"BFF" เผยยอดขายปี 2566 เพิ่มถึง 29% เกือบ 400 ล้านบาท มุ่งเสริมแกร่งธุรกิจมัลติแบรนด์หรู ตั้งเป้าโต 26% ภายในสิ้นปีนี้

12 Mar 2024
"BFF" ร้านมัลติแบรนด์ ผู้จัดจำหน่ายสกินแคร์ เครื่องสำอาง และสินค้าไลฟ์สไตล์ นิช และลักชัวรี่ แห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้บริษัท โอซี เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เผยรายได้ปี 2566 ด้วยยอดรวมถึง 362 ล้านบาท เติบโตขึ้น 29% จากปีที่แล้ว ตอบรับการกลับมาของตลาดด้านการดูแลความงามและสุขภาพในระดับพรีเมี่ยมที่ตื่นตัวขึ้น หลังจากที่สถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ได้คลี่คลายลงเป็นเวลาพอสมควร โดยผู้บริโภคเกิดความมั่นใจที่จะตัดสินใจจับจ่ายสินค้าบิวตี้และไลฟ์สไตล์ลักชัวรี่มากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจใหม่ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2566 ได้แก่ คลินิกเพื่อสุขภาพ ความงาม และการชะลอวัย ภายใต้ชื่อ "The Wellness by BFF" พร้อมทั้งพัฒนาช่องทางออนไลน์อย่างครบวงจร ทั้งอีคอมเมอร์ซทางเว็บไซต์ bffbangkok.com, Facebook, LINE OA, Instagram, TikTok, ร้าน BFF Official Store ทาง Lazada และ Central Online มุ่งสร้างความแข็งแกร่งและต่อยอดความเชื่อมั่นของลูกค้าให้กับแบรนด์ด้วยแนวคิด "Beautility" ซึ่งประกอบด้วย Beauty = ความสวย ความงามในทุกช่วงจังหวะของชีวิต, Quality = คุณภาพที่เราไม่ประนีประนอม และ Ability = ส่งเสริมทุกคนให้เป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดของตัวเอง โดยผ่านกิจกรรมกระตุ้นการตลาดที่ออกแบบมาเพื่อลูกค้าแต่ละคนโดยเฉพาะ รวมทั้งเปิดตัววิดีโอชุดพิเศษ "นิยามของคำว่าเพื่อนสนิท เพื่อนสนิทสายบิวตี้ - BFF Best Friend Forever" ซึ่งจะออกอากาศทางสื่อออนไลน์ทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้ เพื่อเข้าถึงฐานลูกค้าที่มีรายได้สูงและสนใจในผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อความงามในระดับนิช และลักชัวรี่ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโตในปี 2567 ที่ 26% พร้อมตอกย้ำภาพลักษณ์และศักยภาพอันแข็งแกร่งของ BFF ในฐานะ "ผู้บุกเบิกร้านมัลติแบรนด์เพื่อความงามและไลฟ์สไตล์ครบวงจรระดับลักชัวรี่แห่งแรกในประเทศไทย (The First Prestigious Multi-label Beaty Store in Thailand)" นางสาวศจิกา ทองสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอซี เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด และผู้ก่อตั้ง BFF ร้านมัลติแบรนด์ ผู้จัดจำหน่ายสกินแคร์ เครื่องสำอาง และสินค้าไลฟ์สไตล์ นิช และลักชัวรี่ เปิดเผยว่า "ปัจจุบัน ตลาดต่างๆ ในอุตสาหกรรมความงามในประเทศไทย อาทิ สกินแคร์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม ฯลฯ ได้เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งเป็นผลจากการที่ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจในการหันมาจับจ่ายใช้สอยเพื่อการดูแลตัวเองมากขึ้น ภายหลังสถานการณ์ของโรคระบาดที่ได้คลี่คลายลงมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว โดยในส่วนของรายได้ปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ของเราสามารถปิดยอดรวมได้ถึงกว่า 362 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 29% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีผลกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 35 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 125% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยเป็นสัดส่วนรายได้จากธุรกิจค้าปลีกผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ เป็นผู้นำเข้ามาจัดจำหน่ายในประเทศไทยมากถึง 87% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 317 ล้านบาทโดยในปัจจุบันร้าน BFF เป็นที่รวบรวมผลิตภัณฑ์สกินแคร์ เมคอัพ อาหารเสริม และไลฟ์สไตล์ระดับลักชัวรี่ มากถึง 58 แบรนด์จากทั่วทุกมุมโลก อาทิ 111SKIN, Evidens de Beaute, CellCosmet, Philip B, Oribe และอีกมากมาย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจใหม่ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2566 ได้แก่ คลินิกเพื่อสุขภาพ ความงาม และการชะลอวัย ภายใต้ชื่อ 'The Wellness by BFF' ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯ มีจำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นรวมกว่า 100 คน ทั้งที่คลินิกและในร้าน BFF ทั้ง 8 สาขาทั่วกรุงเทพฯ"นางสาวศจิกา กล่าวต่อไปว่า "ธุรกิจของเราอยู่ในตลาดนิช และลักชัวรี่ โดยมุ่งเน้นการนำเสนอแบรนด์และผลิตภัณฑ์ด้านความงามและสุขภาพจำเพาะกลุ่มที่หาซื้อไม่ได้ที่ไหนในประเทศไทย เราให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อความต้องการอันหลากหลายของลูกค้า พร้อมส่งมอบบริการอันเป็นเลิศที่ช่วยตอบโจทย์และเข้าใจลูกค้าได้อย่างตรงจุด หนึ่งในความแข็งแกร่งของแบรนด์ BFF ตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมาคือความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่องจากลูกค้า เราจึงดูแลลูกค้าทุกคนของเราเป็นอย่างดีด้วยบริการแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Service) ซึ่งเรามีการเก็บข้อมูล ทั้งในด้านประวัติการซื้อ สภาพผิว สไตล์ความชื่นชอบ และความต้องการต่างๆ โดยลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเราจะเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้สูงทั้งหญิงและชาย มีความสนใจและชอบทดลองผลิตภัณฑ์เพื่อความงามในระดับนิช และลักชัวรี่ใหม่ๆ รวมถึงผู้ที่มองหาผลิตภัณฑ์และบริการที่ให้ประสิทธิภาพสูงในการดูแลความงามและสุขภาพของตน โดยในปัจจุบัน BFF มีฐานลูกค้าในระบบ CRM ของเราเป็นจำนวนมากกว่า 50,000 ราย โดยเรามีการทำโปรแกรมลอยัลตี้สำหรับลูกค้าที่เป็นสมาชิกแบ่งเป็น 4 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ Diamond, Platinum, Rose Gold และ Silver ในแต่ละกลุ่มจะได้รับสิทธิพิเศษและระดับส่วนลดสินค้าที่แตกต่างกันไป โดยกลุ่ม Platinum จะเป็นสัดส่วนที่สร้างรายได้มากที่สุดให้กับ BFF และกลุ่ม Diamond ถือว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีลอยัลตี้ให้กับแบรนด์ในระดับสูงมาอย่างยาวนาน ซึ่งเราให้ความสำคัญกับลูกค้าที่เป็นสมาชิก BFF ทุกกลุ่ม ด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่างๆ เพื่อช่วยกระตุ้นยอดขาย มีการจัดชุดสินค้าแนะนำในราคาพิเศษซึ่งเป็นการเลือกสรรสุดยอดผลิตภัณฑ์เพื่อความต้องการด้านต่างๆ รวมถึงการเปิด LINE Open Chat สำหรับกลุ่มสมาชิกในทุกระดับ เพื่อให้สามารถเข้าถึงคำแนะนำ ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าใหม่ และตอบข้อสงสัยต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที"สำหรับทิศทางของธุรกิจในปี 2567 BFF ตั้งเป้าเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจต่างๆ ทั้งร้านมัลติแบรนด์ BFF ที่มีอยู่ถึง 8 สาขาทั่วกรุงเทพฯ และคลินิกเพื่อสุขภาพ ความงาม และการชะลอวัย "The Wellness by BFF" ไปจนถึงการขยายธุรกิจสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ของ BFF ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารด้านผิวพรรณ การชะลอวัย และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย โดยในปีนี้ ทางบริษัทฯ จะมีการใช้งบประมาณด้านการตลาดเพิ่มขึ้นถึง 60% จากปีที่แล้ว ในการสร้างการรับรู้และการเข้าถึงลูกค้าในกลุ่มที่กว้างขึ้น พร้อมกระตุ้นทราฟฟิกหน้าร้านด้วยแคมเปญและกิจกรรมส่งเสริมการตลาดตลอดปี รวมถึงมุ่งพัฒนาศักยภาพของ Beauty Advisor หรือ BA ของเราในการดูแลลูกค้าทั้งที่เป็นสมาชิกอยู่แล้วและที่เข้ามาใหม่ เพื่อให้สามารถยกระดับบริการอันน่าประทับใจและส่งมอบประสบการณ์ความพิเศษในด้านต่างๆ ให้กับลูกค้า BFF ทุกคนได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยชูแนวคิด "Beautility" ซึ่งประกอบด้วย Beauty = ความสวย ความงามในทุกช่วงจังหวะของชีวิต, Quality = คุณภาพที่เราไม่ประนีประนอม และ Ability = ส่งเสริมทุกคนให้เป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดของตัวเอง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและต่อยอดความเชื่อมั่นจากลูกค้าให้กับแบรนด์ นอกจากนี้ เรายังมุ่งเน้นการทำตลาดและการสื่อสารด้านแบรนด์ผ่านช่องทางออนไลน์อย่างครบวงจร ได้แก่ เว็บไซต์อีคอมเมอร์ซของ bffbangkok.com, Facebook, LINE OA, Instagram, TikTok, ร้าน Official Store ของ BFF ทาง Lazada และ Central Online รวมถึงการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ ที่มีดีเอ็นเอตรงกับแบรนด์ของเรา พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังได้เปิดตัววิดีโอชุดพิเศษ "นิยามของคำว่าเพื่อนสนิท เพื่อนสนิทสายบิวตี้ - BFF Best Friend Forever" ที่สร้างสรรค์ขึ้นภายใต้แนวคิดที่ว่า "เพราะเราเชื่อว่าทุกคนนั้นล้วนมีเพื่อนสนิทเรื่องความงามอยู่ใกล้ตัวเสมอ เพื่อนที่มาในรูปแบบของผลิตภัณฑ์ความงาม เพื่อนที่มอบแต่สิ่งที่ดีให้ เพื่อนที่เข้าใจสิ่งที่คุณต้องการ และทุกคนต่างมองหาเพื่อนสนิทชิ้นถัดๆ ไป...BFF พร้อมจะยืนอยู่ตรงนั้นในฐานะเพื่อนสนิทของสาวๆ ทุกคน" ซึ่งวิดีโอดังกล่าวจะออกอากาศทางสื่อออนไลน์ทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้ เพื่อเข้าถึงฐานลูกค้าที่มีรายได้สูงและสนใจในผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อความงามและสุขภาพในระดับนิช และลักชัวรี่"บริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโตโดยรวมของทั้งธุรกิจร้าน BFF และ The Wellness by BFF ในปี 2567 อยู่ที่ 26% พร้อมตอกย้ำภาพลักษณ์และศักยภาพอันแข็งแกร่งของ BFF ในฐานะ 'ผู้บุกเบิกร้านมัลติแบรนด์เพื่อความงามและไลฟ์สไตล์ครบวงจรระดับลักชัวรี่แห่งแรกในประเทศไทย (The First Prestigious Multi-label Beaty Store in Thailand)' โดยเราเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาด เซ็กเม้นต์นี้ของประเทศไทย ความสำเร็จต่างๆ ในธุรกิจของเราสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของแบรนด์ในการเติบโตควบคู่ไปกับความต้องการของลูกค้าในประเทศที่เพิ่มขึ้น โดย BFF จะไม่หยุดยั้งสร้างสรรค์ความพิเศษให้กับลูกค้าของเรา ด้วยการนำเสนอสินค้าและบริการใหม่ๆ ในระดับนิช และลักชัวรี่ เพื่อตอบรับกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน พร้อมมุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจที่ยั่งยืนให้กับแบรนด์ต่อไปในอนาคต" นางสาวศจิกา กล่าวสรุป
"BFF" เผยยอดขายปี 2566 เพิ่มถึง 29% เกือบ 400 ล้านบาท มุ่งเสริมแกร่งธุรกิจมัลติแบรนด์หรู ตั้งเป้าโต 26% ภายในสิ้นปีนี้

สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของ BFF กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ bffbangkok.com ติดตามความเคลื่อนไหวของแบรนด์ พร้อมกิจกรรมและโปรโมชั่นสุดพิเศษจาก BFF ได้ที่ช่องทางออนไลน์ต่างๆ ดังนี้Facebook:

bffluxuryLINE:

@bff_bkkInstagram:

@bff_bkkTikTok:

@bff_bkkรับชมวิดีโอชุดพิเศษ "นิยามของคำว่าเพื่อนสนิท เพื่อนสนิทสายบิวตี้ - BFF Best Friend Forever" ได้ทางสื่อออนไลน์ทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

"BFF" เผยยอดขายปี 2566 เพิ่มถึง 29% เกือบ 400 ล้านบาท มุ่งเสริมแกร่งธุรกิจมัลติแบรนด์หรู ตั้งเป้าโต 26% ภายในสิ้นปีนี้