"COSMOPROF CBE ASEAN 2025" จุดประกายอนาคตความงาม "ลอรีอัล" นำทีมเจาะลึก 6 เทรนด์โลก สู่กลยุทธ์สร้างแบรนด์ไอคอนิกระดับสากล

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

เวทีเสวนา COSMOPROF CBE ASEAN "Building Iconic Beauty Brands: Strategy, Story, Success" ที่จัดโดย Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok หรือ CCA2025 ดึงกูรูนักการตลาด ผู้บริหาร และเจ้าของ แบรนด์ ร่วมเผยเคล็ดลับนำแบรนด์ไทยสู่ระดับสากล นำโดย "ลอรีอัล" เจาะลึกเทรนด์บิวตี้แห่งอนาคต : จากเทคโนโลยีสุดล้ำ สู่พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป กับ 6 เทรนด์ความงามที่กำลังมาแรง

"COSMOPROF CBE ASEAN 2025" จุดประกายอนาคตความงาม "ลอรีอัล" นำทีมเจาะลึก 6 เทรนด์โลก สู่กลยุทธ์สร้างแบรนด์ไอคอนิกระดับสากล

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมความงานในภูมิภาค เนื่องจากเป็นประตูสู่อาเซียนและศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน ทำให้บริษัทได้จัด งาน Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2025 ระหว่างวันที่ 25-27 มิถุนายน 2025 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อเป็นเวทีนำเสนอและแลกเปลี่ยนนวัตกรรม ความร่วมมือทางธุรกิจ พร้อมขยายเครือข่ายรองรับการเติบโตระดับภูมิภาคในอุตสาหกรรมความงาม โดยปีนี้จัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 ซึ่งมีการขยายพื้นที่เป็น 25,000 ตร.ม. สำหรับรองรับผู้ร่วมแสดงงานมากกว่า 2,000 แบรนด์ และคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมทั้งในประเทศและต่างประเทศมากกว่า 17,000 คน "COSMOPROF CBE ASEAN 2025" จุดประกายอนาคตความงาม "ลอรีอัล" นำทีมเจาะลึก 6 เทรนด์โลก สู่กลยุทธ์สร้างแบรนด์ไอคอนิกระดับสากล

"เพราะประเทศไทยเป็นเกตเวย์เข้าสู่อาเซียน และฮับของภูมิภาค ภายในงานจึงได้รวบรวมเทรนด์ต่าง ๆ ด้านความงาม และเป็นงานเดียวที่รวบรวมผู้ผลิต ไม่ว่าจะกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบไปจนถึงสินค้าสำเร็จรูป และภายในงานยังสามารถสร้างเครือข่ายกับคนในอุตสาหกรรมได้ด้วย โดยมีประเทศจีน เกาหลี ญี่ปุ่น และอิตาลีมาจัดแสดงในรูปแบบพาวิลเลียน นอกเหนือจากนี้ ยังมีอีกกว่า 20 ประเทศเข้าร่วมงานด้วย" นายสรรชาย กล่าวและว่า

สำหรับจุดเด่นหลัก Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2025 ยังคงมุ่งเน้นไปที่เทรนด์ความงามที่สำคัญหลายด้าน อาทิ อาหารเสริมความงาม (Beauty Supplement) ที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น เพิ่มขึ้นจาก 6% เป็น 9% ภายในเวลาเพียงสองปี ความงามทางการแพทย์ (Medical Beauty) จากการวิจัยของธนาคารกรุงศรี อุตสาหกรรมอุปกรณ์การแพทย์ของไทย โดยเฉพาะในกลุ่มความงามทางการแพทย์ มีแนวโน้มเติบโตอย่างมากตั้งแต่ปี 2023 ถึง 2025 คาดว่าทั้งตลาดภายในและต่างประเทศจะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 5.5-7.0% และ 6.5-7.5% ตามลำดับ

"ลอรีอัล" ชี้ 6 เทรนด์บิวตี้แห่งอนาคต สู่พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ควรกำหนดทิศทางอุตสาหกรรมอย่างไร

ภายในงานสัมมนา COSMOPROF CBE ASEAN "Building Iconic Beauty Brands: Strategy, Story, Success" ยังมีการบรรยายพิเศษในหัวข้อ "เจาะลึกเทรนด์บิวตี้แห่งอนาคต : จากเทคโนโลยีสุดล้ำ สู่พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป กำหนดทิศทางอุตสาหกรรมอย่างไร" โดย นายแพทริค จีโร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด

นายแพทริค กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดความงามโลกมีมูลค่ารวมราว 2.94 แสนล้านยูโร หรือประมาณ 10.834 ล้านล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 ยูโรเท่ากับ 36.840 บาท) ซึ่งผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมีสัดส่วน 39% เติบโต 2.7% ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมมีสัดส่วน 21% เติบโต 4.8% ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางมีสัดส่วน 17% เติบโต 4% ผลิตภัณฑ์น้ำหอมมีสัดส่วน 13% เติบโต 11% และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมีสัดส่วน 10% เติบโต 6.1% ส่วนตลาดความงามในแต่ละกลุ่มตลาด พบว่า กลุ่มตลาดเวชสำอางเติบโตมากที่สุด 8% รองลงมาเป็นกลุ่มตลาดมวลชน 6% กลุ่มตลาดผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ 3.5% และกลุ่มตลาดความงามชั้นสูง 2%

นอกจากนี้ ด้วยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรปัจจุบัน ทำให้มีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าในปี 2573 จะมีจำนวนผู้สูงอายุ 1,000 ล้านคนทั่วโลก จากปัจจุบันที่มีจำนวน 850 ล้านคน ซึ่งนับเป็นกลุ่มลูกค้าที่สำคัญของตลาดความงาม เนื่องจากมีกำลังซื้อสูงและสนใจในการดูแลผิวพรรณ รูปร่าง และสุขภาพของตนเอง และยังมีกลุ่มประชากรที่มีศักยภาพสำหรับการบริโภคผลิตภัณฑ์ความงามอีก 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเจนซี (Generation Z) ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 150 ล้านคนในปี 2573 กลุ่มเจนอัลฟา (Generation Alpha) เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่เริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นในปี 2573 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นราว 200 ล้านคน และกลุ่มผู้บริโภคผู้ชาย ที่ยังมีโอกาสเติบโตอยู่อีกมาก ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนเพียง 1 ใน 4 ของผู้บริโภคทั้งหมด และผลิตภัณฑ์เฉพาะผู้ชายมีส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามแค่ 10% เท่านั้น

นอกจากการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างประชากรแล้ว การเปลี่ยนแปลงในด้านอื่น ๆ ได้ส่งผลต่อตลาดความงามด้วยเช่นกัน โดยจากการสำรวจของ IPSOS Global Trends ปี 2567 ที่ผ่านพบเทรนด์หลักที่สะท้อนวิถีชีวิตและสังคมผู้คนหลายด้าน อาทิ

  1. รอยร้าวของโลกาภิวัตน์ (Globalization Fractures) : ผู้คนเริ่มหันกลับมารักและภูมิใจในความเป็นชาติพันธุ์ตัวเองมากขึ้น ส่งผลต่อการการตอบรับของตลาดความงาม อาทิ การมีผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะวัฒนธรรม/ประเทศ เช่น แพ็กเกจจิงลายมังกรสำหรับชาวจีน แบรนด์โลคอล ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ชาติพันธุ์อันหลากหลาย เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมที่เหมาะกับผมหยักศกโดยเฉพาะ
  2. ความเหลื่อมล้ำทางสังคม (Splintered Societies) : ความเหลื่อมล้ำทางสังคม จนกระจาย รวยกระจุก ปัญหาการอพยพย้ายถิ่นฐาน และความขัดแย้งในแต่ละประเทศ ส่งผลการตอบรับของตลาดความงาม อาทิ แบรนด์ที่เน้นผลิตภัณฑ์คุ้มค่า เป็นสินค้าคุณภาพดี คุ้มคุณภาพ ราคาย่อมเยา และแบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงสุด (Ultra-luxury) เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงสุด
  3. การตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและปัญหาโลกรวน (Climate Convergence) : การตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและปัญหาโลกรวน ผู้คนเริ่มหันมาปรับเปลี่ยนนิสัย เพราะต้องการรักษาสิ่งแวดล้อม ส่งผลการตอบรับของตลาดความงาม อาทิ ผลิตภัณฑ์รักษ์โลก แก้ปัญหาภาวะโลกรวน เช่น แชมพูสระผมในรูปแบบสบู่ก้อน และแพ็กเกจจิงเป็นกระดาษ เป้าหมายในการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัท ผลิตภัณฑ์ที่มีจริยธรรมในการดำเนินงานตลอดห่วงโซ่คุณค่า เช่น ไม่ทดลองผลิตภัณฑ์ในสัตว์ การสามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาวัตถุดิบ เคารพสิทธิมนุษยชน
  4. ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี (Techno Wonder) : ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ส่งผลการตอบรับของตลาดความงาม อาทิ Beauty tech เช่น นวัตกรรมเพื่อความงามที่ก้าวหน้าต่าง ๆ ตัวอย่าง ลอรีอัล คือ Cell BioPrint อุปกรณ์ตรวจวิเคราะห์ผิวแบบเฉพาะบุคคล ที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการชะลอวัยและป้องกันปัญหาผิวในอนาคต
  5. สุขภาพกายและใจมาเป็นที่หนึ่ง (Conscientious Health) : สุขภาพกายและใจมาเป็นที่หนึ่ง ส่งผลการตอบรับของตลาดความงาม อาทิ ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบโจทย์คำว่า "สมบูรณ์แบบ" เช่น คลินิกความงาม ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่โอบรับแนวคิดการดำรงชีวิตที่ยืนยาว เพื่ออายุที่เพิ่มขึ้นไปพร้อม ๆ กับการดูแลตัวเองและความงามไปอย่างยืนยาว
  6. พลังแห่งความเชื่อมั่น (Power of Trust) : พลังแห่งความเชื่อมั่น โดยจะให้ความเชื่อถือในแบรนด์ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน หรือมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางแนะนำ ส่งผลการตอบรับของตลาดความงาม อาทิ ผลิตภัณฑ์ที่การันตีโดยผู้เชี่ยวชาญ อาทิ ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง ที่แนะนำโดยแพทย์ผิวหนัง และแบรนด์ที่มีความเป็นมายาวนาน เช่น คีลส์ ที่เคยเป็นร้านขายยาและสมุนไพรมาก่อน

จากเทรนด์ความงามโลกดังกล่าว ลอรีอัล กรุ๊ปจึงได้ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและความเป็นผู้นำด้านวิทยาศาสตร์เพื่อความงาม โดยมีผลิตภัณฑ์ประสิทธิภาพสูง ควบคู่ไปกับ Beauty Tech เพื่อมอบผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับเฉพาะบุคคล รวมถึงประสบการณ์การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภคขณะเดียวกันลอรีอัล กรุ๊ป ได้นำการใช้ AI เข้ามาเพื่อพัฒนาในด้านต่าง ๆ ตลอดขั้นตอนการทำงาน อาทิ การเสริมพลังการวิจัย ผ่านการจับมือกับ IBM นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (GenAI) มาช่วยในการค้นหาข้อมูลเชิงลึกใหม่ ๆ เกี่ยวกับสูตรส่วนผสมเครื่องสำอาง เป็นต้น

"ลอรีอัล กรุ๊ป ไม่เพียงมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ประสิทธิภาพสูงเท่านั้น แต่ยังทำงานเพื่อกำหนดอนาคตของความงาม ยกระดับประสบการณ์ความงามอย่างต่อเนื่อง ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างเหนือระดับ ผ่านการวิเคราะห์เชิงลึก การคาดการณ์ที่แม่นยำ และกลยุทธ์การตลาดที่เฉียบคม พร้อมนำเสนอนวัตกรรม Beauty Tech ล้ำสมัย ผสานพลัง AI เพื่อสร้างสรรค์ความงามเฉพาะบุคคลอย่างแท้จริง" นายแพทริค กล่าว

เคล็ดลับสู่ความสำเร็จระดับสากล สร้างความได้เปรียบที่จะช่วยให้ธุรกิจ ทันต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในยุคดิจิทัล

นายณัฐพล ชูจิตารมย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออาร์ เฮลท์ แอนด์ เวลเนส จำกัด กล่าวว่า การสร้างแบรนด์ความงามที่แข็งแกร่งไม่ได้ขึ้นอยู่แค่กับผลิตภัณฑ์ที่ดีเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีเรื่องราวที่เชื่อมโยงกับผู้บริโภค และกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการขยายตลาด ซึ่งแบรนด์ต้องให้ความสำคัญเรื่องความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความยั่งยืน และนวัตกรรม โดยแบรนด์ควรสร้างความแตกต่างผ่านเอกลักษณ์ของตัวเอง เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

"หนึ่งในปัจจัยสำคัญของแบรนด์ความงามที่ประสบความสำเร็จ คือ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ การบริการ ไปจนถึงความเชื่อมโยงทางอารมณ์ ขณะที่งาน Cosmoprof CBE ASEAN เป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ นักธุรกิจ และผู้ที่สนใจในอุตสาหกรรมความงาม ได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนแนวคิดเพื่อสร้างแบรนด์ที่เป็นที่จดจำอย่างแท้จริง" นายณัฐพล กล่าว

ด้าน นางสาวขวัญฤทัย ดำรงค์วัฒนโภคิน กรรมการผู้จัดการ รมย์รวินท์ คลินิก กล่าวว่า ขอขอบคุณผู้จัดงาน Cosmoprof CBE ASEAN ที่มอบโอกาสให้ร่วมแบ่งปันแนวคิดและประสบการณ์ และขอเป็นกำลังใจให้ทุกแบรนด์ก้าวเดินบนเส้นทางแห่งคุณค่าและความยั่งยืนไปพร้อมกัน ซึ่งการเข้าร่วมงานในครั้งนี้ของรมย์รวินท์คลินิก แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของผู้นำธุรกิจความงามที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 22 ปี และจุดยืนของแบรนด์ไทยที่สามารถแข่งขันและเติบโตได้อย่างมั่นคงในเวทีระดับสากล ซึ่งตลาดความงามมีการแข่งขันสูงมาก แต่รมย์รวินท์ไม่เคยมองใครเป็นคู่แข่ง เพราะเชื่อว่าแต่ละคลินิกมีจุดแข็งและแนวทางของตัวเอง

สำหรับสิ่งที่รมย์รวินท์ยึดถือมาตลอดในการดำเนินธุรกิจ คือ "ความจริงใจและความใส่ใจต่อลูกค้า" โดยให้ความสำคัญกับการเลือกใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและปลอดภัย พร้อมการวิเคราะห์สภาพผิวแบบรายบุคคล เพื่อมอบผลลัพธ์ที่ชัดเจนและตรงจุด นอกจากนี้ ยังมีระบบเก็บข้อมูลลูกค้าอย่างละเอียด และให้คำปรึกษาอย่างโปร่งใส ซึ่งเป็นหัวใจของการสร้างความเชื่อมั่นและ Brand Loyalty ในระยะยาว

นอกจากนนี้ รมย์รวินท์ยังต่อยอดธุรกิจไปสู่ผลิตภัณฑ์ความงามครบวงจร ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (Skincare) กว่า 60 รายการ โดยใช้สารสกัดคุณภาพดี และออกแบบสูตรเฉพาะที่เหมาะกับผิวของคนไทย พร้อมควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอนการผลิต ผลิตภัณฑ์ของรมย์รวินท์ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าเดิม และขยายสู่กลุ่มผู้ใช้ใหม่ผ่านการบอกต่อจากประสบการณ์จริง ซึ่งช่วยสร้างความน่าเชื่อถือในแบรนด์อย่างต่อเนื่อง

"เรามองว่าการดูแลผิวไม่ควรจบแค่ในคลินิก การมีผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าใช้ต่อเนื่องที่บ้านจะช่วยเสริมผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น และสร้างความมั่นใจในระยะยาว" นางสาวขวัญฤทัย กล่าว

ขณะที่ นายเอกลักญ กรรณศรณ์ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ BrandThink กล่าวว่า แบรนด์ที่แข็งแกร่งไม่ได้เกิดจากแค่ผลิตภัณฑ์ที่ดี แต่ต้องมีเรื่องราวที่สามารถสร้างความเชื่อมโยงกับผู้บริโภค และสามารถส่งต่อคุณค่าได้อย่างชัดเจน พร้อมเน้นย้ำการสร้างแบรนด์ (Brand Building) ในยุคปัจจุบัน ต้องมากกว่าการทำตลาดแบบเดิม ๆ แต่ต้องเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับผู้บริโภค ผ่าน Storytelling ที่จริงใจ การมีจุดยืนที่ชัดเจน (Brand Purpose) และการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง

"แบรนด์ไอคอนิกไม่ได้วัดกันที่ยอดขายในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่คือแบรนด์ที่อยู่ในใจของผู้บริโภคในระยะยาว" นาย เอกลักญ กล่าว "สิ่งสำคัญคือแบรนด์ต้องหาคุณค่าเฉพาะตัวของตัวเองให้เจอ และสื่อสารมันออกไปอย่างสม่ำเสมอ"

นอกจากนี้ แบรนด์ควรให้ความสำคัญกับการสร้าง Community ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ และ การเล่าเรื่องที่สามารถกระตุ้นอารมณ์และแรงบันดาลใจ เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกว่าแบรนด์นี้เป็นมากกว่าผลิตภัณฑ์ แต่เป็น Lifestyle และ Identity ของพวกเขา ซึ่งงาน Cosmoprof CBE ASEAN ในปีนี้จึงเป็นพื้นที่สำคัญที่ช่วยให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมความงาม เข้าใจถึงศิลปะของการสร้างแบรนด์ที่ยั่งยืนและสามารถก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภครักและจดจำได้อย่างแท้จริง

สำหรับธุรกิจ ผู้ประกอบการ โรงงาน และผู้ผลิตที่อยู่ในอุตสาหกรรมความงาม ที่สนใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ความงาม อย่าพลาดงานสำคัญนี้ Cosmoprof CBE ASEAN 2025 รอคุณอยู่ ระหว่างวันที่ 25-27 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและลงทะเบียนชมงานออนไลน์ได้ที่ www.cosmoprofcbeasean.com


ข่าวอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์+อินฟอร์มา มาร์เก็ตวันนี้

FoSTAT และสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ จับมือ ProPak Asia 2025 จัดสัมมนา ปั้นอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารสู่มาตรฐานสากล ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม

สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ และ สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหารแห่งประเทศไทย (FoSTAT) และ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน ProPak Asia 2025 งานแสดงเทคโนโลยี เครื่องจักร และโซลูชันด้านกระบวนการผลิต การแปรรูป และบรรจุภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ซึ่งครอบคลุมอุตสาหกรรมอาหาร อาหารแปรรูป เครื่องดื่ม และบรรจุภัณฑ์ ยังคงยึดมั่นในพันธกิจที่จะส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตไทยให้แข็งแกร่งเป็นฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจประเทศ เพื่อเดินหน้ายกระดับองค์ความรู้สู่ผู้ประกอบการในทุกภูมิภาค ดังนั้นทั้ง 3

นายธัชพล วงษ์รักษา รองผู้อำนวยการฝ่ายบริห... JGAB 2025 เปิดเวที The Next Gem Awards 2025 เฟ้นหาดีไซน์เนอร์เครื่องประดับรุ่นใหม่ — นายธัชพล วงษ์รักษา รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการ อินฟอร์มา มาร์เก็ต...

อินฟอร์มาฯ สานความร่วมมือเครือข่าย เตรียม... อินฟอร์มาฯ เตรียมจัดงาน "อินเตอร์แมค-ซับคอน-พลาสติกฯ 2025" — อินฟอร์มาฯ สานความร่วมมือเครือข่าย เตรียมจัดงาน "อินเตอร์แมค-ซับคอน-พลาสติกฯ 2025" สร้างเวทีแ...

พลาสติกแอนด์รับเบอร์ ไทยแลนด์ 2025 จัดขึ้... Plastics & Rubber Thailand 2025 งานแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตพลาสติกและยาง — พลาสติกแอนด์รับเบอร์ ไทยแลนด์ 2025 จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 โดยได้รับคว...