นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึง สถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ในเขตซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ ระบาดมากในช่วงฤดูหนาวและฤดูฝนตามลำดับ สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2566-ปัจจุบัน ทั่วโลกพบไข้หวัดใหญ่ชนิด A(H3N2) ไข้หวัดใหญ่ชนิด A(H1N1) pdm09 และไข้หวัดใหญ่ชนิด B (Victoria Lineage) เป็นสาเหตุของการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ผลการวิเคราะห์สารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ และตรวจจำแนกสายพันธุ์โดยการวิเคราะห์ลำดับพันธุกรรมในปัจจุบันจากทั่วโลก พบว่า
นายแพทย์ยงยศ กล่าวต่อว่า สำหรับในประเทศไทย สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในปัจจุบัน พบว่าไข้หวัดใหญ่ A(H1N1) pdm09 มากที่สุด คิดเป็นสัดส่วน 41.25% รองลงมาคือไข้หวัดใหญ่ชนิด A(H3N2) 32.24% และ ชนิด B(Victoria) มีสัดส่วน 26.51% ตามลำดับ และจากการวิเคราะห์สายพันธุ์ของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทย (1 ตุลาคม 2566 - กันยายน 2567) ด้วยการประยุกต์ใช้เทคนิคการวิเคราะห์ลำดับพันธุกรรมทั้งจีโนม และประเมินความสอดคล้องกับสายพันธุ์วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่องค์การอนามัยโลกประกาศสำหรับซีกโลกใต้ ปี 2024 พบดังนี้
นายแพทย์ยงยศ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับผลการวิเคราะห์การกลายพันธุ์ของยีนที่ควบคุมการผลิตเอนไซม์นิวรามินิเดส (Neuraminidase:NA) จากเชื้อไข้หวัดใหญ่ ประจำเดือนกันยายน 2567 จำนวน 85 ตัวอย่าง (อ้างอิงข้อมูลการกลายพันธุ์จากองค์การอนามัยโลก 7 มีนาคม 2566) ดังนี้
"การเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ของเชื้อไข้หวัดใหญ่มีความสำคัญอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการดื้อยาและเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาและป้องกันโรค ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ยังคงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ทั้งนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยังคงร่วมกับเครือข่ายเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพื่อวางมาตรการการควบคุมและป้องกันโรคได้อย่างเหมาะสมและทันเหตุการณ์ ซึ่งจะช่วยให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดและปรับมาตรการการรักษาได้อย่างเหมาะสม และขอเน้นย้ำว่า วัคซีนที่ใช้ในประเทศไทยยังสามารถป้องกันสายพันธุ์ของเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่พบในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี ขอให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปี ควบคู่กับการดูแลป้องกันตนเอง ด้วยการล้างมือบ่อยๆ ไม่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัด และหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัดและอากาศถ่ายเทไม่สะดวกเป็นเวลานาน หากสงสัยว่ามีอาการป่วย แนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง" นายแพทย์ยงยศ ทิ้งท้าย
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ กรมควบคุมโรค ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (US-CDC) และโรงพยาบาลเครือข่ายทั้งในและนอกกระทรวงสาธารณสุข พัฒนาระบบเฝ้าระวังและเครือข่ายโรคไข้หวัดใหญ่ทางห้องปฏิบัติการ พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูล และทำงานร่วมกันในการตรวจจับหาเชื้อสายพันธุ์ใหม่ ติดตามการกลายพันธุ์และการดื้อยา ตลอดจนการเสนอข้อมูลและความรู้ในสถานการณ์การระบาดที่รวดเร็ว นายแพทย์อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากการติดตามเฝ้าระวังของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เสริมความรู้ผู้ประกอบการโรงแรมในจังหวัดภูเก็ต กระบี่ และพังงา เฝ้าระวังตัวเรือด เชื้อลีจิโอเนลลา และเชื้อไวรัสโนโร ด้วย 3C
—
กรมวิทยาศาส...
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เสริมความรู้ความเข้าใจ ระบบคุณภาพ OECD GLP สร้างความเข้มแข็งหน่วยตรวจสอบขึ้นทะเบียนแห่งชาติ
—
สำนักมาตรฐานห้องปฏิบัติการ กรมวิทยาศา...
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมเครือข่ายเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัส hMPV
—
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมเครือข่ายเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัส hMPV ทางห้องปฏิบัติการ ...
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยโควิด 19 สายพันธุ์ JN.1* ยังเป็นสายพันธุ์ที่พบมากที่สุดในไทย แนะกลุ่มเสี่ยงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้ออย่างสม่ำเสมอ
—
นายแพทย์ยงย...
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พัฒนาคุณภาพการตรวจน้ำตาลสะสมในเลือด มาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ เพิ่มความแม่นยำในการรักษาเบาหวาน
—
นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิท...
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดบ้านให้นักเรียน ชมห้องแล็บ เรียนรู้สร้างแรงบันดาลใจ
—
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดบ้านให้คณะครูและนักเรีย...