วว. พัฒนาการเพาะเลี้ยงสาหร่ายเพื่อดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรม

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) จัดตั้ง ศูนย์ความเป็นเลิศด้านสาหร่าย (ALEC) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัด ศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพ มีภารกิจดำเนินงานด้านสาหร่ายอย่างครบวงจร ได้แก่ วิจัย พัฒนา ถ่ายทอดเทคโนโลยี และบริการด้านสาหร่ายน้ำจืดมากกว่า 30 ปี

วว. พัฒนาการเพาะเลี้ยงสาหร่ายเพื่อดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรม

เริ่มตั้งแต่ ต้นน้ำ คือ จัดการคลังสาหร่าย เพื่อคัดเลือกสายพันธุ์ตามเป้าหมายการใช้ประโยชน์ วว. พัฒนาการเพาะเลี้ยงสาหร่ายเพื่อดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรม

กลางน้ำ  คือ ศึกษาสภาพที่เหมาะสมในการเพาะเลี้ยงทั้งระดับห้องปฏิบัติการ/กลางแจ้ง

ปลายน้ำ  คือ วิจัย พัฒนากระบวนการเพาะเลี้ยงระดับกลางแจ้งต้นแบบ ตั้งแต่ขนาด 100-40,000 ลิตร เป็นระบบการเพาะเลี้ยงแบบต่อเนื่องและครบวงจร มีปริมาตรรวม 400,000 ลิตร  เพื่อผลิตชีวมวล หรือผลิตภัณฑ์เป้าหมายอื่นๆ จากสาหร่ายสายพันธุ์คัดเลือก และในยุคที่โลกเผชิญกับวิกฤตการณ์ทางสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในบรรยากาศกลายเป็นความสำคัญอันดับต้นๆ หนึ่งในแนวทางที่มีศักยภาพและกำลังได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นคือ การใช้สาหร่ายขนาดเล็ก (Microalgae) ที่ไม่เพียงเพื่อดูดซับ CO2 เท่านั้นแต่ยังเพื่อการผลิตสารมูลค่าสูงซึ่งมีประโยชน์ในหลายอุตสาหกรรม นับเป็นการใช้ทรัพยากรชีวภาพในประเทศ สู่การประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อภาคสิ่งแวดล้อมและภาคอุตสาหกรรมของประเทศอย่างยั่งยืน

วว. นำศักยภาพของสาหร่ายขนาดเล็กที่มีความสามารถในการสังเคราะห์แสงเช่นเดียวกับพืช มาเป็นแนวคิดในการศึกษาค้นคว้าและพัฒนาเทคโนโลยี โดยใช้พลังงานจากแสงแดดและดูดซับ CO2 จากบรรยากาศเพื่อสร้างอาหารและสารชีวโมเลกุลต่างๆ ในเซลล์ กระบวนการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดปริมาณ CO2 ในบรรยากาศ แต่ยังสร้างสารประกอบที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต น้ำมัน และสารชีวโมเลกุลอื่นๆ ซึ่งมีประโยชน์ในหลายอุตสาหกรรม

 จากการดำเนินโครงการประสบผลสำเร็จในการพัฒนานวัตกรรมของผลงาน คือ การพัฒนาระบบการเพาะเลี้ยงสาหร่ายในบ่อและระบบปิด ที่สามารถควบคุมปัจจัยต่างๆ เช่น แสง อุณหภูมิ และแหล่งสารอาหาร ทำให้สามารถเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของสารชีวโมเลกุลที่ได้จากกระบวนการ

เนื่องจากสาหร่ายเจริญเติบโตได้เร็วและใช้เวลาในการเพาะเลี้ยงเพียง 1-2 เดือน นอกจากนี้ยังสามารถเพาะเลี้ยงได้ในแหล่งน้ำต่างๆ เช่น ทะเล น้ำจืด และบ่อเลี้ยง จึงลดปัญหาการแย่งพื้นที่ในการเพาะปลูกพืชน้ำมัน รวมทั้งสาหร่ายสามารถดูดซับ CO2  จากชั้นบรรยากาศได้ จึงช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อน

การใช้ประโยชน์จาก CO2 เพื่อสนับสนุนการเพาะเลี้ยงสาหร่ายในภาคอุตสาหกรรม อยู่ระหว่างการยื่นจดสิทธิบัตร มีต้นทุนการวิจัย ประกอบด้วย

1) ถังปฏิกรณ์ชีวภาพแบบใช้แสง (Photobioreactor) ซึ่งทาง วว. เป็นผู้ออกแบบระบบและสร้างขึ้นเองใช้งานเอง จึงมีประสิทธิภาพที่จะรองรับระบบการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและสภาพแวดล้อมของการเพาะเลี้ยงในประเทศไทย โดยมีราคาถูกกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศ 2 เท่า

 2)  อาหารสำหรับการเพาะเลี้ยงสาหร่าย  ที่ วว. มีการปรับปรุงให้มีคุณภาพเทียบเท่ากับกับท้องตลาด แต่มีราคาที่ลดลงกว่า 10 เท่า

 3) หัวเชื้อสายพันธุ์สาหร่าย เป็นสายพันธุ์ที่พบในประเทศไทย โดย วว. ขยายพันธุ์ได้เอง เป็นการลดการนำเข้าจากต่างประเทศ นอกจากนั้นสายพันธุ์ดังกล่าวยังสามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย โดยไม่จำเป็นต้องควบคุมอุณหภูมิและการให้แสง เป็นการลดการใช้พลังงานสำหรับการเพาะเลี้ยง ผลผลิตชีวมวลสาหร่ายเมื่อเลี้ยงด้วย Flue gas จากโรงงานอุตสาหกรรมได้ชีวมวลสาหร่าย 2 กรัมต่อลิตรในเวลา 24 วัน ซึ่งให้ผลผลิตสูงกว่าการเพาะเลี้ยงด้วยอากาศปกติ 2.5 เท่า โดยชีวมวลสาหร่ายแห้งสามารถขายได้ในราคา 3,000 บาทต่อกิโลกรัม หากนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์จะสามารถเพิ่มมูลค่าได้อีก ดังนั้นจะเห็นได้ว่าสาหร่ายขนาดเล็กสามารถดูดซับ CO2 ที่ปล่อยจากโรงงานอุสาหกรรมโดยระบบการเพาะเลี้ยงต้นทุนต่ำ และเปลี่ยนเป็นชีวมวลสาหร่ายเพื่อนำไปใช้สร้างเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงต่อไปได้

แม้ว่าการใช้สาหร่ายขนาดเล็กเพื่อดูดซับ CO2 และผลิตสารมูลค่าสูงจะมีศักยภาพสูง แต่ยังคงมีความท้าทายที่ต้องเผชิญ เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงและการสกัดสารชีวโมเลกุล การลดต้นทุนการผลิต และการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงสุด การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากสาหร่ายขนาดเล็กในอนาคตอย่างยั่งยืน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและรับบริการด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม จาก วว. ได้ที่ call center โทร. 0 2577 9000  โทรสาร 0 2577 9009  E-mail : [email protected] หรือที่ "วว. JUMP"

 


ข่าวสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย+วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีวันนี้

วว. ร่วมกับ JILM ประเทศญี่ปุ่น เสริมแกร่งผู้ประกอบการด้านอลูมิเนียมอัลลอยมาตรฐานสากล

ดร.โศรดา วัลภา รองผู้ว่าการวิจัยและพัฒนาบริการอุตสาหกรรม สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาวิชาการ เรื่อง Technical Seminar on Aluminum Alloys in Thailand 2025 จัดโดย หน่วยฝึกอบรม กลุ่มบริการอุตสาหกรรม วว. ร่วมกับ สถาบัน Japan Institute of Light Metals (JILM) ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 10-11 กันยายน 2568 ณ โรงแรมโนโวเทล ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต จ.ปทุมธานี เพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านกระบวนการผลิตประ

นางศิรินันท์ ทับทิมเทศ นักบริหารพิเศษ ในฐ... วว. โชว์ศักยภาพงานบริการ วทน. @ Thailand LAB INTERNATIONAL 2025 — นางศิรินันท์ ทับทิมเทศ นักบริหารพิเศษ ในฐานะผู้แทน สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี...

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและน... วว. จับมือ ปตท. พัฒนาศักยภาพการบริหารองค์กร ส่งเสริมระบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืน — กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย ผศ.ดร.วีรชัย อาจหา...

ผศ.ดร.วีรชัย อาจหาญ ผู้ว่าการ สถาบันวิจัย... วว. ร่วมเป็นเกียรติในการเปิดเวทีนักประดิษฐ์ 248 ผลงาน จัดโดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ — ผศ.ดร.วีรชัย อาจหาญ ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห...