให้ใช้พลังงานทดแทนและสร้างแนวปฏิบัติงานที่มีความยั่งยืนทั้งในภาคพลังงานและดาต้าเซ็นเตอร์จำเป็นอย่างยิ่งในการสร้างอนาคตที่สดใสกว่าที่เป็นอยู่โดยไม่กระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ อีกทั้งต้องได้รับความร่วมมือรวมถึงใช้นวัตกรรมและความมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีและประสิทธิภาพมาใช้ ด้วยการให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในประเด็นที่กล่าวมา เราสามารถมีส่วนร่วมในภารกิจระดับโลกในการลดการปล่อยคาร์บอน และสร้างอนาคตที่มีความยั่งยืนมากขึ้นสำหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไปได้
"JAS" คว้า 5 ดาว 3 ปีซ้อน จากการประเมิน "CGR 2025"
"ธนกร" สั่งการ "ดีพร้อม" Quick Big Win อัดฉีดสินเชื่อ "เงินไว by DIPROM" ดอกเบี้ย 50 สตางค์ กระตุ้นสั้น โค้งสุดท้ายปลายปี ดีมานด์พุ่ง!! 30%
CMO จ่ายหุ้นกู้งวด 9 กว่า 5.5 ล้านบาท ตอกย้ำวินัยการเงิน พร้อมปรับกลยุทธ์อีเวนต์ Q4/68 รับสถานการณ์
วว. /พันธมิตรร่วมจัดประชุมหารือโครงการ "ซีพี-เมจิ นวัตกรรมการศึกษาเพื่ออนาคต"
"STEM Racing Thailand National Finals 2025" จุดประกายพลังเยาวชนไทย สู่อนาคตแห่งนวัตกรรมระดับโลก
"MIRROR HOUSE" Opens Door to "Aruta Soup's Universe" Japanese Street Artist's First Solo Exhibition in Thailand
ปรากฏการณ์! "The Iconic Treasure 2025: Master Series" ชู "ดรสาแบหลา" ผลงาน อ.จักรพันธุ์ โปษยกฤต เคาะราคาเริ่มต้น 19.5 ล้านบาท สูงสุดวงการประมูลศิลปะไทย
"MIRROR HOUSE" ประตูสู่จักรวาลความคิดของ "อารุตะ ซุป" นิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกในไทยโดยศิลปินสตรีทอาร์ตชาวญี่ปุ่น
STEM Racing Thailand Celebrates the Success of the 2025 National Finals at Grand Richmond Stylish Convention Hotel