วิกฤตผู้สูงวัย! แรงงานสูงอายุไทยเผชิญความท้าทาย การส่งเสริมงานยังไม่เพียงพอ - หากภาครัฐไม่เร่งพัฒนาและปรับนโยบายอาจช้าเกินแก้!" มส.ผส. และภาคีเครือข่าย ผนึกกำลังชู 4 มาตรการหลัก เพื่อเร่งแก้ไขและพัฒนาระบบรองรับแรงงานสูงวัย
สถานการณ์ประชากรสูงอายุในประเทศไทยกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อประเทศกลายเป็น "สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์" โดยในปี 2566 มีผู้สูงอายุมากกว่า 12.9 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด และในกลุ่มนี้ มีผู้สูงอายุที่ยังคงอยู่ในวัยทำงานมากกว่าร้อยละ 37.55 แม้รัฐบาลจะมีนโยบายสนับสนุนการทำงานของผู้สูงอายุ แต่การขับเคลื่อนยังคงเผชิญกับความท้าทายมากมาย
มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.) ได้จัดการประชุมเชิงนโยบายเพื่อหารือและนำเสนอ "ข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อการส่งเสริมการทำงานของผู้สูงอายุ" เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2567 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากผู้เข้าร่วมประชุมจากหลายภาคส่วน ทั้งหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน และนักวิชาการ โดยข้อเสนอแนะสำคัญได้ชี้ชัดถึงความท้าทายที่ไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมสูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ แต่ระบบนโยบายและมาตรการที่เกี่ยวข้องยังคงขาดการรองรับและสนับสนุนในระดับที่เพียงพอ
นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ ประธานมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่การขับเคลื่อนนโยบายเพื่อส่งเสริมการมีงานทำของผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มแรงงานสำคัญที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การดำเนินนโยบายยังเผชิญกับข้อจำกัดด้านความยืดหยุ่นและความพร้อมในระบบแรงงาน โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานนอกระบบซึ่งไม่มีหลักประกันทางสังคม "ความท้าทายของนโยบายการส่งเสริมการทำงานผู้สูงอายุ" พบว่า การส่งเสริมการทำงานของผู้สูงอายุต้องมุ่งเน้นที่การสร้างระบบสนับสนุนอย่างยั่งยืน ไม่เพียงแต่การขยายโอกาสในการจ้างงานเท่านั้น แต่ยังต้องรวมถึงการพัฒนาฐานข้อมูลที่เชื่อมโยงข้อมูลผู้สูงอายุเพื่อให้สามารถจับคู่กับงานที่เหมาะสมกับศักยภาพของพวกเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะใหม่ๆ ก็เป็นเรื่องสำคัญ ทั้งนี้ กลุ่มแรงงานผู้สูงอายุยังคงเผชิญกับปัญหาค่าตอบแทนต่ำ และขาดความมั่นคงในการจ้างงาน แม้จะเป็นกลุ่มแรงงานที่มีทักษะเฉพาะทางในด้านเกษตรและการค้า แต่ก็ยังต้องพึ่งพางานนอกระบบที่ไม่มีความเสถียร
นอกจากนี้ ผู้สูงอายุที่ต้องทำงานเพื่อความอยู่รอดยังคงพบกับปัญหาในด้านทัศนคติของสังคมที่มองว่าผู้สูงอายุไม่สามารถสร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคมได้อย่างเต็มที่ นี่เป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่ต้องได้รับการแก้ไขควบคู่ไปกับการสร้างแรงจูงใจทางนโยบาย เช่น การเพิ่มสิทธิประโยชน์ในการประกันสังคม การลดหย่อนภาษีสำหรับสถานประกอบการที่จ้างแรงงานสูงอายุ และการขยายอายุเกษียณเพื่อให้ผู้สูงอายุมีโอกาสในการทำงานได้นานขึ้น และอีกประเด็นที่สำคัญคือการพัฒนาเชิงนโยบายในระดับท้องถิ่น นอกจากการพัฒนานโยบายในระดับชาติแล้ว ท้องถิ่นต้องมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการจ้างงานผู้สูงอายุ โดยควรมีการสร้างเครือข่ายและแพลตฟอร์มระดับชุมชนเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้สูงอายุในวิสาหกิจชุมชน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการทำงานจากที่บ้าน ซึ่งจะช่วยลดความซับซ้อนในการเดินทางและลดค่าใช้จ่ายในการประกอบอาชีพ
พญ.ลัดดา ดำริการเลิศ ผู้ทรงคุณวุฒิและกรรมการมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ ท่ามกลางปัจจัยที่ท้าทายด้านเศรษฐกิจและสังคม แนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างโอกาสการทำงานให้กับผู้สูงอายุจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ในการประชุมครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ผู้แทนจากหลายหน่วยงานได้มีการอภิปรายและเสนอแนะแนวทางเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงนี้ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การจัดการข้อมูลผู้สูงอายุ การส่งเสริมการจ้างงาน การฝึกทักษะ รวมถึงสิทธิประโยชน์และมาตรการจูงใจต่าง ๆ สรุปมาตรการเร่งด่วนที่ต้องเร่งจัดการเพื่อส่งเสริมการทำงานสำหรับผู้สูงอายุได้ดังนี้
1. การจัดการฐานข้อมูลและการจัดหางานสำหรับผู้สูงอายุ การเชื่อมโยงและการพัฒนาฐานข้อมูลที่ครอบคลุมเกี่ยวกับสถานะและความต้องการของผู้สูงอายุ เป็นข้อเสนอที่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม เนื่องจากจะช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถออกแบบนโยบายและมาตรการที่ตอบโจทย์ตรงตามความต้องการของผู้สูงอายุได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ การใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างแพลตฟอร์มในการจับคู่งาน เช่น "Smart Job" จะช่วยลดช่องว่างระหว่างผู้สูงอายุและตลาดแรงงาน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องการทำงานนอกระบบ เช่น งานภาคเกษตรและธุรกิจส่วนตัว
2. สิทธิประโยชน์และแรงจูงใจในการทำงาน ประเด็นเรื่องสิทธิประโยชน์จากประกันสังคมสำหรับผู้สูงอายุเป็นอีกหนึ่งหัวข้อสำคัญ โดยมีข้อเสนอให้ขยายอายุการรับสิทธิประโยชน์ชราภาพตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป พร้อมทั้งเสนอให้มีการปรับเปลี่ยนกฎหมายเพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถรับบำนาญบางส่วนในขณะที่ยังคงทำงานได้ นอกจากนี้ ยังมีการเสนอให้สถานประกอบการที่สนับสนุนการฝึกทักษะให้ผู้สูงอายุสามารถนำค่าใช้จ่ายในการพัฒนาทักษะมาหักภาษีได้ ซึ่งเป็นแนวทางที่นำตัวอย่างจากประเทศเกาหลีใต้
3. การฝึกทักษะและการพัฒนาแรงงานสูงอายุ การฝึกทักษะ (Up-skill) และการเปลี่ยนทักษะ (Reskill) เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมาก โดยผู้แทนจากหลายฝ่ายมองว่าผู้สูงอายุควรได้รับการสนับสนุนในการพัฒนาทักษะที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล หรือการสร้างความรู้ใหม่ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในอาชีพต่าง ๆ เช่น การฝึกทักษะการเงิน หรือการวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภค การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลยังเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมการทำงานของผู้สูงอายุ ผ่านช่องทางออนไลน์ที่ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถหางานได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการเสนอให้มีการพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับการจับคู่งานที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุในแต่ละช่วงวัยและทักษะที่มีอยู่
4. การมีส่วนร่วมของชุมชนและภาคีเครือข่าย การสนับสนุนให้ผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในการทำงานในชุมชนหรือวิสาหกิจเพื่อสังคม เป็นแนวทางที่ได้รับการส่งเสริมอย่างมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทที่อาจมีข้อจำกัดเรื่องโอกาสการทำงาน การรวมกลุ่มเพื่อแบ่งปันทรัพยากรและเทคโนโลยี เช่น การใช้เครื่องจักรในการเกษตร จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการประกอบอาชีพ นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมให้หน่วยงานท้องถิ่นมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนและสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุ
แนวทางการพัฒนาและการสนับสนุนผู้สูงอายุเหล่านี้เป็นการก้าวไปข้างหน้าสำหรับการสร้างสังคมที่พร้อมรับมือกับสังคมผู้สูงอายุ โดยมีการบูรณาการระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนในทุกระดับ ทั้งนี้เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศต่อไป
มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทยเร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้กว่า 8 พันครัวเรือน
สธ. เดินหน้าปั้น 'Super CG' เสริมพลังระบบดูแลผู้สูงอายุ ครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 10,000 คน
TM ปลื้ม THE PARENTS ก้าวสู่ปีที่ 4 ในธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ เพิ่มบริการใหม่ครอบคลุมความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
ทีทีบี ชวนเที่ยวงานกาชาด 2568 พบกับร้านทีทีบี ร่วมทำบุญซื้อสลากกาชาด ลุ้นโชคใหญ่ 716 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 7 ล้านบาท พิเศษ "ถูกรางวัล ไม่ต้องเสียภาษี"
พีดีเฮ้าส์ต่อยอดความสำเร็จเปิดตัว Well Being Series III โชว์ไม้เด็ด Modular Plan ให้ลูกค้าปรับ-เพิ่ม-ลดด้วยตนเอง
อนุทิน-พัฒนา" เร่งฟื้นฟูสุขาภิบาล-คุณภาพน้ำประปา และจัดการขยะหลังน้ำท่วม เผยพบเด็กเล็กเจ็บป่วยเพิ่ม แนะประชาชนเฝ้าระวังสุขอนามัย
ไทยประกันชีวิต จับมือ Chersery Home International จัดกิจกรรมเติมพลังใจ "Palliative Care ดูแลด้วยคุณค่าและความเข้าใจ"
NKT ผนึก "Chersery Home" ดัน "นครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ บาย เฌ้อสเซอรี่ โฮม" ปั้นธุรกิจดูแลผู้สูงวัย พร้อมเปิดให้บริการปี 69 ปักธงเป็นศูนย์ชั้นนำอาเซียน ปี 73
เครื่องฟอกอากาศ PM 2.5 เพื่ออากาศสะอาดในบ้าน