เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จับมือ ไทยยูเนี่ยน ร่วมลดก๊าซเรือนกระจก ลงนาม MOU ติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้คู่ค้าทั่วประเทศ กว่า 30 เมกะวัตต์

12 Feb 2024

เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ ผู้ประกอบธุรกิจพลังงานทดแทนประเภทพลังงานแสงอาทิตย์ ผนึกกำลัง บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ผู้นำธุรกิจอาหารทะเลระดับโลก ร่วมส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแบบยั่งยืน เซ็น MOU ติดตั้งโซลาร์เซลล์ ให้กับคู่ค้าในประเทศของไทยยูเนี่ยนที่ผ่านการคัดเลือกจากทั่วประเทศ รวมกว่า 30 เมกะวัตต์ เพื่อมุ่งช่วยเหลือให้คู่ค้าของบริษัทสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีจากพลังงานสะอาดและนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จับมือ ไทยยูเนี่ยน ร่วมลดก๊าซเรือนกระจก ลงนาม MOU ติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้คู่ค้าทั่วประเทศ กว่า 30 เมกะวัตต์

นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billet) รายใหญ่ของประเทศ และธุรกิจพลังงานทดแทนประเภทพลังงานแสงอาทิตย์ ผ่านบริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า CHOW ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU - Memorandum Of Understanding) กับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจอาหารทะเลระดับโลก ที่มุ่งสร้าง "การมีสุขภาพที่ดีและท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์, Healthy Living, Healthy Oceans" เพื่อพัฒนาและติดตั้งโครงการโซลาร์เซลล์ให้กับคู่ค้าของไทยยูเนี่ยน ทั่วประเทศ ขนาดรวมกันกว่า 30 เมกะวัตต์ ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณการใช้ไฟฟ้าของประมาณ 10,000 ครัวเรือน

โครงการดังกล่าว เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นของทั้ง 2 ฝ่ายที่ได้นำแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน หรือ ESG (Environment, Social และ Governance) ให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจ ที่คำนึงถึงความรับผิดชอบ 3 ด้านหลัก คือ สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล เข้ามาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับธุรกิจเข้าสู่องค์กรคาร์บอนต่ำ ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามเป้าหมายที่วางไว้ โดย CHOW จะทำหน้าที่พัฒนาโครงการโซลาร์เซลล์ ให้กับเครือข่ายของไทยยูเนี่ยน ให้เหมาะสมกับความต้องการใช้ของแต่ละแห่ง เพื่อให้การใช้พลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ บรรลุประโยชน์สูงสุดตามความต้องการของผู้ประกอบการ

"CHOW เป็นบริษัทที่มีความเข้าใจในการทำโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ และมีประสบการณ์ในหลายรูปแบบ ซึ่งสามารถที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาโครงการและการก่อสร้าง รวมถึง การดำเนินการและบำรุงรักษาโครงการที่กำลังทำร่วมกับไทยยูเนี่ยน ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดได้" นายอนาวิล กล่าว

นายอดัม เบรนนัน ผู้อำนวยการกลุ่มด้านความยั่งยืน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานตามกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange(R)2023 ซึ่งหนึ่งในพันธกิจหลักของกลยุทธ์ความยั่งยืนคือ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 42 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2573 และจะต้องลดให้เหลือศูนย์ภายในปี 2593 โดยการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (โซล่าเซลล์) ให้กับบริษัทคู่ค้าในประเทศไทยนั้น จะช่วยเพิ่มสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งในห่วงโซ่อุปทานของบริษัทในภาพรวม

โดย MOU นี้จะช่วยให้บริษัทคู่ค้าสามารถเข้าถึงและจับต้องเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ (โซ่ล่าเซลล์) ได้มากขึ้นผ่านระบบสัญญาแบบ PPA หรือ Power Purchase Agreement ซึ่งเป็นโมเดลพลังงานรูปแบบหนึ่ง คือบริษัทผู้ให้บริการจะเป็นผู้ลงทุนในอุปกรณ์ การติดตั้ง รวมถึงการดูแลรักษาระบบฯให้ฟรีทั้งหมด โดยบริษัทคู่ค้าที่เข้าร่วมโครงการนี้จะจ่ายแค่ค่าไฟฟ้าที่ผลิตจากโซล่าเซลล์ตามระยะสัญญาต่อกันเพียงเท่านั้น โดยอัตราค่าไฟจะคิดต่ำกว่าการไฟฟ้า ดังนั้นความร่วมมือนี้ไม่เพียงแค่ช่วยลดก๊าซเรือนกระจกเพียงในห่วงโซ่อุปทานเท่านั้น อีกทั้งยังช่วยให้บริษัทคู่ค้าประหยัดต้นทุนด้านพลังงาน เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และยังเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทคู่ค้าอีกด้วย

โครงการนี้จะติดตั้งโซล่าเซลล์ขนาดรวมกันกว่า 30 เมกะวัตต์ภายในระยะเวลา 2 ปี โดยความร่วมมือครั้งนี้ จะช่วยยกระดับบริษัทคู่ค้าและภาคธุรกิจไทยไปสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำตามเป้าหมาย

"เรื่องของความยั่งยืนเป็นเรื่องที่ต้องลงมือทำตั้งแต่วันนี้ และด้วยกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange(R) ที่เป็นหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจของเรา เพื่อมุ่งมั่นผลักดันให้อุตสาหกรรมอาหารทะเลของโลกดีขึ้น พันธกิจที่ท้าทายขนาดนี้ต้องอาศัยพลังและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล องค์กร รวมไปถึงภาคประชาชน ที่จะช่วยกันทำให้การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นจริง" นายอดัม กล่าว